รัฐบาลผุดไอเดียปลดหนี้ กยศ. ตาม พ.ร.บ. กองทุนฯ คำนวณหนี้ใหม่ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ คาดล้างมูลหนี้ในระบบได้กึ่งหนึ่ง เตรียมแก้หนี้ครู หนี้ตำรวจ แบ่งเบาภาระหนี้สินในระบบให้ลดลง ย้ำไม่ลดหนี้ หรือยกหนี้ให้ แต่จะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2566 กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตามคำสั่งของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนหลังจากตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และหนี้ครัวเรือนสูงเกิน 90% ของ GDP
กิตติรัตน์ ณ ระนอง ระบุว่า ปัจจุบัน ไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงเกิน 90% ของจีดีพี ซึ่งมีสัดส่วนที่สูงและคงค้างเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องเร่งสะสางหนี้ แต่ต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการหนี้สินของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ตลอดจนหนี้สินตำรวจ หนี้สินครู หรือหนี้ข้าราชการ ที่มีจำนวนมหาศาลในระบบ
ในการหารือเพื่อแก้หนี้ กยศ. จะดำเนินการตาม พ.ร.บ. กองทุน กยศ. ฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่าเดิม และเอื้อให้คำนวณหนี้ใหม่ด้วย โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 1% ต่อปี (จากแต่เดิมอยู่ที่ 1% ต่อปี)
- กรณีผิดนัดชำระลดอัตราเบี้ยปรับเหลือไม่เกิน 0.5% ต่อปี (จากแต่เดิมอยู่ที่ 7.5% ต่อปี)
- ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในทุกกรณี
- เพิ่มให้มีการกู้เรียนในหลักสูตรระยะสั้น และให้ทุนการศึกษา
- ปรับลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ โดยจะหักต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนดก่อน ตามมาด้วยดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใด และเงินเพิ่มตามลำดับ
- เพิ่มจำนวนงวดชำระเป็น รายเดือน, รายไตรมาส และ รายปี (จากแต่เดิมมีเฉพาะงวดชำระรายปี)
- ช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีหรืออยู่ระหว่างการบังคับคดีให้สามารถผ่อนผันการชำระเงินคืน ปรับโครงสร้างหนี้ หรือแปลงหนี้ใหม่ ตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด
กิตติรัตน์ ระบุว่า ลูกหนี้ กยศ. ทั่วประเทศมีประมาณ 3.8 ล้านคน และมีมูลหนี้ประมาณ 1 ล้านล้านบาท หากบังคับใช้กฎหมายใหม่ ตาม พ.ร.บ.กองทุน กยศ. จะทำให้ลูกหนี้ กยศ.หลายคนไม่เหลือหนี้อยู่ หรือคนที่ชำระหนี้ไปแล้วหลายคนอาจได้เงินคืน จากการคำนวณหนี้สินแบบใหม่ ในอัตราดอกเบี้ยใหม่ หากนำมาคำนวณใหม่ มูลหนี้ที่เหลือค้างใน กยศ. จะเหลือประมาณ 50% เท่านั้น
นอกจากเรื่องของหนี้สินแล้ว กิตติรัตน์ เปิดเผยว่า ตนจะหารือเรื่องของการช่วยเหลือเรื่องของหนี้สินครัวเรือนในส่วนของข้าราชการอื่น ๆ ด้วย เช่น หนี้ครู หนี้ตำรวจ เพื่อให้แบ่งเบาภาระหนี้สินในระบบให้ลดลง ซึ่งการเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สิน ทั้งนี้ จะไม่ดำเนินการลดหนี้ หรือยกหนี้ให้ แต่จะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด เพราะรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ทำเกินกว่ากฎหมายกำหนดได้
ทิ้งท้าย กิตติรัตน์ เชื่อว่า แม้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่อาจทำให้การเมืองมีความชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ยอมรับว่าได้รับแรงกดดันและความคาดหวังสูง แต่ส่วนหนึ่ง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ยังล่าช้า ไม่ผ่านสภา ทำให้งบลงทุนยังไม่มีความชัดเจน ยืนยันว่าภาครัฐยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแก้หนี้ภาคประชาชน หนี้นอกระบบ ตลอดจนการปรับขึ้นค่าแรง ย้ำว่า นี่คือแก้ปัญหาที่จับต้องได้จริง
