นายกฯ ย้ำ ‘ดับไฟใต้’ ไม่มีเวลาทดลองงาน – ‘กัณวีร์’ ชี้ 4 เดือน ตั้งไข่ ‘สันติภาพ’ ได้ ถ้าเดินถูกทาง

เรียกร้อง นายกฯ ตั้งรัฐมนตรี ดูปัญหาชายแดนใต้ รายงานสายตรงโดยเฉพาะ ย้ำ เวลารัฐบาล 4 เดือน เป็นได้ทั้งระเบิดเวลา และ เดินหน้าสันติภาพได้ อยู่ที่กลัดกระดุมเม็ดแรกต้องถูกต้อง ด้าน นายกฯ อนุทิน ยัน เดินต่อโต๊ะพูดคุยสันติสุข สั่งหน่วยความมั่นคงดูแลประชาชน บังคับใช้กฎหมายเท่าเทียม

วันนี้ (11 ต.ค. 68) Thai PBS ศูนย์ข่าวภาคใต้ รายงานว่า อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ. สมศักดิ์ รุ่งสิตา หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขคนใหม่ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง เดินทางลงพื้นที่ไปยังค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง

โดยการประชุมในวันนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะรายงานสรุปสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เหตุปล้นร้านทองกลางห้างในอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เหตุขโมยปืน 2 กระบอกก่อนระเบิดตู้เอทีเอ็ม ที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เหตุระเบิด 2 วันซ้อนในพื้นที่เมืองยะลา ด้วยระเบิดไบบ์บอมบ์ 11 ลูก รวมถึงการรายงานแผนปฎิบัตbการในปี 2569

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงมหาดไทย ระหว่างลงพื้นที่ประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้ (11 ต.ค. 68)

รวมทั้งกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะรายงานความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุและคดีสำคัญ ส่วนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จะรายงานแผนการพัฒนาประจำปี 2569

นายกฯ ระบุภายหลังการประชุมกับหน่วยงานความมั่นคง โดยย้ำว่า วันนี้มารับฟังสถานการณ์ในพื้นที่จากหน่วยงานความมั่นคงในชายแดนใต้ ทั้งจาก กองทัพ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และทาง ศอ.บต. ซึ่งได้รับทราบปัญหาแล้ว ซึ่งนายกฯ ยืนยันจะดูเรื่องความมั่นคงด้วยตัวเอง

ทั้งนี้ได้มอบข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับงานด้านการข่าวเชิงรุก และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม โดยจะต้องดูแลคุ้มครองประชาชน ขณะที่ผู้กระทำผิดก็ต้องเร่งติดตามนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาด รวมถึงให้ทุกภาคส่วนทำงานแบบมีเอกภาพ และบูรณาการกัน

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมีเหตุความรุนแรงเกิดมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีเวลาทดลองงานและพร้อมปฎิบัติงานในพื้นที่ นอกจากนี้ได้สั่งการให้ดูแลพื้นที่ชายแดน ซึ่งมีช่องว่างทำให้หลังผู้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ก็จะเดินทางข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหลบหนี นอกจากนั้นในส่วนการพูดคุยสันติสุข ยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าต่อเพราะเห็นว่าเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว

“ผมห่วงความปลอดภัยประชาชน แต่ไม่ห่วงความสามารถกองทัพไทย ไม่ห่วงความสามารถเรื่องการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ห่วงความตั้งใจของตนเองที่จะสนับสนุนทุกภารกิจในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ที่ต้องทำให้บรรลุผลสำเร็จที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทย”

อนุทิน ชาญวีรกูล

ขณะที่ พล.อ. สมศักดิ์ รุ่งสิตา หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขคนใหม่ บอกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมทีมฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้ากระบวนการพูดคุยสันติสุขโดยในระยะต้น จะยังคงใช้กระบวนการเดิมคือมีประเทศมาเลเซียเป็นประเทศผู้อำนวยการสะดวก และพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น แต่ก็จะพูดคุยกับกลุ่มอื่นร่วมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ถือเป็นการควงแขนหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขลงพื้นที่ครั้งแรก หลังการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยที่เว้นว่างมานานกว่า 1 ปี ในช่วงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร

