โพลสำรวจความเห็นผู้นำหลากหลายกลุ่มในสังคม กับ นโยบาย ‘รัฐบาลเศรษฐา’ ย้ำขอให้ทบทวน ‘แลนด์บริดจ์’ ชี้ยังขาดความมุ่งมั่นสร้างความปรองดอง เห็นควรแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา พร้อมขอให้เร่งขับเคลื่อน ‘ซอฟต์พาวเวอร์’
วันนี้ (3 ก.พ. 67) วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต แถลงเปิดตัวโครงการ ‘Leadership Poll’ และเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 โดยเป็นการสำรวจความคิดเห็นต่อนโยบายรัฐบาล 5 ด้าน ด้วย 5 ชุดคำถาม ได้แก่ 1. ความคิดเห็นต่อนโยบาย เงินหมื่นดิจิทัล 2. ความคิดเห็นต่อโครงการแลนด์บริดจ์ 3. ความคิดเห็นต่อยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ 4. ความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 5. ความคิดเห็นต่อความมุ่งมั่นตั้งใจในการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสร้างความปรองดอง ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
ผศ.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าววว่า Leadership Poll เป็นโพลน้องใหม่ ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งในการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการสำรวจความเห็นในกลุ่มผู้นำหรือผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดในสังคม โดยทีมคณะอาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคมเป็นผู้ดำเนินการ มีความตั้งใจว่าจะทำทุกเดือน หรือ ตามวาระประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ
“โพลทำหน้าที่สะท้อนความเห็นผู้นำในด้านต่าง ๆ เหตุผลที่เราเจาะจงผู้นำ และใช้ชื่อว่า ลีดเดอร์ชิพโพล เพราะโพลส่วนใหญ่เน้นการสำรวจความห็นของประชาชนอยู่แล้ว รวม ๆ มากกว่า 5 โพล”
ผศ.สุริยะใส กตะศิลา
ผศ.ร.ต.อ.จอมเดช ตรีเมฆ ผู้อำนวยการหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาผู้นำทางสังคมฯ ม.รังสิต หัวหน้าทีมลีดเดอร์ชิพโพลระบุว่า โพลผู้นำทางสังคมธุรกิจและการเมืองนี้ มาจากการสำรวจความเห็นต่อนโยบายของรัฐบาล เก็บข้อมูลจากประชากร 543 ตัวอย่าง ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นกลุ่มผู้นำทางสังคม 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
- ภาคประชาสังคม ที่มีตัวแทนภาคประชาสังคม NGO และมูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย
- ภาคการเมือง ทั้งนักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น นายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรี นายก และรอง นายก อบจ. นายกและรองนายก อบต. ในทุกภูมิภาค ของประเทศ
- ภาคการศึกษา มีนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย คณบดี รองคณบดี ในมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน
- ผู้นำภาคธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยใช้วิธีคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
“ผู้นำที่ไม่ได้หมายถึงผู้นำทางการเมือง แต่จะเป็นกลุ่มผู้นำในภาคส่วนต่าง ๆ ด้วยชุดคำถาม 5 เรื่อง ที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชน”
ผศ.ร.ต.อ.จอมเดช ตรีเมฆ
ผศ.ร.ต.อ.จอมเดช เปิดเผยผลสำรวจทั้ง 5 ด้านนโยบาย พบว่า มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาล ขณะที่ส่วนหนึ่งมองว่า ต้องการข้อมูลรายละเอียดจากภาครัฐที่ชัดเจนมากขึ้น โดยสรุปผลสำรวจได้ ดังนี้
- ความคิดเห็นต่อโครงการ ‘แลนด์บริดจ์’ ด้วยชุดคำถามที่ว่า ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อนโยบายแลนด์บริดจ์ของรัฐบาล พบว่า ร้อยละ 36.7 เห็นด้วย แต่ควรให้ชะลอการดำเนินการ หรือมีการทบทวนการดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้ง และ ร้อยละ 29.6 ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว เห็นควรให้ระงับการดำเนินการ ร้อยละ 28 เห็นด้วยตามที่รับบาลเสนอ และควรให้เร่งดำเนินการตามกรอบเวลา ขณะที่ ร้อยละ 5.7 มีความเห็นอื่น ๆ เช่น ไม่ทราบรายละเอียด ต้องการข้อมูลที่ศึกษา ไม่แน่ใจ
- ความเห็นต่อนโยบาย ‘การแก้ไขรัฐธรรมนูญ’ พบว่า ร้อยละ 52.4 เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางมาตรา ร้อยละ 28.8 เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ร้อยละ 14.5 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 4.30 ความคิดเห็นอื่น ๆ เช่น ไม่เห็นด้วยกับการแก้มาตรา 112 แก้ไขบางมาตราที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนจริง ๆ และนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้และพิจารณาปรับปรุงหลักการในบางมาตรา
