ด้านเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันสำรวจกำหนดพิกัดชี้แนวเขตที่ดิน และถ่ายภาพทางอากาศ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ที่มี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ เป็นประธานในวันที่ 22 ม.ค. นี้
วันนี้ ( 21 ม.ค.65 ) เจ้าหน้าที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำอากาศยานไร้คนขับ ทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศครอบคลุมพื้นที่ทั้งเกาะหลีเป๊ะ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศในอดีตที่ผ่านมา ถึงรายละเอียดและการเปลี่ยนแปลงของการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ว่ามีการขยายตัวการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตามที่มีการร้องเรียนหรือไม่
นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน สำรวจกำหนดพิกัดชี้แนวเขตที่ดิน ว่าตรงตามเอกสารสิทธิ์ นส.3 เลขที่ 11 ที่ระบุจำนวนพื้นที่ 81 ไร่ ซึ่งการกำหนดพิกัดชี้แนวเขตครั้งนี้สำคัญ เพื่อพิจารณาว่ามีการอ้างครอบครองพื้นที่เกินกว่าในเอกสารสิทธิ์กำหนด หรือบวมเพิ่มตามที่มีการร้องเรียนหรือไม่ เป็นจำนวนพื้นที่เท่าไหร่
โดยการสำรวจครั้งนี้จะนำเสนอเพื่อประกอบการพิจารณา ของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน ซึ่งมีกำหนดจะลงพื้นที่ตรวจสอบและประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (22 ม.ค. 2566)
ด้านชาวเลในพื้นที่ต่างเฝ้าจับตาและฝากความหวังต่อการลงพื้นที่ของคณะกรรมการฯ ที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ นั่งเป็นประธาน จะเห็นข้อสรุปการแก้ปัญหาที่ชัดเจน
“อยากให้เร่งแก้ไขปัญหา ทั้งการเปิดทางสาธารณประโยชน์ ทางเข้าออกโรงเรียน และคดีความชาวบ้าน ช่วยตรวจสอบที่ดินที่ทับซ้อนว่าที่มาที่ไปการได้มานั่นได้โดยชอบหรือไม่ อยากให้เกิดความชัดเจนได้ข้อสรุปเลยพรุ่งนี้“
พรรณธิภา หาญทะเล ชาวเลอูรักลาโว้ย เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล
“หวังว่าคณะกรรมการชุดบิ๊กโจ๊กจะแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมานานได้ ไม่อยากให้มาแล้วก็กลับไป แล้วไม่มีอะไรคืบหน้า พรุ่งนี้หวังว่ามาแล้วจะมีคำสั่งของการแก้ปัญหาข้อพิพาทที่ดินเลย ตรวจสอบให้ชัดที่ดินตรงไหนถูกต้อง ตรงไหนผิด ให้ชาวเลอยู่ในพื้นที่ดั้งเดิมแบบหมดกังวลซักที“
เจียม สืบสันติศาสน์ ชาวเลอูรักลาโว้ย เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล
โดยการลงพื้นที่ของคณะกรรมการฯ ที่มี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ เป็นประธานในวันพรุ่งนี้ สืบเนื่องมาจากกรณีปัญหาข้อพิพาทที่ดินปิดพื้นที่สาธารณประโยชน์และทางเข้าออกของโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในแปลง น.ส.3 เลขที่ 11 และเป็นแนวเขตที่มีการฟ้องร้องชาวบ้านในคดีบุกรุกขับไล่ออกจากพื้นที่รวม 21 ราย โดยชาวเลได้เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีให้เร่งแก้ไขปัญหานี้ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน เพื่อพิสูจน์สิทธิและตรวจสอบข้อพิพาทที่ดิน จนนำมาสู่การตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุดดังกล่าว
