“เด็กไทยใช้เงินหมื่นไม่เป็น ?” ครูคณิตฯ ย้ำ แค่มายาคติของผู้ใหญ่ฝ่ายเดียว

เมื่อเงินหมื่นเตรียมไหลเข้ากระเป๋านักเรียน จุดกระแสถกเถียง ‘ครูคณิตศาสตร์’ วอนผู้ใหญ่ ให้เด็กได้ตัดสินใจการเงินด้วยตัวเอง แนะ โรงเรียน ชั้นเรียน ครอบครัว ใช้โอกาสนี้ ติวเข้มการเงินที่เหมาะสม หวังพลิกด้านลบนโยบาย ให้เยาวชนได้บทเรียน สู่การเตรียมพร้อมวางแผนการเงินที่ถูกต้องในอนาคต

สืบเนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 เป้าหมายคือ การแจกเงินหมื่นให้กับเยาวชนอายุ 16 – 20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน งบประมาณ 27,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลคาดหวังว่า คนรุ่นใหม่จะมีพื้นฐานทักษะทางดิจิทัลที่แข็งแรงพอในการทดสอบระบบการแจกเงินดิจิทัลผ่านแอพ ล่าสุด เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายืนยันว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าบริการอื่น ๆ ได้ เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่อยู่นอกเหนือเงื่อนไขของโครงการ

จากเงื่อนไขและข้อจำกัดดังกล่าว ทำให้สังคมออกมาตั้งคำถาม แสดงความกังวลต่อพฤติกรรมการใช้เงินในกลุ่มวัยรุ่น โดยมองว่า เงินก้อนที่แจกไป อาจจะนำไปสู่การบริโภคกิจกรรมอบายมุข สิ่งบันเทิง หรือการพนัน กลายเป็นคำถามว่า เงินหมื่นก้อนนี้จะสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามวัตถุประสงค์ของนโยบายรัฐบาลได้หรือไม่ ?

ร่มเกล้า ช้างน้อย หรือ ครูกั๊ก ครูวิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนศาลาประชาสรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ผู้สอนวิชาการเงินให้กับนักเรียนในชั้นเรียน ให้ความเห็นกับ The Active ต่อมาตรการ Digital Wallet เฟส 3 โดยมองว่า อาจต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากภาครัฐ และสถานศึกษาไม่มีการเตรียมความพร้อมด้านการบริหารการเงินให้กับเด็ก และย้ำว่า สังคมต้องเคารพการตัดสินใจการใช้เงินของเยาวชน

ครูกั๊ก – ร่มเกล้า ช้างน้อย ครูวิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนศาลาประชาสรรค์ จ.นครสวรรค์

โรงเรียนรับมืออย่างไร?
ในวันที่เงินหมื่นไหลเข้ากระเป๋านักเรียนชั่วข้ามคืน

จากประสบการณ์ที่เคยพานักเรียนไปแข่งขัน และได้รับเงินรางวัลหลักหมื่นถึงแสน ครูกั๊ก พบว่า มีนักเรียนบางส่วนสามารถบริหารเงินเพื่ออนาคตได้ ขณะที่บางคนก็ใช้จ่ายโดยไม่คิดล่วงหน้า ดังนั้นการแจกเงินโดยไม่มีการวางแผนหรือเตรียมความพร้อม อาจส่งผลให้เงินหมื่นที่ให้ไปถูกใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์

อีกประเด็นที่น่ากังวลคือ สิทธิในการใช้เงินของเด็ก หากเงินต้องผ่านผู้ปกครองก่อน อาจเกิดข้อสงสัยว่า เด็กจะได้รับเงินเต็มจำนวนหรือไม่ และการใช้เงินเป็นไปตามความต้องการของเยาวชนหรือไม่ พวกเขาได้มีโอกาสคิดและตัดสินใจใช้เงินเพื่อตัวเองหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อทราบว่าเงินไม่อาจใช้จ่ายค่าเทอมได้ ก็ยิ่งทำให้เกิดข้อจำกัดในการใช้เงินเพื่อการศึกษา ทั้งที่พวกเขายังอยู่ในวัยเรียน