- ความเห็นต่อนโยบาย ‘ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท’ พบว่า ร้อยละ 62.2 ไม่เห็นด้วยและควรให้ระงับการดำเนินการ ร้อยละ 21.3 เห็นด้วย แต่ ให้ชะลอและมีการทบทวนอย่างรอบคอบ ร้อยละ 13 เห็นด้วยตามที่รัฐนำเสนอ และควรเร่งดำเนินการตามกรอบเวลา และ ร้อยละ 3.6 เป็นความเห็นอื่น ๆ เช่น ยังไม่ได้ศึกษามากพอที่จะออกความคิดเห็น ไม่แน่ใจ ไม่ค่อยสนใจ
- ความเห็นต่อนโยบาย ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ พบว่า ร้อยละ 40.1 เห็นด้วยตามที่รัฐเสนอ และควรเร่งดำเนินการ ร้อยละ 37.3 เห็นด้วย แต่ควรชะลอ หรือมีการทบทวนการจัดสรรงบประมาณให้ละเอียดรอบคอบ ร้อยละ 14.5 ไม่เห็นด้วย และควรให้ระงับการดำเนินการ และร้อยละ 1.4 เป็นความเห็นอื่น ๆ เช่น ไม่ทราบรายละเอียด เห็นด้วยเป็นบางอย่าง ยังเข้าใจไม่ชัดเจน
- ความคิดเห็นต่อนโยบาย ‘ขับเคลื่อนการปรองดอง’ พบว่า ร้อยละ 51.2 มองว่ารัฐยังขาดความมุ่งมั่นในการดำเนินการ ร้อยละ 34.9 เห็นว่ารัฐมีความมุ่งมั่นในการดำเนินการ แต่ยังไร้รูปธรรม ร้อยละ 9.4 เห็นว่ารัฐมีความมุ่งมั่น และร้อยละ 4.5 ความคิดเห็นอื่น ๆ เช่น ยังไม่ได้ศึกษามากพอที่จะออกความคิดเห็น ไม่ทราบแน่ชัด ไม่แน่ใจ ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งยังน้อยเกินกว่าที่จะประเมิน
“สำหรับผลโพลที่ออกมา รู้สึกใจชื้นที่ผลออกมาไม่ได้ทำให้เห็นว่า เราค้านรัฐบาลทุกเรื่อง ที่สำคัญโพลนี้มีน้ำหนักและรัฐบาลควรฟัง และนำเสียงสะท้อนไปทบทวน หรือ สามารถนำคำถามชุดเดียวกันไปสอบถามประชาชนทั่วประเทศ และเตรียมนำผลการสำรวจเผยแพร่ผ่าน เว็บไซต์ https://csirsu.com ต่อไป”
ผศ.ร.ต.อ.จอมเดช ตรีเมฆ
ผศ.ร.ต.อ.จอมเดช บอกด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะ จากกลุ่มผู้นำในกลุ่มตัวอย่างที่ได้จากการสำรวจเพิ่มเติม สรุปได้ดังนี้
- เท่าที่ผ่านมายังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร อย่างน้อยนโยบายที่ใช้หาเสียงก็ควรมีการดำเนินการตามที่เคยพูดไว้ยังมองไม่ออกว่าอะไรที่ทำไปแล้ว และอะไรที่ยังไม่ได้ทำก็ควรชี้แจง
- รัฐบาลต้องเคารพกฎหมาย เป็นตัวอย่างของการรักษาความยุติธรรม ไม่ให้อภิสิทธิ์ใครให้อยู่เหนือกฎหมาย
- การพัฒนาประเทศควรใช้สิ่งที่ไทยได้เปรียบเป็นสารตั้งต้นสำคัญ นโยบายสาธารณะที่ดีบางครั้งเกิดจากนวัตกรรมทางกระบวนการ แค่ปรับเปลี่ยนวิธีการก็อาจมีผลดีอย่างมีนัยสำคัญ ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาล
- รัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหา ในเรื่องของยาเสพติด ควบคู่กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเร่งด่วน
- รัฐบาลควรลำดับความสำคัญ ความเร่งด่วนในการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะการทุจริต การศึกษาและการทำงานของข้าราชการที่ล่าช้าและไม่สอดคล้องกับสภาวะการปัจจุบัน
- รัฐบาลยังคงกังวลเรื่องคะแนนเสียงมากกว่าการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังและจริงใจ
- โครงการแลนด์บริดจ์ ที่ดูไม่ได้รับความสนใจ เพราะต้องขนของจากเรือที่ฝั่งอ่าวไทย ขนขึ้นรถไฟ แล้วขนลงเรืออีกครั้งที่ฝั่งอันดามัน ไม่สมเหตุสมผลในทางปฏิบัติจริง ควรเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่น ที่ไม่ต้องขนของขึ้นๆลงๆ จากเรือ คือให้เรือทั้งลำแล่นผ่านไปได้เลย
- ควรให้ความสนใจปัญหาโครงสร้างทางสังคมและการศึกษาในระดับแรก ๆ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อนาคตของประเทศไทยดูแล้วมีแต่ถอยหลังเพราะเยาวชนของชาติไม่มีคุณภาพ คนไทยไม่ชอบใช้เหตุผล ใช่อารมณ์และความชอบส่วนตัวในการตัดสินใจปัญหา สนใจไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์
- เข้าใจว่าผู้นำหลายท่านกังวลกับวิกฤติเศรษฐกิจ แต่วิกฤติความขัดแย้งที่เป็นผลเรื้อรังมานับสิบปีก็ยังคงมีอยู่ ซึ่งหากไม่มีแผนการดำเนินงานดังกล่าว ประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จะตกอยู่ในภาวะ Burnout และเลือกที่จะชะลอการสร้างผลผลิต (Productivity) หรือเลือกที่จะไม่พัฒนาศักยภาพ (Capacity) ซึ่งจะเกิดปัญหาเรื้อรังต่อไปในอนาคต โดยอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศของการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ หรือสร้างความภูมิใจร่วมที่คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงได้
- เรื่องการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท รัฐบาลต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่า ประเทศเกิดภาวะที่จะเรียกว่าวิกฤตหรือไม่ อย่างไร ถ้าจะแจก ควรกำหนดกลุ่มผู้เดือดร้อนให้ชัดเจน และเมื่อเป็นเงินกู้ เหตุใดจึงต้องจ่ายเป็นเงินดิจิทัล ทำไมไม่จ่ายเป็นเงินบาท ใครเป็นผู้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับอัตราการแลกเปลี่ยน และมีค่าใช้จ่ายในการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไร