“อนุทิน” ไม่สน ประธานชมรมแพทย์ชนบท ร้อง กมธ.ป.ป.ช. ยันต้องย้ายจันทร์นี้ ขณะที่ “เสรีพิศุทธ์” รับปากจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตรวจสอบทั้งปมโยกย้าย และป้ายนโยบาย สธ.
วันนี้ (2 ก.พ. 2566) นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบทอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) หลังจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งโยกย้ายจากตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ย้ายไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย ถือว่าเป็นความไม่มีธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข
นายแพทย์สุภัทร บอกว่า มีการการสั่งย้ายผู้ตรวจราชการทั้ง ๆ ที่ ผู้ถูกแต่งตั้งไปแค่เดือนเดียว เนื่องจากไม่ลงนามสั่งย้ายตนเอง และการโยกย้ายของกระทรวงสาธารณสุขในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ โดยปกติการย้ายเป็นอำนาจของปลัดกระทรวง แต่ครั้งนี้ปลัดกระทรวงไม่ลงนาม แต่มีการทำหนังสือระเบียบการย้ายขึ้นมาใหม่ และให้อำนาจผู้ตรวจราชการย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนได้เห็นได้ชัดว่าการโยกย้ายครั้งนี้ ไม่มีธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข
ป้ายนโยบาย สธ. หรือ ป้ายหาเสียง?
นอกจากนี้ ยังมีป้ายนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีรูปของ อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กรณีของขวัญปีใหม่ผู้สูงอายุ ผิดกติกาของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการหาเสียง 180 วัน จึงมองว่าอาจมีการหาเสียงแอบแฝงหรือไม่ จึงนำเรื่องนี้มาให้กรรมาธิการ ป.ป.ช.ตรวจสอบด้วย
ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่า โจรย่อมทิ้งร่องรอย และสิ่งที่ยื่นหลักฐานมาถือเป็นข้อผิดสังเกตในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ จึงจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในชั้น กมธ. ป.ป.ช.ต่อไป และจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่
อนุทิน เชื่อไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว กระทบระบบสาธารณสุข
ด้าน อนุทิน บอกว่าเท่าที่ทราบ นพ.สุภัทร ต้องย้ายไปประจำตำแหน่งที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อยในวันจันทร์หน้าและเท่าที่ติดตามข่าวไม่พบความผิดปกติในการโยกย้าย และตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคำสั่งโยกย้าย ซึ่งเป็นอำนาจของปลัดกระทรวง ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ มีการกำหนดไว้ชัดเจนว่าใครมีอำนาจอะไรใครมีบทบาทอะไร
อนุทิน บอกยังว่าหาก นายแพทย์สุภัทร ไม่ยอมย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย ก็ต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ มีผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น แต่ทำตามกฎหมายดีที่สุด
ส่วนกรณีป้ายประชาสัมพันธ์การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ อนุทิน ชี้แจงว่า เรามีหน้าที่ดูแลมาตรฐานสุขภาพของประชาชน เราเน้นทำงานดีกว่า
เมื่อถามว่ากรณี มีแพทย์ นักวิชาการ ร่วมแสดงจุดยืน ปกป้อง นพ.สุภัทร สะท้อนความแตกแยกในระบบสาธารณสุขหรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า ไม่ควรไปเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทุกคนให้ความร่วมมือดี เดินทางไปไหนก็สงบเรียบร้อยดี ไม่กังวล ผู้ใหญ่สธ. เติบโตมาตามลำดับขั้น มีบารมีจัดการได้ อีกเดือนก็จะยุบสภาแล้ว
กำลังใจจาก จนท.โรงพยาบาลจะนะ
วันเดียวกัน นายแพทย์สุภัทร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมอยู่โรงพยาบาลจะนะมาตั้งแต่ปี 2542 ถึงวันนี้ 24 ปี แรกมาที่นี่มีหมอ 3 คน(รวมผมด้วยนะ) สิบปีแรกที่จะนะผมทำหน้าที่หมอ80%ทำหน้าที่ ผอ.20% ตรวจคนไข้ ราวด์วอร์ดผู้ป่วยในทำคลอด อยู่เวร ออกชุมชน เป็นสิบปีแรกที่เหนื่อยมากแต่ก็มีความสุขมาก