ท่ามกลางความคาดหวังของหลายฝ่าย โดยเฉพาะเครือข่ายภาคประชาชน และนักวิชาการ ที่อยากเห็นความก้าวหน้าในการพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มบีอาร์เอ็น จากเดิมที่อยู่ระหว่างการจัดทำ แผนปฎิบัติการร่วมเพื่อสันติสุขแบบองค์รวม หรือ JCPP ซึ่งต้องติดตามว่า หากกลับมาเริ่มกระบวนการพูดคุยใหม่ จะเดินหน้าแผนนี้ต่อหรือไม่ หรือ จะหารือกันใหม่ทั้งหมด

เชื่อ 4 เดือน ขอกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก เดินหน้าตั้งไข่กระบวนการสันติภาพ

ด้าน กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดนใต้ของนายกรัฐมนตรี โดยขอฝากตามเรื่องการตั้งไข่กระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้

“4 เดือนนี้หากท่านกลัดกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง ท่านจะทำให้เห็นถึงความแตกต่างจากการกลัดกระดุมที่ผิดเมื่อปี 2547 ที่ทำให้ผลาญเงินกว่า 5 แสนล้านบาท แต่กระบวนการสันติภาพกลับเป็นหมัน”

กัณวีร์ สืบแสง

กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม

กัณวีร์ ระบุว่า ความรุนแรงของสถานการณ์มีความต่อเนื่อง ตั้งแต่ปล้นร้านทอง เหตุระเบิดหน้าศูนย์เยาวชนยะลา และเหตุระเบิดที่ตู้ ATM เมื่อ 1 ต.ค. 68 คือ ความท้าทายรัฐบาลชุดใหม่ที่มีเวลาเพียง 4 เดือน เวลาของรัฐบาลอนุทิน เป็นไปได้ทั้งระเบิดเวลาที่จะทำให้สถานการณ์ขยายตัวขึ้นอย่างกู่ไม่กลับ และหรือการตั้งไข่กระบวนการสันติภาพอย่างถูกต้อง ที่เหมือนกับการทำถนนเพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนา

“ท่านจะกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด หากท่านนิ่งเฉยและปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามสิ่งที่เป็นมาเป็นเวลา 21 ปีที่ผ่านมา หากท่านยังปล่อยให้มีการใช้อำนาจแฝงผ่านกลไกอย่าง กอ.รมน. และ ศอ.บต. ที่มีทั้ง อำนาจ หน้าที่ งบประมาณและการตัดสินใจโดยใช้ชื่อท่าน ในนามนายกฯ คุ้มหลังทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จ ขาดการตรวจสอบถ่วงดุล จากภาคส่วนอื่น ๆ เพราะทั้งสององค์กรนี้ขึ้นตรงกับท่านเอง”

กัณวีร์ สืบแสง

ย้ำลดอำนาจ กอ.รมน.ภาค 4 – ศอ.บต.

กัณวีร์ ยังย้ำว่า 4 เดือนนี้ ขอให้นายกฯ วางแผนการเปลี่ยนผ่าน ให้องค์กรทั้ง 2 นี้ มีอำนาจหน้าที่เพียงแค่การอำนวยการ และส่งข้อมูลมาถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อท่านเองในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารจะตัดสินใจ ไม่ใช่ ผอ.รมน.ภาค 4 หรือ เลขาธิการ ศอ.บต. หากท่านไม่มั่นใจ วางตำแหน่ง รัฐมนตรีฯ สักคนนึง ที่เรามีอยู่อย่างมากมาย ให้ไปดูแลจังหวัดชายแดนภาคใต้เสีย ให้คนผู้นั้นที่มีความรู้ความเข้าใจอุทิศตนเพื่อนำมาซึ่งสันติภาพ และยิงตรงท่านในฐานะนายกรัฐมนตรี

“ลองพิจารณาดูถึงการเปลี่ยนยุทธศาสตร์การโจมตีเป็นเป้าทางเศรษฐกิจ ทั้งร้านทอง และตู้ ATM ทำไมถึงเปลี่ยนเป้าหมาย แต่ก็ยังคงความประสงค์การก่อความไม่สงบอยู่ หากให้ผมเดาโดยไม่ต้องไปรับฟัง briefing จากหน่วยงานความมั่นคงที่มารายงานท่านวันนี้ คงเป็นว่ากลุ่มก่อความไม่สงบได้ใช้ความรุนแรง ผสมผสานกับการทำธุรกิจอาวุธและเงินทุน จึงทำให้เห็นถึงการต่อสู้เชิงอุดมการณ์มาเป็น ปฏิบัติการอิงเงินทุน ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะใช้รายได้จากปล้นเป็นทุนหมุนเวียนในกิจกรรมความรุนแรงต่อไป และต้องการหาเงินเพิ่มเพื่อระดมสรรพกำลังให้มากขึ้น สุดท้ายคาดเดาได้ว่าจะก่อเหตุใหญ่ต่อไปในไม่ช้า”

