แนะจับตานโยบายเรือธง ชี้วัดดีล-อนาคตนายกฯ “เศรษฐา”สถานะ”ทักษิณ”

นักรัฐศาสตร์นิติศาสตร์ ชี้ ศูนย์รวมอำนาจการเมือง กลับมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หลังทักษิณได้รับการพักโทษ แนะจับตาท่าทีองค์กรอิสระ และ สว. ที่มีต่อนโยบายเรือธงของรัฐบาลฉลุย ? เชื่อเป็นตัวชี้วัดดีลการเมือง อนาคตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา และบทบาททักษิณ กลับมาอยู่บ้านเฉย ๆ หรือ เสริมทัพเพื่อไทยสู้ก้าวไกล

วันนี้ ( 18 ก.พ.67 ) การเดินทางกลับบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร หลังได้รับการพักโทษยังคงได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย ช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.พ.นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้โพสอินสตาแกรม เป็นภาพของนายทักษิณ นั่งอยู่ริมสระน้ำภายในบ้าน พร้อมกับข้อความ “หลังไม่ได้เจออากาศและแดดข้างนอกมา 180 วันและไม่ได้กลับบ้านหลังนี้มา 17 ปี …พ่อก็ออกมานั่งข้างนอกแบบนี้ นั่งอยู่สักพักเลย พร้อม #finallyhome

ซึ่งก็มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็น เช่น “แสดงความยินดีกับครอบครัว” และ “อยากให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาเรื่องเศรษฐกิจ เพราะอยากให้คนเก่งมาช่วยแก้ปัญหาให้” ขณะที่บางคนก็สอบถามว่า “ทำไมต้องใส่ปลอกคอปลอกแขน” และบางคนตั้งข้อสังเกตว่า “ราวกับไม่ได้ป่วย เพราะตอนอยู่ รพ.ชั้น 14 บอกว่า ป่วยหนัก ถ้าออกไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ไหงวันนี้ดูเหมือนไม่ป่วยเลยครับ”

รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว รองคณบดี คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ได้รับการพักโทษ กลับมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งชัดเจนว่าทักษิณจะกลายเป็นคนที่มีอำนาจ เป็นศูนย์รวมอำนาจตัวจริง อยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งก็จะกลับมาโดดเด่นในบทบาทในความเป็นสัญลักษณ์ของบ้านที่ครองอำนาจการเมืองในประเทศ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อตกลงหรือการดีลกันของกลุ่มชนชั้นนำทางการเมือง ในการตั้งรัฐบาลชุดนี้ ว่าจะวางสถานะคุณทักษิณอย่างไร ถ้าเกิดว่าเขาให้ภารกิจหรือพันธกิจในการที่จะต่อสู้หรือกำจัดก้าวไกล บทบาททางการเมืองคุณทักษิณจะมีความโดดเด่นมากขึ้น เพราะว่าในรอบ 6 เดือน เราเห็นท่าทีของรัฐบาล  ถ้าจะให้เป็นหัวหอกในการสู้กับก้าวไกล ท่าทีรัฐบาลต้องมีความแข็งแกร่งและมีการขับเคลื่อนนโยบายที่เอาใจประชาชนมากกว่านี้ แต่ถ้าดูแล้ว รัฐบาลยังมีความคลุมเครือ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่าหลังจากนี้  กลุ่มชนชั้นนำกำหนดท่าทีคุณทักษิณอย่างไร ถ้าให้คุณทักษิณถอยก็ได้ และปล่อยให้รัฐบาลเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะมีคนมาแทนที่นายกฯคนปัจจุบัน หลังจากนี้นโยบายต่างๆจะไม่ผ่าน 

หรือถ้ามีพันธกิจให้คุณทักษิณกำหนดบทบาททางการเมือง เราจะเห็นรัฐบาลจะเปลี่ยนท่าทีจากนี้ด้วยเหมือนกัน  ใจความสำคัญคือผลของการดีลกันว่าจะวางสถานะของคุณทักษิณเป็นพันธกิจแบบไหน 

“ แต่ในทางการเมือง วันนี้คุณทักษิณจะกลายเป็นคนที่มีอำนาจ เป็นศูนย์รวมอำนาจตัวจริง  อยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งก็จะกลับมาโดดเด่นในบทบาทในความเป็นสัญลักษณ์ของบ้านที่ครองอำนาจการเมืองในประเทศ  ซึ่งจะกระทบต่อบทบาทของคุณเศรษฐาอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ เพราะคุณเศรษฐาจะเป็นนายกที่มีลักษณะภาพของนายกฯ ซ้อนนายกฯ คุณเศรษฐามีอำนาจในฐานะนายกที่เป็นทางการ  แต่ขณะเดียวกันในทางการเมืองทุกคนรับรู้ดีว่าอำนาจจริงๆ อยู่ที่คุณทักษิณ การบริหารงานในโครงสร้างจะมีความซับซ้อน เอกภาพในการบริหารงานจะมีความซับซ้อนเนื่องจาก ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นทางการเมือง บรรดานักการเมือง และนักธุรกิจทางการเมือง จะวิ่งไปหาคุณทักษิณ จะทำให้คุณเศรษฐาบริหารงานด้วยความยากลำบากมาก  “ 

