EQUITY AWARD 2025 : ‘ครู’ ผู้เปลี่ยนชีวิต เด็กหลุดจากระบบการศึกษา

ย้ำบทบาทครู ที่ไม่ยอมให้ความยากจน ความเปราะบาง ความเหลื่อมล้ำ มาทำให้เด็กหลุดออกจากโอกาสทางการศึกษา เผยปีการศึกษา 2567 ทุนเสมอภาค มีส่วนช่วยนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษ 1.34 ล้านคน ให้คงอยู่ในระบบการศึกษา 97.88%

เมื่อเร็ว ๆ นี้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยจัดการศึกษา 6 สังกัด จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติคุณสำหรับผู้สร้างความเสมอภาคทางการศึกษา “EQUITY AWARD 2025” เพื่อยกย่องเชิดชูครู ผู้บริหาร สถานศึกษาทั่วประเทศ และหน่วยงานภาคี ที่เป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็กให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา แสดงบทบาทอย่างเข้มแข็งในการติดตามดูแล ป้องกันไม่ให้หลุดจากระบบ และเชื่อมโยงความร่วมมือทุกภาคส่วนสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษา เพื่อเด็กได้เรียนต่ออย่างเต็มศักยภาพ ภายใต้ โครงการทุนเสมอภาค ของ กสศ. หรือ Conditional Cash Transfer (CCT) โดยปีนี้ รางวัล EQUITY AWARD ได้มอบให้กับสถานศึกษา และบุคคลผู้สร้างความเสมอภาคทางการศึกษา แบ่งเป็น 5  ประเภท  ได้แก่

  1. รางวัลนวัตกรเสมอภาค หรือ Equity Innovator Award มอบให้กับสถานศึกษาที่สร้างสรรค์แนวทางหรือนวัตกรรมใหม่ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จำนวน 72 แห่ง

  2. รางวัลสานพลังความเสมอภาค หรือ Equity Catalyst Award มอบให้กับสถานศึกษาที่ขับเคลื่อนความร่วมมือเชิงระบบระหว่างภาคีที่หลากหลายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จำนวน 20 แห่ง

  3. รางวัลเสมอภาคอย่างยั่งยืน หรือ Equity Sustainer Award มอบให้กับสถานศึกษาที่ดำเนินงานด้านความเสมอภาคอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในพื้นที่จริง จำนวน 24 แห่ง

  4. รางวัลภาคีร่วมสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา มอบให้กับหน่วยงานหรือองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาร่วมกับ กสศ. จำนวน 3 องค์กร

  5. รางวัลบุคคลผู้สร้างความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ People Award โดยเปิดให้ประชาชนร่วมโหวตครูและผู้อำนวยการ ที่มีความโดดเด่นด้านการเปลี่ยนชีวิตเด็กให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม จำนวน 3 ท่าน โดยผู้ที่ได้รับรางวัลในปีนี้ ได้แก่

โรงเรียนที่พร้อมเข้าใจเด็ก

ภูเบศร์ ชื่นชม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านน้ำพ่น จ.อุดรธานี ผู้นำที่ให้ความสำคัญกับ การฟังเด็ก และใช้ระบบคัดกรองเด็กเป็นเป็นรายคน รายกลุ่ม ออกเยี่ยมบ้านเพื่อเข้าใจพื้นฐานชีวิตจริงของเด็ก และระดมความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเด็ก

ภูเบศร์ ชื่นชม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านน้ำพ่น จ.อุดรธานี

ที่โรงเรียนบ้านน้ำพ่น ครูไม่เร่งสอน แต่กลับไปเรียนรู้เด็กก่อน โรงเรียนไม่ถามว่า “เด็กพร้อมเรียนหรือยัง” แต่ถามกลับว่า “เราเข้าใจชีวิตเขาดีพอหรือยัง” เด็กบางคนไม่ได้หลุดจากระบบเพราะความยากจนทางกายภาพ แต่เพราะขาดแรงใจ ไม่มีใครรอที่บ้าน ไม่มีใครฟังในห้องเรียน และไม่มีใครเห็นในโลกออนไลน์ที่เขาใช้เป็นที่พักใจ

“โรงเรียนของเราไม่ได้ใหญ่ ไม่ได้เพียบพร้อม แต่เราพยายามเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนกำลังหายใจอยู่ในโลกแบบไหน”

คำพูดของ ผอ.ภูเบศร์ ย้ำถึงการกลับมาของเด็ก ไม่ใช่เรื่องอัตโนมัติ แต่คือการดูแลที่ต้องใช้หัวใจ พอ ๆ กับหลักสูตร และเมื่อเด็กคนหนึ่งเริ่มอยากมาโรงเรียนอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะใครสั่ง แต่เพราะรู้ว่าเขามีค่า นั่นแหละ คือ การศึกษาที่มีชีวิต

