นักการศึกษา ย้ำชัด หยุดเรียนนานกระทบการเรียนรู้ ทักษะ สมรรถนะไม่ถูกพัฒนา โดยเฉพาะเด็กปฐมวัย ชี้ ขาดเรียน 2 เดือน ต้องหาเวลาชดเชย ฟื้นฟูเท่าตัว แนะ จังหวัดต้องตัดสินใจ เปิด-ปิดเรียน ในช่วงน้ำท่วมได้เอง จัดปฏิทินการศึกษาตามบริบทพื้นที่ เชื่อ เป็นข้อเสนอที่มีโอกาสทำได้
รศ.วีระชาติ กิเลนทอง รองอธิการอาวุโสด้านวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะนักวิจัยด้านการศึกษา ระบุถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาซึ่งพบว่าหลายจังหวัดน้ำท่วมนานกระทบการเรียนรู้ของนักเรียน เพราะโรงเรียนหลายแห่งต้องปิดเรียนเป็นเวลานาน โดยระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้มีความคล้ายกับช่วงการระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ต้องปิดเรียนนานหลายสัปดาห์เช่นกัน มีข้อมูลและงานวิจัยที่พบว่า เด็กที่ไม่ได้ไปโรงเรียน หยุดประมาณ 1 เดือน จะเจอกับการเรียนรู้ถดถอยมากพอสมควร โดยเฉพาะในระดับปฐมวัย และคาดว่าเด็กในระดับประถมศึกษา, มัธยมศึกษา ก็น่าจะเจอปัญหาคล้ายกัน ทักษะและสมรรถนะของเด็กไม่ได้รับการพัฒนา ตัวเลขหลายงานวิจัย ไปในทิศทางเดียวกัน เด็กไม่ได้ไปเรียน 2 เดือน ต้องฟื้นฟูกันนาน 3-4 เดือน
“มนุษย์ต้องการการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง หากหยุดชะงักจะต้องเริ่มต้นใหม่ เป็นส่วนหนึ่งที่เราเองต้องระวัง ซึ่งเราพบว่าเวลาเด็กไม่ได้โรงเรียนยาวนาน มีผลต่อความสามารถ ทักษะ สมรรถนะของเด็กอย่างมาก”
รศ.วีระชาติ กิเลนทอง

เสนอแนวทาง ‘อยุธยาโมเดล’ เปิด-ปิดเทอม หนีน้ำท่วมซ้ำซาก
รศ.วีระชาติ เสนอไปยังภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ ต้องตระหนักถึงเวลาการเรียนรู้ที่เด็กสูญเสียไปให้มาก จึงมองว่าสถานการณ์ในตอนนี้ อย่างน้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วงที่ปิดเทอมอย่างน้อยเด็กสามารถชดเชยได้ 2 เดือน ดังนั้นต้องวางแผนการเปิดเรียน – ปิดเรียน ในพื้นที่น้ำท่วม ให้แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ
“จังหวัดต้องสามารถตัดสินใจ พื้นที่ในระดับย่อยต้องสามารถตัดสินใจได้ ไม่จำเป็นต้องเปิดเรียน ปิดเรียนเหมือนคนอื่น เราสามารถวางแผนได้ว่าจะให้เด็กกลับมาเรียนเมื่อไหร่ ผมว่าช่วงนี้มันท่วม ก็ต้องทำให้เป็นช่วงหยุดเรียน ทำให้เป็นอยุธยาโมเดล ต้องทำให้เห็นว่าเราจะปิดไม่เหมือนคนอื่น เราจะเปิดไม่เหมือนคนอื่น“
“ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้หายไปในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ต้องอาศัยความกล้าในการเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะให้เวลากับเด็ก และคุณครูในการเรียนรู้”
รศ.วีระชาติ กิเลนทอง

โดยแนวคิดที่ รศ.วีระชาติ เสนอ อยุธยาโมเดล ประกอบด้วย
- ปรับเปลี่ยนเวลาของพื้นที่ จังหวัดไม่จำเป็นต้องเปิด-ปิดเวลาเรียนเหมือนคนอื่น
- เสนอให้ทำระยะยาว เช่น เมื่อรู้อยู่แล้วว่าพระนครศรีอยุธยา พื้นที่นี้ยังไงก็ท่วม 2 เดือน จุดไหนที่ท่วมก็ไม่ต้องการเรียนการสอน
- หาครูที่เก่งในระดับที่จะต้องเปลี่ยนผ่าน ป.6 ม.3 ม.6 เพื่อช่วยลดเวลาที่ใช้ใชดเชยการเรียนรู้ได้
รศ.วีระชาติ ย้ำว่า ข้อเสนอนี้มีโอกาสทำได้ เพราะปัญหาน้ำท่วม ง่ายกว่าโควิด-19 เนื่องจากเห็นปลายทางว่าน้ำจะลดลง จึงสามารถวางแผนได้ว่าเด็กจะกลับมาเรียนเมื่อไหร่ การที่ให้ครูมาทำงานในช่วงน้ำท่วม หรือให้เด็กเรียนในช่วงเวลานี้ จึงอาจทำให้ขาดประสิทธิภาพ และเหนื่อยเปล่า เสียเวลาโดยไม่ได้ประโยชน์
“ช่วงน้ำท่วมต้องทำให้เป็นช่วงหยุดเรียน และมีทรัพยากร เงินช่วยเหลือ หาวิทยากรที่เก่งมาสอนในวิชาหลัก อาจจะช่วยลดเวลาในการฟื้นฟูภาพรวมลงได้ ภาษานักวิชาการ คือ ต้องเพิ่มปัจจัยนำเข้าให้ใกล้เคียงกับที่คนอื่นได้รับ เพื่อให้เด็กในพื้นที่วิกฤต เรียนรู้ตามทันเด็กที่อยู่ในสถานการณ์ปกติ”
รศ.วีระชาติ กิเลนทอง

งบฯ รัฐเยียวยา 20,000 บาท กับโอกาสการเรียนรู้ที่เสียไป ?
รศ.วีระชาติ ยังระบุถึง การเพิ่มเงินเยียวยาน้ำท่วม 20,000 บาท ซึ่งอาจจะช่วยผลกระทบด้านอื่น ๆ ได้ แต่ยากที่จะช่วยเรื่องการเรียนรู้ เพราะมีเด็กจำนวนมาก ที่บ้านน่าจะไม่สามารถช่วยเติมเต็มแง่ของการเรียนรู้ได้เพียงพอ ขาดคนช่วยดู ครูพยายามส่งทางไลน์ แต่โอกาสที่เด็กจะหยิบขึ้นมาทำน้อยมาก โอกาสที่จะเข้าใจ และทำเป็นก็ยาก พอทำไม่เป็นก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เด็กไม่สนใจ และทิ้งมันไปเลย
“ผมไม่ได้บอกว่าการช่วยด้วยเงินไม่มีประโยชน์ แต่น่าจะช่วยเรื่องการเรียนรู้น้อยมาก”
รศ.วีระชาติ กิเลนทอง
รศ.วีระชาติ ทิ้งท้ายว่า รอบนี้มีบทเรียน และทำได้ดีกว่าช่วงที่เกิดปัญหาการหยุดเรียนในโควิด-19 รัฐบาลน่าจะกล้าทำอะไรที่แตกต่าง กล้าปรับ ออกแบบรูปแบบการเรียน ปฏิทินการศึกษาที่แตกต่างตามบริบทพื้นที่ จะสามารถช่วยเด็กได้เยอะมาก
