นายกฯ แพทองธาร จัดรายการ เล่าเบื้องหลังการทำงาน 7 นโยบาย เดินหน้าเดือน ม.ค. 68 ร่ายยาว 30 บาทรักษาทุกที่ 77 จังหวัด นักเรียน ODOS บ้านเพื่อคนไทย สมรสเท่าเทียม นโยบายแก้ฝุ่นวาระอาเซียน แย้มเดินหน้าแจกเงินหมื่นต่อเฟส 3
วันที่ 2 ก.พ. 2568 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ออกอากาศเป็นเทปแรก ทางช่อง NBT โดยเป็นรายการที่จะออกอากาศทุก ๆ วันอาทิตย์ต้นเดือน เพื่อนำเบื้องหลังการทำงาน ที่มาที่ไปของนโยบาย ขั้นตอน ความคืบหน้าต่อประชาชน โดยรายการเทปแรก ได้เล่าถึงเบื้องหลังการทำงานในเดือนมกราคม

แพทองธาร เริ่มต้นด้วยนโยบายด้านสุขภาพ อย่าง นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ครอบคลุมทั่วประเทศ 77 จังหวัด ที่คิกออฟไปเมื่อ 1 ม.ค. 2568 โดยกล่าวว่านโยบายนี้ทำให้ประชาชนไม่ต้องไปต่อคิวรอตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเข้าพบแพทย์หรือเข้ารับการรักษาเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งจะเสียเวลาทั้งวัน ซึ่งตอนนี้ถือว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดี พร้อมระบุว่า หากใครมีข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายนี้สามารถส่งเข้ามาให้นายกฯ ได้
ตามมาด้วย 11 ม.ค. 2568 วันเด็กแห่งชาติ ที่ได้ประกาศ นโยบาย ODOS 1 อำเภอ 1 ทุน หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนการศึกษาภาคฤดูร้อน One District One Summer Camp ซึ่งเป็นโครงการที่ต่อยอดมาจาก โครงการที่พรรคเพื่อไทยเคยทำในอดีต เพราะอยากให้เด็กมีโอกาสเรียน
แพทองธาร เล่าว่า ในวัยเด็กเคยมีโอกาสได้ไป Summer Camp ทำให้ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น เชื่อว่า หากเด็กไทยได้มีโอกาสแบบนี้ จะทำให้เขามีความรู้กลับมาทำประโยชน์ให้กับประเทศได้ โดยไม่เน้นเฉพาะเด็กที่เรียนดี แต่จะเปิดโอกาสให้เด็กที่เรียนอยู่ในระดับปานกลาง เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจ
“รู้สึกว่าตอนไป เราเห็นอะไรที่ไม่เหมือนของเราเลย ไม่เหมือนประเทศไทย ไปเห็นวัฒนธรรมของเขา รู้สึกว่ามันเป็นโอกาส เราไปแล้วเรากลับมาเรามีเรื่องคุยกับเพื่อน เราเห็นอะไรอีกมากมาย แต่มองเห็นศักยภาพของน้อง ๆ มากกว่าเห็นตัวเอง คิดว่าน้อง ๆ ที่ทำงานหนักในประเทศไทย แล้วถ้าเขามีโอกาสได้ไปเรียนเมืองนอก และถ้าเขาได้เห็น เขาจะสามารถเอาความรู้ตรงนี้กลับไปทำอะไรได้อีกมากแน่นอน
…คิดว่าไม่ได้อยากให้เด็กตัวท็อปที่เรียนเก่ง แต่เด็กที่เรียนกลาง ๆ ตั้งใจเรียน ก็ไม่ได้เรียนท็อป เหมือนดิฉันนี่แหละ ไม่ได้ Top 5 Top 10 กลางห้อง ไม่มีโอกาสได้ไปก็อยากให้ได้ไป Summer Camp เพื่อไปเปิดโอกาสตัวเองว่า ใน 5-6 สัปดาห์ เห็นอะไรบ้าง รู้สึกอะไรบ้าง การทำเรื่องแบบนี้อาจไม่ได้เห็นผลใน 1 ปี แต่เชื่อว่าเห็นผลแน่นอนในอนาคต ซึ่งหากไม่คิดถึงอนาคต 10-20 ปีก็จะไม่ทัน”
แพทองธาร ชินวัตร
