ถอดรหัสแถลงการณ์ BRN กับท่าที ‘สันติภาพ’ ชายแดนใต้ สานต่อโต๊ะเจรจาภายใต้กรอบ JCPP

‘นักวิชาการสถาบันสันติศึกษา ม.อ.’ ชี้ แถลงการณ์บีอาร์เอ็นล่าสุด ส่งสัญญาณบวก ย้ำ พูดคุยสันติภาพ เคารพกรอบ JCPP เวทีแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการเมือง แนะ ทุกฝ่าย เร่งสร้างสภาพแวดล้อมเอื้อการพูดคุย เดินหน้า pre-talk ยุติปฎิบัติการทางทหารทั้งสองฝ่าย 15 วัน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ก่อนเปิดโต๊ะคุยกันรอบใหม่ มั่นใจทางออกดับไฟใต้ด้วยอารยะ

วันนี้ (6 มิ.ย. 68) กองเลขาธิการการเจรจาสันติภาพ แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (บีอาร์เอ็น) เผยแพร่เอกสารแถลงการณ์ ซึ่งได้รับการแปลโดย ฮารา ชินทาโร่ นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามลายู เนื้อหาในแถลงการณ์ดังกล่าว อ้างถึงกรณีที่มีการใส่ร้ายป้ายสี และการบิดเบือนความจริงจากฝ่ายรัฐบาลไทย ทางบีอาร์เอ็นจึงขอชี้แจงประเด็นต่าง ๆ เพื่อความกระจ่างของประชาคมปาตานี และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย

  1. ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 จนถึงบัดนี้ รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่มีนโยบายและความพยายามใด ๆ แม้แต่น้อยเกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้งที่คร่าชีวิตมนุษย์หลายพันคน และทำให้อีกหลายหมื่นคนได้รับบาดเจ็บ

  2. การที่รัฐบาลไทยยังไม่ได้แต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยและคณะพูดคุยชุดใหม่ ทำให้กระบวนการเจรจาล่าช้า และชี้ให้เห็นถึงความไม่จริงจังในการแก้ไขความขัดแย้งอันยืดยาว ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยไม่ใส่ใจต่อความเดือดร้อนและชะตากรรมของประชาชนที่ปาตานี ที่ต้องใช้ชีวิตภายใต้การกดขี่ที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นปกติ 

  3. การใส่ร้ายป้ายสีด้วยการบิดเบือนข้อมูลและข้อเท็จจริง คำพูดที่ยั่งยุอย่างไร้ความรับผิดชอบเพื่อทำลายชื่อเสียงของบีอาร์เอ็น ทั้งหมดนี้จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความพยายามเพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขสำหรับความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

  4. การยกระดับปฏิบัติการด้วยความรุนแรง การโจมตีและปฏิบัติการทางการทหารในพื้นที่ที่กำลังเกิดขึ้นนั้น เป็นผลที่เกิดจากกาที่ไม่มีโต๊ะเจรจา ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับแสวงหาจุดรวมและแนวทางแก้ไขในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง

  5. ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) จนถึงวันนี้ บีอาร์เอ็นได้แสดงการมีส่วนร่วมอย่างชัดเจนและต่อเนื่องในการแก้ไขความขัดแย้งด้วยวิธีการทางการเมืองและสันติวิธีผ่านโต๊ะเจรจา

  6. แกนนำบีอาร์เอ็นได้แสดงการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังและแต่งตั้งหัวหน้าคณะเจรจาในฐานะเป็นตัวแทนขององค์กรอย่างเป็นทางการ และได้รับมอบอำนาจจากองค์กร โดยมีความชอบธรรมและอำนาจในการตัดสินใจต่อประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทย

  7. บีอาร์เอ็นได้ดำเนินการหยุดยิงฝ่ายเดียวหลายครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากับทุกฝ่ายว่า ความพยายามเพื่อกระบวนการสันติภาพสามารถดำเนินด้วยดี โดยเฉพาะประชาคมปาตานีที่ได้ใช้ชีวิตภายใต้ความหวาดกลัวและถูกกดดันด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จของรัฐมานาน

  8. บีอาร์เอ็นพร้อมที่จะเจรจาตราบใดที่รัฐบาลไทยมีแนวนโยบายที่ชัดเจนและความตั้งใจอย่างบริสุทธิ์เพื่อแก้ไขรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้ง โดยอาศัยความใฝ่ฝันของประชาคมปาตานีเป็นพื้นฐานในการเจรจา 

  9. กระบวนการเจรจาระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทยที่ผ่านมาได้มีความคืบหน้า อาทิ ความริเริ่มเบอร์ลิน หลักการทั่วไป และทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะใช้แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม (JCPP) เป็นแผนปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การสร้างสันติภาพอย่างมีศักดิ์ศรี ที่แท้จริงและยั่งยืน แต่ทุกอย่างก็ถูกชะงักในเมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ได้แสดงความตั้งใจที่ชัดเจนต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพ 

  10. บีอาร์เอ็นขอยืนยันความพร้อมที่จะใช้ JCPP ซึ่งจะเป็นช่องทางสำหรับการแสดงความใฝ่ฝันของประชาชนปาตานีเพื่อกำหนดชะตากรรมด้วนตนเอง และจะเป็นกลไกที่โปรงใส่ มีความรับผิดชอบและรับรองการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายจากประชาคมปาตานี

