“Power of New Voter คนรุ่นใหม่กับการเลือกตั้ง 66” ตั้งคำถามทำอย่างไรไม่ซ้ำรอยเลือกตั้ง 62 หวังพลังคนรุ่นใหม่สร้างแรงขับเคลื่อนสู่ประชาธิปไตย ด้านตัวแทนพรรคการเมืองร่วมพูดคุย ตอบคำถาม เรื่องนโยบาย และจุดยืนของพรรค
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 66 ณ บริเวณ Skywalk หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กลุ่ม ‘ทะลุฟ้า’ จัดกิจกรรมเวทีสาธารณะ “Power of New Voter คนรุ่นใหม่กับการเลือกตั้ง 66” โดยเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 15.00 เป็นกิจกรรมทดลองการเลือกตั้ง “ใช้สิทธิยังไง ให้มีพาวเวอร์” มีการจำลองคูหาการเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมทดลองเลือกตั้งด้วยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งกิจกรรมนี้มีผู้คนที่เดินสัญจรไปมาบริเวณ Skywalk ให้ความสนใจจำนวนมาก มีหลายช่วงอายุที่ร่วมกิจกรรมนี้ หลังจากปิดคูหาเลือกตั้งจำลองก็มีการแสดงวิธีการนับคะแนนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการสำรวจความคิดเห็นของผู้คนโดยแปะโพสต์อิท แสดงความคิดเห็นต่อการเลือกตั้ง 66
เวลาประมาณ 17.30 น. เวทีพูดคุยกับคนรุ่นใหม่ “ผ่านมา 4 ปี เราจะทำยังไง เมื่อความหวังนั้นถูกขโมยไป?” เริ่มขึ้น โดยมี โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง (เก็ท) กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และ ดวงพร วิรัตน์ธัญญารักษ์ (ต้นอ้อ) เป็นตัวอย่างเสียงของคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะได้เลือกตั้ง ร่วมแสดงมุมมองการเส้นทางการเติบโตจากเด็กคนหนึ่งจนได้มีสิทธ์เลือกตั้ง โดย ‘เก็ท โสภณ’ ตั้งคำถามว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ควรทำอย่างไรให้เสียงจากประชาชนไม่ถูกปล้นไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องจริงจังกับประเด็นนี้มากขึ้น ด้าน ‘ต้นอ้อ ดวงพร’ มองว่าหากประชาชนช่วยกันจับตาการเลือกตั้ง และมีการรณรงค์เรื่องสิทธิ์ในการเลือกตั้ง ก็จะทำให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไปไม่ซ้ำรอยเดิม จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนติดตามข่าวสารและการนับคะแนนของ กกต.
ในฐานะคนรุ่นใหม่ ‘เก็ท โสภณ’ มองว่าประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเดินเข้าไปในคูหาเลือกตั้ง แต่คือการตื่นรู้ ประชาธิปไตยจะอยู่ในตัวเรา หากเรายังอยู่ในระบอบประชาธิปไตย พลังของคนรุ่นใหม่จึงสำคัญมาก
“ประชาธิปไตยไม่ได้มีแค่ 4 วิ หน้าที่ของเราคือการสื่อสารต่อให้สังคม เพื่อนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่เต็มใบมากขึ้น”
โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง
ด้าน ‘ต้นอ้อ ดวงพร’ ฝากถึงประชาชนผู้มีสิทธ์ในการเลือกตั้งว่า อยากให้ตระหนักรู้ระบอบประชาธิปไตยอยู่กับเราตั้งแต่เด็กจนโต และมีจิตสำนึกต่อการเป็นประชาชนที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ต้องออกมาใช้สิทธิ์ของตนเอง และคนที่เป็น New Voter มีถึง 4–5 ล้านคน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ และสามารถเลือก ส.ส. ที่ต้องการให้มาจัดการอนาคตและดูแลประเทศให้กับเรา
“นอกจาก New Voter ก็ต้องมี Old Voter เราพูดคุยกับ Old Voter ผู้ที่มีอายุมากกว่า 58 ปีขึ้นไป มีถึง 14 ล้านคน ตีเป็น 27 เปอร์เซ็นต์ ของคนที่เลือกตั้ง ดังนั้น อยากให้ผู้สูงวัยในประเทศนี้ หันมามองเรื่องขบวนการของคนรุ่นใหม่ หันมามองเรื่องการเรียกร้อง เรื่องของสิทธิ์ ให้มากขึ้นแล้วก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยได้แล้ว”
ดวงพร วิรัตน์ธัญญารักษ์
กิจกรรมสุดท้าย เวทีสาธารณะ “พรรคการเมืองรับฟังความหวังของคนรุ่นใหม่” ที่มีตัวแทนพรรคการเมืองจาก 4 พรรคมาร่วมพูดคุย และตอบคำถามคนรุ่นใหม่ โดยมี ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ แทนคุณ จิตต์อิสระ จากพรรคประชาธิปัตย์ นิศารัตน์ จงวิศาล พรรคสามัญชน และ ธิษะณา ชุณหะวัณ จากพรรคก้าวไกล
เมื่อถามถึงนโยบายที่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่มั่นใจว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย อย่างมีความหวัง เสรีภาพ และมีอนาคตมากขึ้นหลังการเลือกตั้ง ทางว่าที่ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์ มองว่าต้องเริ่มจากตัวเราว่าต้องการผลักดันอะไร พร้อมรับฟังความเห็นของคนรุ่นใหม่ เนื่องจากในพรรครวมไทยสร้างชาติก็มีความหลากหลายทางข้อคิดเห็นทางการเมือง ด้าน นิศารัตน์ จงวิศาล ให้ความเห็นว่าการมีรัฐสวัสดิการจะช่วยทำให้คนรุ่นใหม่มีความอยากย้ายประเทศน้อยลง และคิดว่าการลงทะเบียนรับสิทธิ์รัฐสวัสดิการโดยต้องพิสูจน์ความจนนั้นไม่ใช่รัฐสวัสดิการที่ควรจะเป็น