สิบปีที่ 2 งานของกระทรวงยุ่งมากขึ้น ระบบเริ่มซับซ้อน ต้องให้เวลากับการทำหน้าที่ ผอ.มากขึ้น เป็นหมอ50%ผอ.50% ประสานงานวางระบบ แก้ปัญหา งานราชการมีความยากลำบาก ทรัพยากรน้อยไม่พอกับการตอบสนองความต้องการประชาชน
4 ปีหลังนี้ เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ วิกฤตโควิดที่จะนะที่มีผู้ติดเชื้อ 2 หมื่นคน การขยายโรงพยาบาลขึ้นตึก 8 ชั้นที่จะมีระบบการแพทย์เฉพาะทางICU ศูนย์ฟอกไต วันนี้จะนะมีแพทย์ 23 คนแล้ว ระบบงานการแพทย์กำลังเติบโต
การแสดงออกของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะนะวันนี้ ผมจะถูกย้ายหรือไม่ ผมก็มีความสุขแล้ว”
กลุ่มแพทย์-นักวิชาการ แห่แสดงจุดยืน
นายแพทย์มรกต กรเกษม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ทัศนะอย่างน่าสนใจ กรณีโยกย้ายหมอสุภัทร และเชื่อว่ามีการแทรกแซงจากการเมือง การเมืองมาแล้วก็ไป แต่กระทรวงสาธารณสุขยังต้องอยู่ดูแลสุขภาพและทุกข์สุขของประชาชน
ล่าสุดข่าวการย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน ที่มีผลงานเป็นที่รักของประชาชนและข้าราชการในพื้นที่ ด้วยเหตุผลที่สังคมเข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าเพราะฝ่ายการเมืองรับไม่ได้ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกัญชา และตรวจสอบการจัดซื้อวัคซีน ชุดตรวจ ATK มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ข่าวและภาพเหล่านี้ได้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ออกตามสื่ออย่างต่อเนื่องเกือบทุกวัน ทำให้ความน่าเชื่อถือของกระทรวงสาธารณสุขถูกกระทบ และประชาชนเกิดความหวั่นไหว ขาดที่พึ่ง
ด้าน นายแพทย์ภูษิต ประคองสาย อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และ เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย ให้ความเห็นต่อกรณีโยกย้ายหมอสุภัทร อย่างไม่เป็นธรรมไร้ธรรมมาภิบาล สะท้อนปัญหาการดำเนินงานของ กระทรวงสาธารณสุข 2 ประการคือ
1) การขาดธรรมาภิบาลในการบริหารงานและบริหารบุคลากร และ
2) การสมยอมให้อำนาจทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงและชี้นำการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขมากเกินไป จนเกิดผลกระทบต่อส่วนรวมและประชาชนในพื้นที่
นายแพทย์วิชช์ เกษมทรัพย์ อาจารย์คณะเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ให้ความเห็นระบุกรณีการโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ อย่างไม่เป็นธรรม สะท้อนถึงความเบ็ดเสร็จของฝ่ายการเมืองเหนือข้าราชการประจำในกระทรวงที่ครั้งหนึ่งถือว่ามีระบบธรรมาภิบาลสูง ข้าราชการหัวหน้าหน่วยในระดับอำเภอสามารถทัดทานการเมืองฉ้อฉลได้เป็นระยะ ๆ ในช่วยหลายสิบปีที่ผ่านมา จนเคยต่อต้านเอารัฐมนตรีติดคุกในกรณีทุจริตยาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนสำเร็จ
ความไม่ชอบธรรมในการโยกย้ายครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดหักเหของระบบธรรมาภิบาลในกระทรวงสุขภาพแห่งนี้ ได้แต่หวังว่าจะเป็นการหักเหเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของนักการสาธารณสุข นักสู้เพื่อชาวบ้านในระดับอำเภอให้ยิ่งยึดมั่นในการใช้สติปัญญาและความรู้นำกลเกมส์การเมือง
ด้าน ชมรมทันตสาธารณสุขภูธรอีกเสาหลักของการสาธารณสุขไทย ยืนหยัดขอให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และบุคลากรโรงพยาบาลพนม จ.สุราษฎ์ธานี แสดงความไม่เห็นด้วยกับการลุแก่อำนาจของผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 12 ในการออกคำสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนโดยไม่เป็นธรรม