“ประชาชนปาตานีมีสิทธิมากกว่าวาทกรรมแห่งการเมือง พวกเขามีสิทธิเพื่อกำหนดอนาคตเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี อัตลักษณ์ และสิทธิของพวกเขา บีอาร์เอ็นยึดมั่นในความพยายามเพื่อบรรลุเสรีภาพ ความยุติธรรม และความสงบสุขสำหรับประชาคมปาตานีทั้งปวง ดังนี้ บีอาร์เอ็นขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสียเคารพกระบวนการ JCPP เป็นเวทีสำหรับแก้ไขความขัดแย้งที่ปาตานีอย่างมีศักดิ์ศรี และยั่งยืน”

มองสัญญาณดี BRN ยึดแนวทางพูดคุยสันติภาพ-JCPP

สำหรับปฏิกิริยา และท่าทีของบีอาร์เอ็นที่เกิดขึ้นนี้ รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช สถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้ความเห็นกับ The Active ว่า ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ทางบีอาร์เอ็น ยืนยันว่ายังคงยึดมั่นในการใช้การพูดคุยสันติภาพ เป็นเวทีในการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองอย่างสันติวิธี และต้องการที่จะเดินหน้าภายใต้ “แผนปฎิบัติการร่วมเพื่อสันติสุขแบบองค์รวม” (JCPP)  ซึ่งเป็นร่างแผนปฎิบัติการที่ทางฝ่ายไทยและบีอาร์เอ็นได้หารือร่วมกันมา แต่ว่ายังคงไม่มีข้อสรุปโดยการดำเนินการภายใต้กรอบ JCPP ได้ถูกระบุไว้ชัดเจนว่า จะต้องอยู่ภายใต้หลักการเรื่องรัฐเดี่ยว ซึ่งระบุไว้ในรัฐธรรมนูญไทย 

รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช สถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ขณะที่ สถานการณ์ความรุนแรงในช่วงรอมฎอนในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลต่อความไว้เนื้อเชื่อใจทั้ง 2 ฝ่าย เพราะมีการโจมตีพลเรือนที่ไม่ติดอาวุธ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ซึ่งบีอาร์เอ็นไม่เคยออกมายอมรับว่า กลุ่มตนมีส่วนเกี่ยวข้องในปฎิบัติการทางการทหารในครั้งใด ๆ ที่ผ่านมา แต่ในแถลงการณ์นี้ บีอาร์เอ็นได้พูดว่า การยกระดับปฏิบัติการด้วยความรุนแรง และการโจมตีทางการทหารเป็นผลจากการไม่มีโต๊ะเจรจา การโจมตีพลเรือนทำให้ฝ่ายบีอาร์เอ็นเสียการเมือง และเห็นการปรับตัวที่หันไปมุ่งโจมตีเป้าหมายที่เป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเป็นหลักในช่วงหลัง ๆ

ฉะนั้น หากรัฐบาลต้องการที่จะหยุดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และพลเรือน ทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือควรดำเนินการเพื่อเปิดทางให้มีโต๊ะเจรจาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

แนะไทย-บีอาร์เอ็น ยุติปฏิบัติการ 15 วัน สร้างความไว้ใจกันก่อนเปิดโต๊ะคุย

นักวิชาการสถาบันสันติศึกษา ม.อ. ยังเห็นว่า ฝ่ายรัฐและบีอาร์เอ็น อาจจะต้องการช่วงเวลาในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการพูดคุยเจรจาอีกครั้งหนึ่ง สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น ซึ่งทางฝ่ายไทยเรียกว่า pre-talk แนวทางหนึ่งที่เป็นรูปธรรม คือ ฝ่ายรัฐ และบีอาร์เอ็น ควรร่วมกันทำการยุติการปฎิบัติการทางการทหารสองฝ่าย (bilateral ceasefire) ในพื้นที่ชายแดนใต้เป็นเวลา 15 วัน โดยให้มีผู้ติดตามการหยุดยิงที่เป็นอิสระจากหลายภาคส่วน โดยยังไม่ต้องตั้งคณะพูดคุยอย่างเป็นทางการ

โดยเชื่อว่า วิธีการนี้จะทำให้ฝ่ายรัฐสามารถทดสอบด้วยว่า ตัวแทนของบีอาร์เอ็นในคณะพูดคุยฯ นั้นมีความสามารถในการคุม หรือสื่อสารกับกองกำลังในพื้นที่ได้จริงหรือไม่อีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคุยถูกคน 

“แม้บีอาร์เอ็น จะยืนยันว่าได้เคยดำเนินการหยุดยิงฝ่ายเดียวมาหลายครั้ง แต่ว่ารัฐไทย ก็ยังคงมีคำถามเรื่องความสามารถของตัวแทนบนโต๊ะเจรจา ในการควบคุมกองกำลังในพื้นที่อยู่ การริเริ่มนี้จะเป็นการดึงสถานการณ์ให้ทุกฝ่ายกลับมาแก้ปัญหาความขัดแย้งกันอย่างมีอารยะ”

รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช


Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active