17 ม.ค. 2568 เปิดจองวันแรก “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” นายกฯ เชื่อว่า โครงการนี้ทำให้คนทำงานมีกำลังใจในการมีที่อยู่อาศัย จะทำให้รัฐบาลได้คนที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น จากสุขภาพจิตที่ดีจากการมีที่อยู่อาศัยที่ดี
“ง่าย ๆ เลย เรากลับบ้านที่เป็นของเรา เป็นพื้นที่ของเรา เราจ่ายเงิน เพราะเราทำงานได้เงินเดือน และการจ่ายเงินนี้มันไม่ได้แพงเกินไป เราจ่ายไหว นี่คือความภูมิใจว่าที่แห่งนี้เป็นของเราเอง แล้วออกไปทำงานอย่างสดชื่น รัฐบาลได้คนทำงานที่มีศักยภาพมากขึ้น มีสุขภาพจิตดีขึ้น แข็งแรงทั้งกายและใจ นี่คือสิ่งที่เห็นภาพนี้ไว้ แล้วคิดว่าบ้านเพื่อคนไทยเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ ถ้าปัจจัย 4 ไม่แน่นมันก็ไม่ไหว”
แพทองธาร ชินวัตร
นายกฯ ยังอธิบายในสิ่งที่หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับโครงการ อย่างการใช้ “ชักโครกอัตโนมัติ” ว่า ในอนาคตทุกอย่างจะเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล และอยากให้คนมีความฝันว่าวันหนึ่งจะทำงานเก็บเงินและซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้นอีก หรือได้ใช้ห้องน้ำแบบนี้ คือให้เป็นแรงบันดาลใจ แรงผลักดันให้คนรู้สึกว่าสู้งานต่อ เพราะกลับมาจะมีความสุข อยากทำงานซื้อในสิ่งที่ตัวเองฝัน
23 ม.ค. 2568 สมรสเท่าเทียม แพทองธาร กล่าวว่า สมรสเท่าเทียม เป็นเรื่องเดียวที่เห็นว่าไม่มีการแบ่งฝ่ายทางการเมือง เป็นเรื่องที่ทุกคนเห็นตรงกัน จึงต้องขอขอบคุณทั้งทางรัฐบาล สส.ฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา เพราะเรื่องนี้เป็นการสร้างโอกาสให้กับคน สร้างความเท่าเทียม สามารถออกกฏหมายที่ดูแลทุกคนได้
แพทองธาร กล่าวถึง ภารกิจเข้าร่วมการประชุม World Economics forum Annual Meeting 2025 (WEF) หรือ การประชุมประจำปีของฟอรัมเศรษฐกิจโลก เมื่อ 20-24 ม.ค. 2568 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ที่ได้พารัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ไปร่วม ซึ่งทำให้สามารถอธิบายในด้านต่าง ๆ ได้โดยตรง โดยเวทีนี้จะเป็นการคุยถึงทิศทางเทรนด์ของโลก และแต่ละประเทศมุ่งทำอะไร พร้อมเล่าว่า สิ่งที่ไทยทำสำเร็จ จากการร่วมประชุมครั้งนี้ คือ ได้มีการเซ็นสัญญาการค้าเสรี (EFTA) ที่จะทำให้ กฎเกณฑ์ในการทำการค้าโลกของประเทศลดลง จะเป็นโอกาสของคนไทย ของธุรกิจ SMEs และธุรกิจขาดใหญ่
ฝุ่น PM 2.5 เป็นวาระอาเซียน
แพทองธาร กล่าวว่า ก่อนเดินทางไปร่วม WEF ได้ติดตามและสั่งการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นวาระแห่งอาเซียน โดยเน้นย้ำทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ให้แก้ไขปัจจัยที่จะทำให้เกิดฝุ่น ออกมาตรการป้องกันให้เข้มข้นเพื่อบรรเทาเรื่องฝุ่นให้มากที่สุด เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำเนินการ เปลี่ยนใบอ้อยมีมูลค่ามากขึ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจไม่ให้เกษตรกรเผา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ประกาศแจ้งเกษตรกรไม่ให้เผา โดยมีเครื่องไถกลบ
