ชาวบ้านผิดหวัง ศาลฯ ยกฟ้อง กรณีขอเพิกถอนโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระบุรี

ศาลปกครองกลาง ยกฟ้อง กรณีคดีชาวบ้านหนองไข่น้ำ ฟ้องเพิกถอนข้อบัญญัติ อบต. แก้ไขให้อนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าขยะกลางชุมชน ชาวบ้านยืนยันเตรียมใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษา

วันนี้ (9 มี.ค 2566)  มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม รางานว่า  ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง กรณีคดีชาวบ้านหนองไข่น้ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี ฟ้องเพิกถอนข้อบัญญัติ อบต. แก้ไขให้อนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าขยะกลางชุมชนได้ โดยไม่รับฟังความคิดเห็นประชาชน โดยศาล ชี้การแก้ไขข้อบัญญัติฯ เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย สอดคล้องนโยบายรัฐและคำสั่งหัวหน้า คสช.4/2559 

โดยคำพิพากษายกฟ้องของศาลมีประเด็นโดยสรุป ดังนี้ 1. กระบวนการออกข้อบัญญัติ อบต.หนองไข่น้ำ เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างฯ เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว และกฎหมายไม่ได้กำหนดให้ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อน ศาลเห็นว่า การที่ประธานสภา อบต.หนองไข่น้ำ มีหนังสือเชิญกำนันและผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมรับฟังการประชุม พร้อมทั้งปิดประกาศเรื่องการประชุมสภา อบต.หนองไข่น้ำ โดยระบุวัน เวลา และสถานที่ รวมทั้งเรื่องที่จะนำเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาไว้ ณ ที่ทำการ อบต.หนองไข่น้ำ ถือได้ว่ามีการประชาสัมพันธ์ให้รับทราบพอสมควรแล้วตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น 

นอกจากนี้ การออกข้อบัญญัติท้องถิ่นดังกล่าวเป็นการออกโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะที่มิได้กำหนดให้ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อน ส่วนแนวทางปฏิบัติตามหนังสือกรมโยธาธิการและผังเมืองที่กำหนดว่า การออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อใช้บังคับแทนผังเมืองที่หมดอายุ จะต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนนั้น ก็เป็นเพียงแนวปฏิบัติข้อแนะนำภายในของส่วนราชการ แม้ไม่ปฏิบัติตามก็ไม่ทำให้การแก้ไขข้อบัญญัติฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักการวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 

2. ข้อบัญญัติ อบต.หนองไข่น้ำ เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้างฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 ไม่ขัดต่อผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรีที่กำหนดห้ามสร้างโรงไฟฟ้าในที่ดินประเภทชุมชน ศาลเห็นว่า เนื่องจากผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรี กำหนดว่ามิให้ใช้บังคับในท้องที่ที่มีการประกาศใช้บังคับผังเมืองรวมอื่นอยู่แล้ว ซึ่งเดิมพื้นที่ตำบลหนองไข่น้ำอยู่ภายใต้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหินกอง-โคกแย้ดังนั้นจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับของผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรี และแม้ว่าพื้นที่พิพาทอยู่ในพื้นที่สีเขียวตามกฎกระทรวงหินกอง-โคกแย้ และมีข้อกำหนดห้ามประกอบกิจการโรงไฟฟ้า แต่เนื่องจากขณะที่ออกข้อบัญญัติ อบต. หนองไข่น้ำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 แก้ไขให้สามารถอนุญาตการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าในพื้นที่ชุมชนหนองไข่น้ำได้นั้น กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหินกอง-โคกแย้ จังหวัดสระบุรีพ.ศ.2550 ได้สิ้นสุดการใช้บังคับไปแล้ว จึงไม่ขัดกับกฎกระทรวงผังเมืองรวมชุมชนหินกอง-โคกแย้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ศาลเห็นว่าการออกข้อบัญญัติดังกล่าวเป็นการกำหนดที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่มุ่งจัดหาพลังงานและแก้ไขปัญหาขยะล้นเมืองเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตามเหตุผลของรัฐที่ออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 4/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท

อย่างไรก็ตาม ผู้ฟ้องคดีและมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อมยังไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลปกครองดังกล่าว และมีความคาดหวังว่าศาลจะให้ความสำคัญกับการตีความบังคับใช้กฎหมายผังเมืองซึ่งเป็นมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่และการรับรองคุ้มครองสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ แต่ก็ยังไม่ได้ปรากฎขึ้นมาในคำพิพากษานี้ที่อยู่ในความรับผิดชอบของศาลปกครองแผนกคดีสิ่งแวดล้อม 

ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ภาครัฐและหน่วยงานคิดว่าตัวเองทำตามกฎหมายทุกอย่าง แต่ไม่เคยมีหน่วยงานไหนที่จะนึกถึงประชาชน 

“เรารู้ว่าเขาพยายามเอากฎหมายแต่ละมาตรามาอ้างเพื่อเป็นคำตอบให้เรา แต่สิ่งสำคัญที่ควรพูดถึงคือผลกระทบความเป็นอยู่ประชาชน เราคาดหวังว่าศาลปกครองจะเป็นที่พึ่งได้ แต่พออกมาแบบนี้ก็ผิดหวัง”

โดยผู้ฟ้องคดีและมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อมยืนยันใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาเพื่อให้ศาลปกครองสูงสุดได้วางบรรทัดฐานการคุ้มครองสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารราชการที่ดีต่อไป โดยเชื่อว่าการจะมีสิ่งแวดล้อมที่ดีและระบบการตัดสินใจของหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ที่ดีต้องให้ความเคารพต่อสิทธิของประชาชนและชุมชนโดยเฉพาะสิทธิในด้านสิ่งแวดล้อมด้วย

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active