Fact-Check Thailand 2026 สร้างภูมิคุ้มกัน สู้ข่าวลวง ช่วงเลือกตั้ง 69

ชวนสื่อ พลเมือง รู้เท่าทัน เตรียมรับมือข้อมูลเท็จ บิดเบือน ก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้งใหญ่ 2569 ย้ำ สังคมไทย ต้องตั้งหลักให้ดีในยุคสงครามข้อมูล หวั่นนำไปสู่การสิ้นสุดของความจริง หากไร้แนวทางป้องกัน ยัน บทบาทสำคัญ สร้างแพลตฟอร์มให้มีกลไก พร้อมความรับผิดชอบ

วันนี้ (19 พ.ย. 68) โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ Fact-Check Thailand 2026 เปิดฉากขึ้นแล้วที่ ไทยพีบีเอส โดยมีผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมอบรม 40 คน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันการรับมือกับข้อมูลเท็จและข่าวบิดเบือน โดยเฉพาะในช่วงการเลือกตั้งใหญ่ ปี 2569

กนกพร ประสิทธิ์ผล ผู้อำนวยการสำนักสื่อดิจิทัล ไทยพีบีเอส ระบุว่า ภูมิทัศน์ของสื่อเปลี่ยนไป ทำให้จะเห็นข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ ข้อมูลบิดเบือนมากขึ้นเรื่อย ๆ Cofact Thailand และ Thai PBS ทำหน้าที่ในการตรวจสอบข่าว ซึ่งในปี 2568 Thai PBS Verify มีการตรวจสอบข่าวทั้งหมด 5 หมวด การเมืองเป็นหนึ่งในนั้น มีอยู่ 17 % พบว่า ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลาเหมือนเรื่องสุขภาพ แต่จะมีในช่วงที่มีสถานการณ์สำคัญ เช่น การเมืองระหว่างประเทศ นโยบายภาครัฐที่ออกมา เป็นช่วงที่คนโหยหาเรื่องข้อมูลข่าวสารมาก แต่ในช่วงเลือกตั้งเป็นวาระสำคัญที่กระทบกับทุกคน ข้อมูลการเลือกตั้งเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบการตัดสินใจ การเปลี่ยนวิธีคิด และการลงคะแนนได้

กนกพร ประสิทธิ์ผล ผู้อำนวยการสำนักสื่อดิจิทัล ไทยพีบีเอส

จากสถิติ ยังพบด้วยว่า ข้อมูลข่าวลวงการเลือกตั้งปี 2567 เพิ่มสูงมากเนื่องจากสถานการณ์การเลือกตั้งทั่วโลก ดังนั้น เรื่องของการเลือกตั้งและข้อมูลข่าวลวงอาจจะแยกกันไม่ได้ โครงการนี้จึงเป็นจุดมุ่งหมายปูพื้นฐานให้กับนักข่าว และพลเมืองที่มาจากการคัดเลือกทั่วประเทศ

ขณะที่วงเสวนาหัวข้อ สกัดข่าวปลอม : เตรียมพร้อมสู่สนามเลือกตั้ง ชวนตั้งคำถามกับข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึง และบทบาทสำคัญของสถาบันสื่อในการรายงานข่าวที่ถูกต้องให้กับประชาชน

ยุคสงครามข้อมูล ตั้งหลักไม่ดี อาจสิ้นสุดความจริง

สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Cofact Thailand บอกถึงความท้ายทายในภาคประชาสังคม โดยยกประเด็นว่า สังคมกำลังเข้าสู่ยุคสงครามข้อมูล ถ้าไม่ตั้งหลักที่ดี อาจนำไปสู่การสิ้นสุดของข้อเท็จจริง และความจริงได้ ฟังดูเหมือนมองโลกในแง่ร้าย แต่ถ้าไม่มองโลกในแง่ร้ายบ้าง ก็จะไม่มีแนวทางในการป้องกันปัญหา

สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Cofact Thailand

สำหรับการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ในประเทศไทย ก็จะเข้าสู่สิ่งที่เรียกว่าสงครามข้อมูล และสนามรบก็คือสังคมออนไลน์ ไม่ใช่เป็นข้อความ แต่ไปถึงคลิปวิดีโอ ปัญญาประดิษฐ์ (Ai) ซึ่งก็จะเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกคน หรือแม้แต่มีม ที่มองว่าเป็นเรื่องตลกล้อเลียน แต่จริง ๆ แล้วต่อไปมีมอาจทำให้เกิดการผลิตซ้ำ เกิดอคติ และมายาคติได้ แม้แต่ความตลกขบขันก็สามารถเร้าอารมณ์ความรู้สึกได้ โดยที่ไม่ได้แคร์ถึงข้ข้อเท็จจริง สิ่งนี้คือความท้ายทายของสื่อสังคม

ย้ำบทบาทสื่อสาธารณะ ส่งข้อมูลรอบด้านถึงประชาชน

ก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าว ไทยพีบีเอส ระบุว่า บทบาทของสื่อมวลชนจะใช้ 2 หลักในการนำเสนอ คือ สิ่งที่ผู้คนอยากจะรู้ หรือ want to know กับ สิ่งที่ผู้คนจำเป็นต้องรู้ หรือ need to know