“เห็นใจเกษตรกร อย่าง ต่อซังข้าวโพดมีจำนวนมาก และใช้ไม้ขีดก้านเดียวมันเร็วกว่า เราก็ทราบ ก็หาแนวที่จะไม่ให้เกิดการเผา ไม่ว่าจะเป็นการไถกลบ การรับซื้อ การเผาถามว่ายังมีอยู่ไหมก็ยังมีอยู่แต่ว่าลดน้อยลง”
แพทองธาร ชินวัตร
นายกฯ กล่าวถึง นโยบายกระทรวงคมนาคม “รถไฟฟ้าฟรี” ใน กทม. ที่สามารถลดจำนวนของรถยนต์ 500,000 คันต่อวัน ทำให้คนจะรู้สึกว่าช่วงนี้กรุงเทพฯ รถไม่ค่อยติด เพราะมาตรการนี้และรถฝุ่นควันลงได้เยอะ ซึ่งได้ตรวจกับทางจิสด้าตลอดว่า Hotspot เป็นอย่างไร
“ฝุ่นของเราลดลง กระจายทั่ว ไม่เป็นก้อน ๆ เหมือนช่วงที่ขึ้นสีม่วงในแอปฯ สิ่งที่ทำนี้คือเริ่มทำตั้งแต่ดิฉันรับตำแหน่ง และปัญหาที่มาแน่ก็คือเรื่องฝุ่น ซึ่งรัฐบาลก็เตรียมการตั้งแต่ตอนนั้น ฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่แค่วาระของประเทศ ไม่ใช่วาระแห่งชาติ แต่เป็นวาระแห่งอาเซียน เพราะว่าเราจะต้องร่วมมือกัน เพราะว่าลมพัดฝุ่นเราไปให้เขาพัดฝุ่นเขามาให้เรา เป็นเรื่องที่จะไม่โทษกันแต่มาช่วยกัน”
แพทองธาร ชินวัตร
แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องของระหว่างประเทศ การติดต่ออย่างเป็นทางการต้องมีลำดับขั้น แต่รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศในอาเซียน ทำให้บางเรื่องไม่ต้องผ่านกระบวนการทางการเพราะบางครั้งเรื่องที่เป็นวิกฤติก็ช่วยได้
เงินหมื่นเฟส 3 มาแน่ รอคลังประกาศ
แพทองธาร กล่าวถึง โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่โอนเงิน 10,000 บาทเฟส 2 ไปเมื่อ 27 ม.ค. 2568 ให้กับผู้สูงอายุ 3 ล้านคน จำนวนเงิน 30,000 ล้านบาท ยอมรับว่าทุกครั้งที่เห็นผู้ได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ก็รู้สึกดีใจ
“รู้สึกว่าชอบที่บางเรื่องเราก็นึกไม่ถึง การเอาไปต่อยอด กิจกรรมที่เขาทำเป็นสิ่งที่เราประทับใจ และเราไม่เคยทราบมาก่อน รู้สึกซึ้งใจ ขอชื่นชมกระทรวงการคลัง เมื่อถามถึงเฟส 3 ยืนยันว่า มาแน่นอน ดิฉันก็รู้สึกประทับใจในกิจกรรมที่เขาเอาเงินไปทำค่ะ ส่วนเฟส 3 มีแน่แต่เมื่อไร ขอให้รอแถลง ฤกษ์งามยามดีที่กระทรวงการคลัง”
แพทองธาร ชินวัตร
ดัน พ.ร.ก.ไซเบอร์ จัดการมิจฉาชีพ
จบด้วยนโยบายปราบปรามอาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์ แพทองธาร เล่าว่า เมื่อ 28 ม.ค. 2568 คณะรัฐมนตรี ผ่านร่างพระราชกำหนดปราบอาชญากรรมเทคโนโลยี ซึ่งในประเทศอาเซียนเห็นความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก โดยจะมีสิทธิ์ในการจับคนที่มาตั้งเสาสัญญาณในเขตแดนเพื่อดึงสัญญาณมือถือของคนไทยเพื่อเอาเบอร์เหล่านั้นไป มีการจัดทำบัญชีม้า บัญชีเบอร์ไทยที่เอาไปใช้ในต่างประเทศ
“รัฐบาลตั้งพระราชกำหนดนี้ขึ้นมาเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้หมด แต่เมื่อถามว่าทำไมไม่ออกเป็น พ.ร.บ. เพราะเรื่องนี้รอไม่ได้ คนหมดตัวกับเรื่องนี้ไปเยอะ ถ้าออกเป็น พ.ร.บ.จะใช้เวลานาน
แพทองธาร ชินวัตร