เด็กใช้เงินไม่เป็น ? มายาคติผู้ใหญ่ฝ่ายเดียว

ครูกั๊ก ยังตั้งข้อสังเกตว่า ทัศนคติที่สังคมมองว่าเด็กใช้เงินไม่เป็น หรือจะใช้เงินไปกับอบายมุข อาจเป็นผลมาจากสภาพสังคมในปัจจุบัน ผู้ใหญ่มองเห็นเด็กทำผิดระเบียบ ไม่เชื่อฟัง แต่นั่นก็เป็นเพียงมายาคติที่ฝั่งผู้ใหญ่กังวลไปเองอยู่ฝ่ายเดียว เพราะอีกมุมหนึ่ง การที่เด็กได้รับเงินก้อนโต นั่นอาจเป็นโอกาสในการสร้างบทเรียนทางการเงิน ซึ่งหากมีการชี้แนะแนวทางที่เหมาะสม เด็กบางส่วนอาจสามารถวางแผนใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเขาเติบโตในอนาคต

“หากเรามองในแง่มนุษย์ ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้เงินอย่างถูกต้องเสมอไป ผู้ใหญ่เองที่ได้เงินหมื่นไปก็อาจใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้น เราไม่สามารถใช้ตรรกะนี้มาตัดสินเด็กได้ทั้งหมด”

ครูกั๊ก – ร่มเกล้า ช้างน้อย

เงินหมื่นในกระเป๋า สู่บทสนทนาในห้องเรียน

ครูกั๊ก ยังมองว่า เงินดิจิทัลมีข้อดีในแง่ของความสะดวกในการใช้จ่าย แต่ขณะเดียวกันก็อาจนำไปสู่การใช้จ่ายที่ไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะหากไม่มีการวางแผนที่ดี เขาเสนอว่า เมื่อนักเรียนได้รับเงินและใช้จ่ายไปแล้ว ควรมีการทบทวนว่าเงิน 10,000 บาท ถูกใช้ไปกับอะไร และมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน กระบวนการนี้สามารถนำมาพูดคุยในห้องเรียนให้เด็กแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ของกันและกัน ซึ่งบทเรียนทางการเงิน สามารถเริ่มต้นได้ในครอบครัว ครูประจำชั้นวิชาอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นครูเลขเสมอไป

“ต่อให้แย่ที่สุด ในวันที่เงินหมดแล้ว เรายังชวนตั้งคำถามกับเขาได้เลยว่า 10,000 บาท
ที่ใช้ไป คุณใช้กับอะไร แล้วเราก็จะเห็นว่า บางคนใช้เป็นประโยชน์ บางคนก็อาจนึกเสียดาย ซึ่งสิ่งนี้เราควรได้แลกเปลี่ยนกันในชั้นเรียนและในครอบครัว

ครูกั๊ก – ร่มเกล้า ช้างน้อย

ครูกั๊ก ยังเน้นว่า ทักษะทางการเงิน (Financial Literacy) เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนตั้งแต่วัยเด็ก เพราะแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังเผลอใช้จ่ายผิดพลาดได้ ปัจจัยสำคัญของการบริหารเงินไม่ใช่แค่ความรู้ (Knowledge) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงทัศนคติ (Attitude) ต่อการใช้เงิน ซึ่งมักถูกชี้นำโดยอารมณ์ หากไม่มีการฝึกฝนที่ดี คนอาจตัดสินใจใช้เงินผิดพลาดแม้จะมีข้อมูลที่เพียงพอ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุยและเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองและผู้อื่น ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากการใช้เงิน