ก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าว ไทยพีบีเอส

want to know ถ้าผู้คนอยากจะรู้สีสัน บรรยากาศของข่าว สีสันคืออยู่ในข่าวไม่ใช่ใส่เข้าไป ก็อาจจะเป็นการติดตามการลงพื้นที่หาเสียง เกาะติดสถานการณ์ ช่วงสำคัญที่ผู้คนอยากจะรู้ว่าพรรคไหนใครนำก็จะเป็นการนำเสนอแบบ immersive หรือภาพกราฟิกที่จะทำให้ผู้เข้าใจมากขึ้น

need to know การตัดสินใจการเลือกตั้ง ผู้คนควรจะตัดสินใจด้วยนโยบายแต่ละพรรคขาย จะตรงปกหรือไม่ ผู้ชมก็ต้องช่วยกันดู ถอยออกมาจากความเชื่อและความรู้สึกของตัวเองระยะหนึ่ง แล้วดูว่าแต่ละพรรคมีวิธีหาเสียงอย่างไร นโยบายควรจะเป็นตัวกำหนด ซึ่งเชื่อว่าหลายคนไม่ได้มองถึงประเด็นนี้ แต่ Thai PBS จะเน้นเรื่องนีมากว่าพรรคการขายนโยบายอะไร และหลังเลือกตั้งก็จะตามติดต่อว่าได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้หรือไม่ จะต้องให้ข้อมูลอย่างรอบด้านให้ประชาชนได้เลือก

“สื่อจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสมดุลอย่างยิ่ง เป็นกลาง แต่ก็มีคำถามว่า เป็นกลางของใคร ถูกต้องสำหรับใคร ? ดังนั้น เราก็ต้องสร้างความสมดุล ซึ่งการทำหน้าที่ของสื่อ และท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง แต่หน้าที่ของสื่อไม่เคยเปลี่ยน แม้ว่าแพลตฟอร์มหรือเทคโนโลยีจะกล่าวหน้าไปมากน้อยขนาดไหนก็ตาม”

ก่อเขต จันทเลิศลักษณ์

แฟลตฟอร์มสร้างกลไก กติกา บนความรับผิดชอบ

ปิดท้ายด้วย ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะที่เป็นผู้วิจัยการเลือกตั้งมาตลอด ยอมรับว่า มองเห็นทิศทางที่ดีมากขึ้น ซึ่งไม่เคยมียุคสมัยไหนที่จะมีคนรุ่นใหม่เข้าสภาฯ ได้มากเท่าการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา และไม่มีสมัยไหนที่พรรคการเมืองมีนโยบายล้วน ๆ ไม่อาศัยบ้านใหญ่เข้ามา ซึ่งมุมนี้พูดในเชิงระบบไม่ได้ หมายถึงพรรคไหน ทำให้เห็นข้อดีมากขึ้นว่าสิ่งที่เราทำอยู่ โดยให้ประชาชนมีข้อมูลข่าวสารที่เที่ยงตรงมากขึ้น จะเป็นตัวกำหนดว่าใครจะชนะเลือกตั้งได้มากขึ้น

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผศ.ปริญญา มองว่า วิธีแก้และการป้องกัน Misinformation (ข้อมูลผิด) กับ Disinformation (ข้อมูลบิดเบือน) ทั้งหลาย ตัวชี้วัดต่าง ๆ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ที่สำคัญคือพื้นที่โซเชียลมีเดียต้องป้องกันให้ได้ เพราะเป็นพื้นที่ปล่อยข้อมูลบิดเบือน ซึ่งมี 3 กลุ่ม คือ

  1. เสียดสี ถากถาง เพื่อทำลายความนิยม

  2. ชักจูงไปในทางที่ผิดด้วยคลิปหรือภาพต่าง ๆ

  3. เฟคนิวส์ ตรงนี้ต้องทำให้คนเท่าทัน จุดอ่อนของเฟคนิวส์ คือ hate speech หรือ พูดที่สร้างความเกลียดชัง จึงมีคนที่ต้องถูกฟ้องหมิ่นประมาทจากสิ่งนี้มากขึ้น

“ต้องสร้างพื้นที่แพลตฟอร์มนี้ให้สังคมมีความรับผิดชอบมากขึ้น คิดว่าเราจะอยู่บนเส้นทางที่ดีขึ้น หลายเรื่องจะกลายเป็นโมเดลได้ เพราะหลายประเทศไม่ได้ทำการชวนแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาสร้างกติกา โดยมีกลไกการป้องกัน อย่างที่เรากำลังจะทำในขณะนี้ จึงขอชื่นชมและให้กำลังใจผู้เข้าอบรมทุกคน”

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

สำหรับ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ Fact-Check Thailand 2026 เป็นความร่วมมือกันของ สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ไทยพีบีเอส และ Cofact Thailand เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคมไทยรับมือกับข้อมูลเท็จและข่าวบิดเบือน โดยเฉพาะในช่วงการเลือกตั้งใหญ่ปี 2569 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 22 พ.ย. 68 ณ ไทยพีบีเอส และ โรงแรมรอยัล ริเวอร์

โดยมีเนื้อหาในการ Workshop ที่สำคัญในหลายประเด็น อาทิ ความหมายและขอบเขตของ Fact Checking, Policy Checking Insight มาส่องนโยบายหาเสียงพรรคการเมือง, Simulation จำลองห้องข่าว : FACT-CHECK WAR ROOM, Policy Face-Off : นโยบายชนความจริง กับตัวแทน 4 พรรคการเมือง ณ รัฐสภา, การอบรมเชิงเครื่องมือ (Hands-on Tools Training) : แกะรอยลวง ขุดคุ้ยข้อมูลเท็จ ด้วยการใช้ชุดเครื่องมือสืบค้นขั้นสูง, Special Session : Asia Fact-Check Strategy และ การผลิตชิ้นงาน Fact-Check ที่ Publish ได้

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active