ธิษะณา ชุณหะวัณ มองว่าการไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งนั้นมีความหมาย สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ การเข้าคูหาเป็นการลงทุนที่ถูกที่สุด รวมถึงการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอำนาจ การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ การปฏิรูปศาล การปฏิรูปขบวนการยุติธรรม แก้มาตรา 112 และ 116 รวมทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมย้ำว่าการศึกษาต้องได้รับการปฏิวัติ ต้องมีการรื้อใหม่ทั้งระบบ เพราะการศึกษาไทยตอนนี้ไปไม่รอดแล้ว อีกนโยบายที่สำคัญคือการทำให้ปากท้องของประชาชนดีขึ้น โดยการสร้างรัฐสวัสดิการที่โอบอุ้มกลุ่มคนเปราะบาง และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนวัยทำงานหรือคนรุ่นใหม่ที่อาจจะต้องหาเลี้ยงครอบครัว
ด้าน แทนคุณ จิตต์อิสระ มองว่าต้องทำให้คนรุ่นใหม่เห็นว่าประเทศไทยมีอนาคตสำหรับคนรุ่นใหม่ด้วย 3 ปัจจัย คือ 1. การเข้าถึงแหล่งทุนหรือแหล่งรายได้ การทำรายได้ให้สูงขึ้น ซึ่งต้องกระจายโอกาสให้คนหลายกลุ่ม 2.โอกาสของคนรุ่นใหม่ในเรื่อง soft power ซึ่งจะเป็นการผลักดันความรู้ความสามารถ และ 3. การมีสังคมสวัสดิการ ซึ่งจะมีความยั่งยืนกว่ารัฐสวัสดิการ หากทำให้รายได้สูง แน่นอนว่าค่าครองชีพต้องสูงตาม แต่สวัสดิการทางสังคมจะสูงตามไปด้วย ดังนั้น คิดว่าทั้ง 3 ส่วนนี้จะเสริมกันไปได้
หลังจากฟังการเสวนาของพรรคการเมือง เวทีก็มีการเปิดโอกาสให้ผู้ฟังร่วมตั้งคำถามต่อพรรคการเมืองเกี่ยวกับนโยบายของพรรค โดยมีผู้ตั้งคำถามหลากหลายประเด็นทั้ง ความเหลื่อมล้ำเรื่องสถานที่ทำคลอดของแม่และเด็ก การศึกษาสายศิลป์ควรมีการผลักดันอย่างไร มุมมองเรื่องการทำรัฐประหารของพรรคการเมือง รวมถึงประเด็นการแก้ไข ม.112 และ 116 ซึ่งทั้ง 4 พรรคก็ให้ความเห็นที่ตามวิสัยทัศน์ของตนเอง
ก่อนสิ้นสุดกิจกรรม ‘กลุ่มทะลุฟ้า’ มีการแถลงเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของการเลือกตั้ง 66 ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า
นับแต่เมื่อปี 62 ที่ผ่านมา หลายคนต่างรับรู้ปัญหาของการเลือกตั้งในปีนั้นเป็นอย่างดี เสียงของประชาชนถูกปล้นชิงไปอย่างไม่เป็นธรรมและเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนในสังคมรู้สึกว่าการออกไปเลือกตั้งจะได้อะไรเดิม ๆ อาจจะไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น อาจจะไม่ได้พรรคการเมืองที่เราต้องการมาเป็นรัฐบาล อาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวและไม่ได้ให้ความสนใจมันขนาดนั้น
ซึ่งไม่ผิดที่เราจะรู้สึกล้มเหลวกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ต่อให้เราอยู่ในระบบของเผด็จการ กฎหมายของเผด็จการ รัฐธรรมนูญที่เขียนโดยเผด็จการ แต่พวกเราประชาชนจงอย่าหมดหวังเพียงเพราะเบื่อการเมืองแบบเดิม ๆ การเลือกตั้ง 4 ปีมีเพียงครั้งเดียว หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในปีนี้มีอยู่กว่า 52 ล้านคน ซึ่งประกอบไปด้วย New Voter 4 ล้านคนที่กำลังจะได้เลือกตั้งครั้งแรก ครั้งนี้คะแนนเสียงที่มีคนละ 1 เสียงนี่แหละ จะเป็นหลักฐานเดียวที่สร้างความเชื่อมั่น และยืนยันได้ว่าประเทศไทยจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยประชาชน
“เราเชื่อว่าพวกเราทุกคนจะสร้างมันขึ้นมาอีกครั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงไปทิศทางไหน อยากเห็นประเทศเป็นอย่างไร ก็จงออกมาเลือกอนาคตของตนเอง เริ่มโดยการออกมาสร้างวัฒนธรรมการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะทุกคนทำได้มากกว่าการเดินเข้าคูหาใช้สิทธิ์”
เราหวัง…เหลือเกินว่า คุณและเราจะเป็นประวัติศาสตร์ในการเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตย เราหวัง…เหลือเกินว่า เราจะได้ใช้ชีวิตที่เราฝันใฝ่มาเนิ่นนาน เราหวัง…เหลือเกินว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะพลิกระบอบแบบเดิม แด่เราและพวกคุณทุกคน คนรุ่นใหม่ คนที่เป็นไฟแห่งความหวังครั้งนี้ ขอบคุณที่ยังเชื่อมั่นด้วยความหวังและความฝันที่จะเห็นสังคมประชาธิปไตยเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง