เนื่องใน ‘วันสันติภาพโลก’ กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ เชื่อ สันติสุข ความสงบเกิดไม่ได้ ถ้าความยุติธรรม ความเท่าเทียมถูกมองข้าม ขณะที่ เยาวชนชายแดนใต้ ขอแค่มีส่วนร่วม ไม่ปิดกั้นความคิด การแสดงออก เปิดทางสันติภาพทำได้ทันที ด้าน ฝ่ายความมั่นคง หวังประชาชนเข้าใจการปฏิบัติงาน จนท.รัฐ เชื่อ บังคับใช้กฎหมาย หยุดกระบวนการบ่มเพาะเยาวชน มุ่งเป้าบิดเบือน ไปสู่ความรุนแรง
วันนี้ (21 ก.ย. 68) ในเวทีการสรุปผลการปฏิบัติงานขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ (คพท.) “We Are One Family Festival ต่างที่มาแต่เราคือครอบครัวเดียวกัน” ประจำปี 2568 เนื่องใน “วันสันติภาพโลก” 21 ก.ย.ปีนี้

พล.ท. ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ระบุว่า แม้ในห้วงที่ผ่านมากลไกสันติสุขได้ขับเคลื่อนโดยระดับนโยบาย และคณะพูดคุยฝ่ายไทยในระดับพื้นที่ แต่ที่สำคัญคือ การแก้ไขปัญหาโดยการพูดคุยต้องดึงพี่น้องประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
แม่ทัพภาคที่ 4 ย้ำว่า เหตุการณ์ปี 2547 จนถึงตอนนี้ผ่านมา 20 กว่าปี ซึ่งตนเองอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้มาตลอด ได้เข้าใจวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เข้าใจภาพการทำงาน ว่างานสำคัญของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุร้าย โดยการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ก่อเหตุรุนแรง, การแก้ปัญหายาเสพติด, การส่งเสริมให้เกิดการอยู่ร่วมกัน การสร้างผู้นำให้เข้มแข็ง, บูรณาการความมั่นคงกับการพัฒนา รวมทั้ง สร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นกับประชาชน ซึ่งทั้ง 5 แนวทางนี้ต้องให้ความสำคัญพอ ๆ กัน ให้ความสำคัญเท่ากัน
“ผมมีนโยบายการทำงานในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 เน้นการสร้างความเข้าใจ โดยเฉพาะกระบวนการ ซึ่งเหตุการณืความรุนแรงตั้งแต่ปี 2547 มีวิวัฒนาการ ยืนยันว่าต้องใช้กฎหมายเป็นหลัก ยึดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเหตุการณ์ตากใบถือเป็นความผิดพลาด ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐถูกโจมตีมาตคลอด แต่ทำไมไม่พูดถึงเหตุการณ์กรือเซะ ที่ก็พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐสูญเสียจำนวนมากเช่นกัน”
พล.ท. ไพศาล หนูสังข์

ตัดวงจรบ่มเพาะ บิดเบือน นำไปสู่เหตุรุนแรง
แม่ทัพภาคที่ 4 ยอมรับด้วยว่า ตลอดการทำงานที่ผ่านมาภาคประชาสังคมในพื้นที่ตั้งใจแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ก็ได้พยายามสร้างความเข้าใจ สร้างความผูกพันหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นการเอาประชาชนมาร่วมแก้ปัญหา จะทำให้เกิดความยั่งยืน
พล.ท. ไพศาล ยังย้ำว่า แม้การทำงานที่ผ่านมาเน้นความต่อเนื่อง แต่ก็มีบางเรื่องที่ยังคั่งค้าง ไม่มีความคืบหน้า โดยเฉพาะการบ่มเพาะคนเข้าสู่บริการทั้งในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา ดังนั้นการก่อเหตุรุนแรง ในอดีตอาจมีทุนมาจากองค์กรภายนอก แต่ปัจจุบันเป็นเงินบริจาคจากเงินของผู้เข้าร่วม จึงต้องสร้างความเข้าใจ ต้องตัดวงจรของการบ่มเพาะให้เรียบร้อย องค์กรที่มาเกี่ยวข้อง หลายองค์กรมีความมุ่งหวังที่ดี แต่เมื่อขบวนการเข้ามา ก็เข้ามาบิดเบือน มาใช้ประโยชน์ตรงนี้ จึงต้องดำเนินการต่อเนื่องในเรื่องการบ่มเพาะ ให้น้อง ๆ เยาวชน เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ เชื่อว่าถ้าทำได้สันติสุขจะเกิดขึ้นไม่ยาก เมื่อไหร่ที่เราตัดวงจรการบ่มเพาะไม่ได้ก็ยาก
สันติสุขเกิดขึ้นยาก ถ้ามองข้าม ‘ความยุติธรรม-เท่าเทียม’
พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี ในฐานะ กมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวังชายแดนภาคใต้ หรือ กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ย้ำว่า สันติสุขเริ่มต้นจากใจ สันติสุขเกิดไม่ได้ถ้าคนในสังคมรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้รับความเท่าเทียม ถูกมองข้าม

ในช่วงรัฐบาลก่อนหน้านี้ ที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ ได้มีส่วนผลักดันให้งานประเพณีของคนภาคใต้ได้เป็นวันหยุดราชการ อย่างการทำบุญวันสารทเดือนสิบ ของพี่น้องชาวพุทธ ซึ่ง ครม.ในตอนนั้นได้ประกาศให้เป็นวันหยุดพิเศษ เช่นเดียวกับประเพณีของพี่น้องมุสลิม ที่ได้วันหยุดเป็นวันฮารีรายอ พี่น้องชาวจีนที่ได้หยุดในวันตรุษจีน สิ่งเหล่านี้แม่มองเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ถือว่าได้สร้างคุณค่าทางจิตใจของทุกศาสนิกที่มีความสำคัญ เป็นปัจจัยหลักของการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น
พญ.เพชรดาว ย้ำด้วยว่า ยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องได้รับการผลักดันต่อ อย่างประเด็นด้านการศึกษา ที่ต้องทำให้สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรม, การแก้ไขปัญหาเรื่องสาธารณสุข ระบบสุขภาวะของพี่น้องชายแดนใต้ที่พบว่าต่ำแทบทุกตัวชี้วัด รวมถึงประเด็นด้านสังคมพหุวัฒนธรรม ที่ต้องได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งที่กล่าวมา คือเป้าหมายที่จะเดินไปให้ถึง

เยาวชน-คนรุ่นใหม่ชายแดนใต้ ขอพื้นที่มีส่วนร่วม เชื่อจุดเริ่มเปิดทาง ‘สันติภาพ’
ขณะที่ ฟาอิก กรระสี ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ชายแดนใต้ ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ยอมรับว่า ความคิดเห็นของเยาวชน คนรุ่นใหม่ในชายแดนใต้เกิดขึ้นอย่างหลากหลาย จึงไม่สามารถนิยามถึงความหมายของสันติภาพในบทบาทของเยาวชนชายแดนใต้ได้ 100% แต่สิ่งที่สำคัญที่คิดว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสันติภาพ คือ กระบวนการมีส่วนร่วมที่ต้องเปิดโอกาสให้กับเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ เข้าไปมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบทบาทของเยาวชนในพื้นที่ชายแดนใต้ ถูกปิดกั้น
“เราเกิดมาท่ามกลางเหตุการณ์ความรุนแรง โดยผู้ใหญ่พยายามทำให้พวกเราเห็นว่าสิ่งนี้คือความไม่ปกติ ที่เป็นปกติไปแล้วสำหรับเยาวชนในพื้นที่ นอกจากนี้ผู้ใหญ่ยังพูดอยู่เสมอว่า ฝากอนาคตไว้กับพวกเราด้วย ซึ่งกระบวนการสันติภาพทั่วโลกก็เน้นย้ำชัดเจนว่าต้องทำให้เกิดขึ้นเพื่อให้คนในภายภาคหน้า แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าในวันนี้เยาวชน ยังไม่ได้รับโอกาส ไม่มีพื้นที่ให้เข้าไปมีส่วนร่วม ได้แสดงออก หรือแสดงความคิดเห็น การแก้ปัญหาไปสู่อนาคตก็จะไม่เกิดขึ้น นี่คือเรื่องเร่งด่วนที่สามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องรอโครงสร้าง หรือกลไกใด ขอเพียงแค่เปิดโอกาสให้เยาวชน เข้าไปมีส่วนร่วม ก็จะเปิดทางไปสู่สันติภาพได้จริง”
ฟาอิก กรระสี