ต้องไม่มีเด็กนักเรียนคนไหนถูกปล่อยผ่าน ไม่มีใครมองเห็น

อุกฤษฏ์ ยศปัญญา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเนินมะปราง จ.พิษณุโลก ผู้นำที่เชื่อว่าโรงเรียนคือระบบสนับสนุนชีวิตเด็ก ไม่ใช่แค่สถานที่เรียน และจับมือกับท้องถิ่นสร้างกลไกร่วมดูแลนักเรียนที่ขาดโอกาสแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ที่โรงเรียนบ้านเนินมะปราง เด็กที่ดื้อ เด็กที่เงียบ เด็กที่เก่งผิดคาด เด็กที่หายไปจากห้องเรียน ไม่มีใครถูกปล่อยผ่านโดยไม่มีใครมองเห็น

ผู้รับรางวัลแทน อุกฤษฏ์ ยศปัญญา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเนินมะปราง จ.พิษณุโลก

ผอ.อุกฤษฏ์ ไม่ได้เป็นแค่ผู้บริหารโรงเรียน แต่เป็นอดีตเด็กชายที่เคยนั่งเรียนในห้องเรียนเก่า ๆ ที่มีแค่ผนังวัด และโตมาพร้อมกับความฝันว่า “เด็กหลังเขา” ไม่ควรถูกทิ้งไว้เพราะบ้านไกลหรือไม่มีเงินค่ารถ เขาไม่ได้บริหารโรงเรียนแบบองค์กร แต่ฟื้นฟูมันแบบ “บ้านเก่า” ซึ่งต้องเป็นบ้านที่ต้องแข็งแรงพอให้เด็กทุกคนยืนอยู่ได้ เพราะบางครั้ง ครูไม่ได้เริ่มสอนจากหนังสือ แต่เริ่มจากคำถามง่าย ๆ ว่า “น้องได้กินข้าวหรือยัง ?” และเพราะบางปัญหา ไม่ได้แก้ได้ด้วยหลักสูตร แต่ต้องแก้ด้วยใจ ที่กล้ารับผิดชอบชีวิตเด็ก แม้จะไม่มีอยู่ในหน้าที่

ในวันที่ระบบใหญ่ยังเทอะทะ ครูคนหนึ่งยังลุกขึ้นมาเป็นเครือข่ายเล็ก ๆ ที่เหนียวแน่นพอจะกันเด็กไม่ให้หล่นจากระบบ การศึกษาที่ยั่งยืน อาจไม่ได้เริ่มจากนโยบาย แต่มาจากครูที่ยังเชื่อในเด็กทุกคน แม้เด็กคนนั้นจะไม่เคยถูกใครเรียกชื่อดัง ๆ มาก่อนเลยในชีวิต

ครูที่ไม่ยอมให้ภาษา ความยากจน มาปิดกั้นศักยภาพเด็ก

ภัทรชัย สุขุมวัฒนะ ครูโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม จ.ตาก ผู้สร้างหอพักให้เด็กชาติพันธุ์ และพัฒนาธนาคารโรงเรียน จนกลายเป็นเครื่องมือเปลี่ยนชีวิตเด็ก และช่วยให้เด็กกลุ่มเสี่ยงเรียนจบภาคบังคับได้จริงในพื้นที่ที่ห่างไกลที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

โดยที่ โรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม มีเด็กจากหลายเชื้อชาติมาเรียน บางคนพูดไทยไม่ได้ พูดไม่ชัด บางคนไม่มีรองเท้า บางคนไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่า “ความฝัน” หน้าตาเป็นยังไง แต่พวกเขาอยากไปโรงเรียน

ภัทรชัย สุขุมวัฒนะ ครูโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม จ.ตาก

ครูภัทรชัย ไม่ได้จบครู แต่เลือกจะขึ้นเขามาหาเด็กที่อาจไม่มีใครมองเห็น เลือกจะอยู่กับเด็กในวันที่ไม่มีไฟฟ้า  ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีคำชื่นชม

เขาก่อตั้ง “ทุนพ่อแม่อุปถัมภ์”  ให้เด็กเขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเอง ให้เด็กได้รู้ว่าตัวเองก็มีเสียง มีค่า และมีคนที่อยากช่วย เขาชวนเด็กออมเงินกับธนาคารโรงเรียน พาเด็กคุยกับรุ่นพี่ที่เคยจน เคยหลุด เคยเกือบออกนอกระบบ แล้วกลับมาเป็นผู้ให้รุ่นต่อไป และเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ปล่อยให้ภาษา หรือความยากจน มานิยามศักยภาพของเด็กคนหนึ่ง

“หนูพูดไทยไม่ชัด ก็ไม่เป็นไร ครูก็พูดอังกฤษไม่ชัดเหมือนกัน”

คือ ประโยคที่เปลี่ยนแผลในใจเด็ก ให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความกล้า

อย่าให้ความจน เปราะบาง เหลื่อมล้ำ ทำให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษา

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหาร กสศ. กล่าวขอบคุณและเชิดชูหัวใจของครูทั่วประเทศ ผู้เปรียบเสมือน “ผีเสื้อหลายแสนชีวิต” ที่ร่วมกันขยับปีก เปลี่ยนทั้งชีวิตของเด็ก และทิศทางของประเทศ ช่วยสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กไทยกว่า 1.3 ล้านคนต่อปี ให้ได้ขยับปีกบินสูงที่สุดตามศักยภาพของตัวเอง

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหาร กสศ.