รศ.โอฬาร เชื่อว่า นายกฯเข้าใจเงื่อนไขนี้ดี เพราะคุณเศรษฐาได้ตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งที่ถูกจัดวางมาตั้งแต่ต้นคุณเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองที่เตรียมตัวน้อยมาก ในขณะที่คนอื่นๆเตรียมตัวมาอย่างยาวนาน  แสดงว่าคุณเศรษฐารับรู้เงื่อนไขนี้ ขึ้นอยู่กับผลของการดีลกัน ว่าจะทำให้เขามีบทบาทมากน้อยแค่ไหนแค่ไหนเท่านั้นเอง 

ซึ่งนับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้ รศ.โอฬาร แนะให้ดูนโยบายเรือธง เช่น ดิจิทัลวอลเลต ถ้าสามารถขับเคลื่อนได้ มีทิศทางที่เป็นคุณกับรัฐบาล องค์กรอิสระ ทั้ง ปปช.ปปง. สตง. สว.มีท่าทีในเชิงบวกแสดงว่า สัญญานใหม่ พันธกิจหลักคือต้องการให้ต่อสู้กับก้าวไกลจริงๆ 

“ แต่ถ้าท่าทีขององค์กรเหล่านี้ มีท่าทีที่เป็นลบต่อการขับเคลื่อนนโยบายเรือธงของเพื่อไทย แสดงว่าคุณทักษิณได้รับอภิสิทธิ์เพียงแค่กลับมาอยู่ แต่ปล่อยให้รัฐบาลบริหารไปสู่ภาวะที่เป็นอยู่เพื่อที่จะใช้กระบวนการ กลไกในการกำจัดก้าวไกลและฝ่ายตรงข้ามผ่านระบบเดิม หรือกลไกเดิม ต้องดูท่าทีหลังจากนี้ “

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆที่คัดค้าน หรือไม่เห็นด้วย เช่น คปท. รศ.โอฬาร ประเมินว่า ความร้อนแรงของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง และการเมืองภาคประชาชนที่จะออกมาคัดค้านทักท้วงกรณีคุณทักษิณ จะไม่ขยายวง เพราะที่ผ่านมาความขัดแย้งทางการเมืองของไทยนั้น ต้องร่วมด้วยช่วยกันหลายฝ่ายของกลุ่มคู่ขัดแย้งทางการเมือง เช่น ทุน พรรคการเมือง และคีย์แมนหลักๆในการทำการเมืองภาคประชาชน แต่ตอนนี้ต้องยอมรับพรรคการเมืองเองก็เล่นการเมืองในระบบ สำหรับท่าทีก้าวไกล รศ.โอฬาร มองว่า เป็นการทำพอเป็นพิธี โดยวิเคราะห์ว่า เหมือนกับก้าวไกลก็มีดีลลับกับเพื่อไทยในระยะยาว เพราะตอนนี้คุณทักษิณได้ช่วยทำให้กระบวนการยุติธรรมมันพังคลืนลงมา ขณะที่กระบวนการประชาขนก็ไม่มีพรรคการเมือง หรือ กลุ่มทุนหนุน  

เมื่อถามว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรกับดีลเหล่านี้ หรือต้องจับตากันอย่างไร รศ.โอฬาร ระบุว่าเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับกระบวนการประชาธิปไตยในประเทศนี้ ที่ให้น้ำหนักดุลอำนาจ ผ่านการเลือกตั้ง ทำให้อำนาจไปตกอยู่ที่บรรดาชนชั้นนำ นักการเมืองนักธุรกิจกลุ่มทุน ชนชั้นนำทางสังคม ใช้อำนาจประชาชน ใช้การเลือกตั้งประชาชนเป็นเพียงทางผ่านอำนาจ ซึ่งเรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ทำให้ประชาชนต้องกลับมาขบคิด และทบทวนว่าจะต้องสร้างกลไกในการปกครองอย่างไร ที่จะทำให้อำนาจของรัฐที่ผ่านการเลือกตั้งมันอยู่ในดุลที่เหมาะสมกับสังคม จะต้องมีข้อเสนอเรื่องการจัดการปกครอง เพื่อสร้างความสัมพันธุ์ทางอำนาจที่สมดุล ส่งเสริมการกระจายอำนาจ ใช้กรณีนี้ทำให้เห็นว่า ถ้าเราให้น้ำหนักประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเดียวแล้วให้อำนาจไปอยู่ที่ตัวละครเหล่านี้มากจนเกินไป สุดท้ายประชาชนก็กลายเป็นแค่ทางผ่าน กลายเป็นแค่ตัวประกอบความชอบธรรมทางการเมือง พูดง่ายๆต้องคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ให้ดังมากขึ้นว่า ต้องจัดความสัมพันธ์ทางอำนาจใหม่ เสนอแนวทางใหม่ๆในเรื่องการจัดการปกครองรัฐ 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active