- ภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่เป็น ธงนำ ของพรรคกลายเป็นไร้เจ้าของทางการเมือง รมว.สมศักดิ์ ยอมรับไม่มั่นใจว่าจะผ่านทันสมัยประชุมสภาฯ นี้
- การปลดล็อกกัญชา ปี 2565 โดยไม่มีกฎหมายรองรับชัดเจน ทำให้เกิดช่องว่างทางกฎหมาย กัญชาถูกใช้แพร่หลายเกินขอบเขตการแพทย์ มีผู้ค้ากว่า 17,000 ราย แต่ระบบควบคุมยังไม่สมบูรณ์
- กระทรวงสาธารณสุข เตรียมออกประกาศควบคุมการขายช่อดอกกัญชาเข้มงวดขึ้น ต้องมีใบสั่งแพทย์ ห้ามขายออนไลน์ สะท้อนการเปลี่ยนจุดยืนจาก ‘กัญชาเสรี’ สู่ ‘กัญชาควบคุม’
การถอนตัวของ พรรคภูมิใจไทย จากรัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่เพียงส่งผลสะเทือนในเชิงการเมือง แต่ยังสั่นคลอนอนาคตกฎหมายสำคัญที่เคยถูกยกให้เป็นธงนำของพรรค นั่นคือ ร่างพระราชบัญญัติกัญชา พ.ศ…. ซึ่งกำลังติดหล่มในกระบวนการนิติบัญญัติ ท่ามกลางแรงต้านจากหลายฝ่าย และความไม่แน่นอนจากฝ่ายบริหาร
แม้กระทรวงสาธารณสุข ในยุคของ สมศักดิ์ เทพสุทิน จะดำเนินการ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ฉบับใหม่ และเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะเรียบร้อยแล้ว แต่ความล่าช้าในการนำเสนอสู่คณะรัฐมนตรี และความไม่แน่ชัดว่าเมื่อใดจะเข้าสู่สภาฯ ทำให้เกิดความกังวลว่ากฎหมายอาจไม่ทันรัฐบาลนี้
ในคำให้สัมภาษณ์ล่าสุด สมศักดิ์ ยอมรับว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่า พ.ร.บ.กัญชาฉบับนี้จะผ่านทันสมัยประชุมสภาปัจจุบัน เพราะ “ยังไม่เห็นการบรรจุวาระ” และกระบวนการทางนิติบัญญัติก็ต้องดำเนินตามขั้นตอน ไม่สามารถเร่งเพียงเพื่อสนองความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

สุญญากาศกฎหมาย เปิดช่องใช้กัญชาเสรีโดยไร้กรอบ ?
หลังการ ปลดล็อกกัญชา ออกจากบัญชียาเสพติดเมื่อปี 2565 โดยไม่มีกฎหมายรองรับที่ชัดเจน ทำให้เกิด ช่องว่างทางกฎหมาย ส่งผลให้กัญชาถูกใช้อย่างแพร่หลายเกินขอบเขตทางการแพทย์ ทั้งในรูปแบบ สันทนาการ และการขายเสรีในพื้นที่สุ่มเสี่ยง เช่น ใกล้สถานศึกษา วัด หรือผ่านช่องทางออนไลน์
หน่วยงานเฝ้าระวัง เช่น คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ (กพย.) ก็ชี้ว่า ระบบการควบคุมยังขาดการบูรณาการ และไม่มีการตรวจสอบร้านจำหน่ายอย่างทั่วถึง ปัจจุบัน มีผู้ได้รับใบอนุญาตค้ากัญชากว่า 17,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นรายย่อย แต่กฎหมายควบคุมกลับยังไม่สมบูรณ์
หากยังจำกันได้ ความพยายามในการนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด เคยล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่งในยุครัฐบาลเศรษฐา แม้ในช่วงแรกจะมีท่าทีแข็งกร้าว เดินหน้าผลักดันให้กัญชาถูกจัดเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ทว่าท้ายที่สุดก็ต้องถอยหลัง เมื่อเจอแรงต้านอย่างหนักจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย
จนนำไปสู่การชะลอเรื่องนี้ แต่วันนี้ไม่มีภูมิใจไทยอยู่ร่วมรัฐบาลแล้ว การตัดสินใจนโยบายกัญชาทางฝั่งพรรคเพื่อไทยน่าจะง่ายขึ้น หรือไม่ ?
‘ภูมิใจไทย’ ถอนตัว ดับฝันกัญชาเสรี ?