ประธานกรรมการบริหาร กสศ. ระบุว่า จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษา มาจากพลังความทุ่มเทของครูทุกคนที่ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน คัดกรองนักเรียนด้วยหัวใจ โดยไม่ได้ทำตามคำสั่งหรือนโยบายจากส่วนกลางเท่านั้น แต่เป็นเพราะครูทุกคนมองเห็นว่าปลายทางของข้อมูลที่ได้จะนำไปสู่ ‘ทุน’ ที่เปลี่ยนชีวิตเด็กได้จริง โดยไม่ยอมให้ความยากจน ความเปราะบาง หรือความเหลื่อมล้ำใด ๆ มาทำให้เด็กหลุดออกจากโอกาสทางการศึกษา

ขณะที่ผู้บริหารสถานศึกษาหลายหมื่นแห่งก็ร่วมทำงานเชิงรุก ออกแบบนโยบายเพื่อสร้างความเสมอภาคภายในโรงเรียน ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการรายงานผลให้ผู้บริหารทราบ แต่เพื่อไม่ปล่อยให้เด็กคนใดหายไปจากห้องเรียน

จากจุดเริ่มต้นการขยับปีกของคุณครู ผู้บริหารโรงเรียน นำไปสู่การขยับของหน่วยงานภาครัฐระดับนโยบาย ทั้งการสนับสนุนงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีและรัฐสภา ได้ให้การสนับสนุนการปรับเพิ่มอัตราทุนเสมอภาคมาถึง 2 ครั้งในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา จาก 1,600 บาท สู่ 4,200 บาทในปัจจุบัน รวมทั้งการสนับสนุนที่ไม่เป็นตัวเงิน เช่น ความร่วมมือในมิติต่าง ๆ กับหน่วยงานภาครัฐ ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข ความมั่นคง สวัสดิการ และเทคโนโลยี ตลอดจนส่งต่อการสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาจากภาคเอกชน มูลนิธิ และประชาชน ให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาอย่างเต็มศักยภาพ

“สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราเห็นภาพใหม่ว่า การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ (System Change) ไม่ได้หมายถึงการออกนโยบายใหม่เสมอไป แต่อาจหมายถึงการเชื่อมโยงของระบบที่เคยทำงานแยกส่วน เริ่มหันหน้าเข้าหากัน เพื่อสนับสนุนเด็กเป็นรายบุคคล และยอมรับว่าความเสมอภาคทางการศึกษาสำหรับเด็กหนึ่งคนไม่ได้มีแค่โจทย์ด้านการศึกษาด้านเดียว แต่ยังมีโจทย์ทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ โภชนาการ ครอบครัว ความปลอดภัย และเศรษฐกิจ”

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล

ขณะที่ รศ.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา ย้ำว่า กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นแรงสนับสนุนหลักให้ผู้บริหารสถานศึกษา และคุณครูทุกคน ในการดูแลช่วยเหลือและส่งต่อโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาค โดยยึดมั่นในโยบายการศึกษาที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อมั่นว่าเด็กไทยทุกคนควรมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ไม่ว่าจะมีฐานะหรือภูมิหลังที่แตกต่างกันก็ตาม

รศ.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา

สำหรับทุนเสมอภาคของ กสศ. เป็นเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข ที่มอบให้แก่เด็กเยาวชนในครัวเรือนยากจนพิเศษ โดย กสศ. ร่วมมือกับ  6 หน่วยงานต้นสังกัดทางการศึกษา และคุณครูทั่วประเทศกว่า 400,000 คน ในการคัดกรองนักเรียนยากจนพิเศษ ที่แม้จะมีนโยบายเรียนฟรี แต่ยังมีอุปสรรคทำให้ไม่สามารถมาเรียนได้ เช่น ไม่มีค่าเดินทาง ไม่มีค่าอาหาร ความห่างไกล ทุรกันดาร เพื่อให้ได้รับเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขหรือทุนเสมอภาค แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการมาเรียน ป้องกันหลุดจากระบบการศึกษา

ผลลัพธ์ของโครงการทุนเสมอภาคตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ช่วยป้องกันไม่ให้นักเรียนยากจนพิเศษหลุดออกจากระบบก่อนสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ โดยล่าสุดในปีการศึกษา 2567 มีนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษจำนวนรวม 1.34 ล้านคน ได้รับเงินอุดหนุนทุนเสมอภาคและพบอัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษาอยู่ที่ร้อยละ 97.88

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active