เปิดห้องเรียนทางการเงินด้วยโมเดลแบ่งเงิน 6 กระปุก

ในฐานะครูวิชาคณิตศาสตร์ ครูกั๊ก อธิบายว่า ได้มีโอกาสในชั้นเรียนให้เด็กเรียนรู้ทางการเงิน ให้ได้ทดลองใช้เงิน บริหารเงิน ลงทุน และเก็บออม เพื่อให้พวกเขาได้มีภูมิคุ้มกันพื้นฐาน ก่อนที่จะเผชิญโลกการทำงาน ที่ผ่านมาครูกั๊กใช้ไลน์โอเพ่นแชทเป็นช่องทางสื่อสารกับนักเรียนในเรื่องการบริหารเงิน และจะแนะนำให้เด็กใช้แนวคิด “6 Jars” ซึ่งเป็นวิธีแบ่งเงินออกเป็น 6 ส่วน ได้แก่

  • ค่าใช้จ่ายจำเป็น
  • เงินออมเพื่ออนาคต
  • เงินลงทุน
  • เงินเพื่อการเรียนรู้
  • เงินเพื่อการให้
  • เงินเพื่อความบันเทิง

วิธีเหล่านี้จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกคิด และตัดสินใจด้วยตัวเอง

“ผมคิดว่า สิ่งสำคัญคือการให้เด็กได้คิดเอง แทนที่จะใช้จ่ายไปโดยไม่ผ่านกระบวนการไตร่ตรอง อย่างน้อยถ้าพวกเขาตัดสินใจพลาด
มันก็เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้พวกเขาเข้าใจคุณค่าของเงิน”

ครูกั๊ก – ร่มเกล้า ช้างน้อย

นอกจากบทบาทของครูและผู้ปกครองในการช่วยให้เด็กเข้าใจการบริหารเงินแล้ว ครูกั๊ก ยังเสนอให้ภาครัฐจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการบริหารเงิน เช่น คลิปสั้นให้ความรู้ทางการเงิน หรือการให้เด็กดูวิดีโอแนะนำการใช้เงินก่อนที่เงินจะถูกโอนเข้าบัญชี เพื่อเป็นมาตรการเชิงป้องกัน พร้อมย้ำว่า การให้ความรู้ทางการเงินไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก อาจทำผ่านโฆษณาในแอปพลิเคชันที่เด็กใช้ หรือแม้กระทั่งการบังคับให้ดูคลิปการเงินก่อนที่เงินจะเข้า เป็นเงื่อนไขเล็ก ๆ ที่อาจช่วยสร้างความตระหนักรู้ได้

อย่าปล่อยให้เงินหมื่นสูญเปล่าทางเศรษฐกิจและการศึกษา

ท้ายที่สุด ครูกั๊ก เห็นว่า แม้มาตรการแจกเงินดิจิทัลจะมีข้อดีในแง่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจและให้เด็กได้สัมผัสกับการบริหารเงิน แต่สิ่งสำคัญคือการมีระบบสนับสนุนที่ช่วยให้เด็กได้ใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เงิน 10,000 บาทนี้ สร้างประโยชน์สูงสุดแก่เยาวชนและสังคมโดยรวม แม้จะมีบางคนใช้เงินไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ แต่หากมีการสื่อสารและให้ความรู้ที่เหมาะสม ก็อาจช่วยให้พวกเขาตระหนักและใช้จ่ายอย่างมีสติได้

จริงอยู่ เงินที่รัฐแจกมานั้นมาจากภาษีของประชาชน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงว่าถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อกังวลที่ควรรับฟัง และควรย้ำให้เยาวชนตระหนัก

“สังคมต้องเคารพสิทธิในการตัดสินใจของเยาวชน เพราะสุดท้ายแล้ว เงินอยู่ในมือของพวกเขา แม้เราไม่สามารถบังคับให้เขาใช้จ่ายตามที่ต้องการได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือให้คำแนะนำและสร้างความเข้าใจ เพื่อให้พวกเขาตัดสินใจใช้เงินอย่างรอบคอบที่สุด ซึ่งนั่นคือบทบาทหนึ่งของสถาบันการศึกษา”

ครูกั๊ก – ร่มเกล้า ช้างน้อย

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active