พรรคภูมิใจไทย ในฐานะเจ้าของนโยบายหลักเรื่องการปลดล็อกกัญชา ได้ขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง มาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเปิดทางให้เกิด กัญชาเสรีเกินควบคุม แต่ก็มีฐานเสียงจากกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และธุรกิจรายย่อยที่มองเห็นโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ
การถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลของภูมิใจไทย เท่ากับการถอนแรงผลักดันสำคัญทางการเมืองในประเด็นนี้ เหลือเพียงแรงขับจากภาคประชาชนที่สนับสนุนกัญชาอย่าง เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ซึ่งถึงแม้จะเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผลักดัน แต่ก็เผชิญอุปสรรคจากการเมืองภายใน และการจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายที่อยู่ในคิวจำนวนมาก
ท่าที ‘รมต.สมศักดิ์’ เดินสายกลาง หรือเบรกเงียบ ?
แม้ รมว.สาธารณสุข จะยืนยันว่า ไม่ได้ต่อต้านการใช้กัญชา แต่เป็นท่าทีในเชิง ประคอง และ เน้นการแพทย์เป็นหลัก อาจสะท้อนการเปลี่ยนจุดยืนของกระทรวงฯ จากแนวทางเปิดกว้างของภูมิใจไทย ไปสู่กรอบที่เข้มงวดกว่า
หลักฐานคือการเตรียมออก ประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย “สมุนไพรควบคุม (กัญชา)” ที่จะควบคุมการขายช่อดอกกัญชาเข้มงวดขึ้น เช่น ต้องมีใบสั่งแพทย์ ห้ามขายผ่านออนไลน์ หรือในบางพื้นที่โดยเด็ดขาด ซึ่งจะทำให้กัญชาเสรี กลับเข้าสู่โหมดจำกัด แม้ยังไม่จัดเป็นยาเสพติดอีกครั้งก็ตาม
- รายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็น ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. ….
- ร่าง ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. ….

เกมการเมือง-นโยบายสาธารณสุขที่ยังไม่จบ
ภายใต้สถานการณ์การเมืองที่กำลังร้อนแรงและเปราะบาง นโยบายกัญชา กำลังกลายเป็น ผู้โดยสารไม่มีที่นั่ง ในรถขบวนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่กำลังเร่งรับมือกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งภายใน และระหว่างประเทศ
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเอง ก็เริ่มขยับไปในทิศทางใหม่ ด้วยการประชาสัมพันธ์นโยบายสาธารณสุขอื่นแทน ซึ่งชี้ชัดว่า น้ำหนักทางการเมืองของกัญชา กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น การเมืองไทยยังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะ กรณีพิพาทกับกัมพูชา ในสภาพเช่นนี้ วาระนโยบายอย่าง กัญชา ยิ่งถูกเบียดตกขอบ เพราะไม่ใช่ประเด็นเร่งด่วน หรือ ปลอดความขัดแย้ง สำหรับรัฐบาลที่กำลังต้องควบคุมกระแสทั้งภายใน และภายนอก
การขยับตัวของ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ออกมาเน้นย้ำความคืบหน้าของโครงการบริการทุกช่วงวัยฯ พร้อมโชว์ตัวเลขประชาชนเข้าถึงบริการกว่า 16 ล้านคนใน 18 จังหวัด ไม่ใช่เพียงแค่การรายงานผลงานของกระทรวงฯ แต่ต้อง โชว์ผลงาน ในภาวะการเมืองไม่แน่นอน โครงการอย่างคลินิกทุกช่วงวัย หรือ 30 บาทรักษาทุกที่ ยังได้รับการยอมรับในวงกว้าง และตอบโจทย์ความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่า
ในภาวะที่รัฐบาลต้องใช้พลังมหาศาลเพื่อ ประคองตัว ทั้งในเวทีสภา และเวทีระหว่างประเทศ ย่อมไม่มีพื้นที่เหลือสำหรับนโยบายกึ่งขัดแย้ง ที่ต้องใช้ทุนทางการเมืองสูง เช่น กัญชา
ดังนั้น แม้รัฐบาลจะไม่ได้ประกาศชัดว่า “พับนโยบายกัญชา” แต่ก็อาจเลือกปล่อยให้เงียบหายไปเอง ท่ามกลางความวุ่นวายและการจัดลำดับความสำคัญใหม่ในทางการเมืองเวลานี้