กัณวีร์ สืบแสง

เสนอนายกฯ แต่งตั้ง รมต.ดูแลจัดการงานชายแดนใต้โดยเฉพาะ ประจำในพื้นที่

กัณวีร์ ยังขอให้นายกฯ แต่งตั้งคนในตำแหน่งรัฐมนตรี ดูแลบริหารจัดการงานเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด ขึ้นตรงกับนายกฯ และต้องประจำอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหตุผลความจำเป็นที่ต้องอยู่ในพื้นที่ตลอด คือ เป็นนักการเมืองยังไงต้องอยู่กับคนตลอดเวลา ต้องรับฟังคนเสมอ ต้องรับฟังคนทุกภาคส่วน และที่สำคัญท่านนายกฯ ต้องเข้าใจว่ารากเหง้าแห่งปัญหาของชายแดนใต้ คือการปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และอัตลักษณ์ตัวตนของพี่น้องประชาชนถูกปิดกั้นมากจนเกินไป กฎหมายพิเศษต่างๆ ทั้งกฏอัยการศึก พรบ.ความมั่นคงฯ และ พรก.ฉุกเฉินฯ ยิ่งย้ำเตือนจุดบอดนี้ ดังนั้น ท่านนายกฯ ต้องพิจารณาหาคนของท่านรั้งตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อดูแล จชต. ที่ต้องเป็นนักการเมือง ไม่ใช่ข้าราชการประจำ เป็นการกลัดกระดุมเม็ดแรกที่จะพาเรือของท่านล่องนาวาผ่านไปใน 4 เดือนนี้อย่างมีประสิทธิภาพในการตั้งไข่สู่กระบวนการสันติภาพ

“ท่านได้แต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายไทยแล้วถือว่าท่านทำงานเร็วมากๆ ต้องขอชื่นชมครับ แต่ทีมงานยังไม่เห็นรายชื่อ ต้องขอดูนิดนะครับท่านครับเพราะมีประชาชนรออยู่ นี่หากท่านสามารถสร้างคณะพูดคุยฝ่ายไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่ 4 เดือนที่ท่านมาอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา และรวมกับการกลัดกระดุมเม็ดแรกที่ถูกจุด วางแนวทางที่เหมาะสมต่อการแก้ไขปัญหาให้ได้ ให้อำนาจรัฐมนตรีคนนี้เต็มในการบริหารจัดการ และที่สำคัญคนๆ นี้ต้องมีความเข้าใจและความรู้บริบทสถานการณ์ จชต. ให้ดี มีคุณธรรมและได้รับการยอมรับจากองคาพยพของคนในพื้นที่ พร้อมปรับตัวรับฟังคนพื้นที่ให้มากด้วยนะครับ”

กัณวีร์ สืบแสง

กัณวีร์ ยังเสนอว่า อย่าส่งคนที่จะทำตัวเป็น ผู้มากบารมี ให้คนวิ่งตาม แล้วลงไปสร้างฐานเสียงและคะแนนให้ตนเอง จงหาคนที่อยากแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องจริง ๆ และพร้อมรอการตรวจสอบตลอดเวลา แล้วท่านนายกฯ หากทำได้จะรอดพ้นจากการถูกตรวจสอบ แต่ในทางกลับกันท่านจะกลัดกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้องและพร้อมให้คนมาสานต่อต่อไปในรัฐบาลชุดหน้า

“เราสูญเสียมากพอแล้วกับเงินภาษีพี่น้องประชาชนมากกว่า 5 แสนล้านบาทที่สูญเสียไปเหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เราสูญเสียมากพอแล้วกับชีวิตหลายชีวิตของพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร เพราะทุกคนคือมนุษย์เหมือนกัน เราสูญเสียมากแล้วเวลากว่า 21 ปี ที่หายไปเหมือนเราอยู่ในสูญญากาศที่ไม่มีการพัฒนาใด ๆ สิ่งที่เราต้องการคือ กระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้องครับ”

กัณวีร์ สืบแสง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active