คุณภาพอากาศ เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ยังเข้าขั้นวิกฤตต่อเนื่อง มองหมอกควันสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำ ชี้คน จ.แม่ฮ่องสอน รับมลพิษ เทียบเท่าสูบบุหรี่คนละ 4 ซอง/วัน
วันนี้ (4 เม.ย. 67) สถานการณ์หมอกควันฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ยังคงหนักหน่วงต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 13.00 น. ค่า AQI พุ่งไปถึง 309
ขณะที่ นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หรือ หมอหม่อง อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แชร์โพสต์ค่าฝุ่นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความ รัฐบาลส่วนกลาง คุณได้ยินเสียงตะโกน ร้องขอความช่วยเหลือนี้จากชายแดน บ้างไหม
พร้อมทั้งโพสต์ข้อความในเชิงประชดประชัน โดยย้ำว่า เนื่องด้วยคุณภาพอากาศที่เชียงใหม่ ไม่เหมาะกับการหายใจ จึงขอให้ประชาชน งดหายใจไปก่อน จนกว่าคุณภาพอากาศจะดีขึ้น คาดว่าในอีก 2-3 สัปดาห์
ก่อนหน้านี้ หมอหม่อง ก็เคยโพสต์เรียกร้องให้สังคม หันมาใส่ใจจังหวัดชายขอบอย่าง จ.แม่ฮ่องสอน ที่มองว่า ถูกละเลย ทอดทิ้งมาตลอด
หมอหม่อง ให้สัมภาษณ์กับ The Active ยืนยันว่า ปัญหาหมอกควันเป็นปัญหาที่เหลื่อมล้ำกันหลายระดับ ในระดับแรก คือ การรับรู้ข้อมูลชาวบ้านที่ห่างไกล ไม่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับพิษภัยของ PM2.5 และความเหลื่อมล้ำที่ 2 คือ ถึงแม้เขาจะรับรู้ถึงภัยของ PM2.5 แต่การป้องกันตัวก็ทำได้ยาก เพราะวิถีชีวิตที่ต้องออกมาทำงานนอกบ้าน ไม่เหมือนตนเองซึ่งเป็นหมออยู่ในโรงพยาบาล มีเครื่องปรับอากาศ และมีศักยภาพพอที่จะซื้ออากาศสะอาดได้โดยการลงทุนไปซื้อเครื่องฟอกอากาศ
“ชาวบ้านรากหญ้าในชุมชน ป้องกันตัวเองไม่ได้ แม้อยู่ใกล้แหล่งของการเกิดควันไฟ เพราะฉะนั้นกลุ่มนี้คือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุด และมองว่า คนเหล่านี้คือกลุ่มคนเปราะบาง ได้รับผลกระทบหนัก แต่เสียงของเขา ไม่ดังพอ ถึงแม้ว่ากลุ่มคุณหมอโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอน หลายท่านจะออกมาสะท้อนปัญหาแล้ว”
หมอหม่อง
หมอหม่อง ระบุว่า สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบระยะสั้น แต่ที่อยากจะสื่อสารมาหลายปีดูเหมือนสังคม ยังไม่ได้จับประเด็นตรงนี้ให้เข้าใจ คือ เวลาเกิดหมอกควันหลายคนมักจะเข้ามาถามว่า เป็นยังไงช่วงนี้โรงพยาบาล คนไข้เต็มไหม
“มันไม่ใช่อย่างนั้น อาจจะมีคนไข้ที่มีผลกระทบทางเดินหายใจ มีหอบหืด ติดเชื้อ แต่ผลกระทบระยะสั้นเหมือนเราสูบบุหรี่วันนี้มันไม่ได้ป่วยทันที อาจจะเจ็บคอ แสบตา ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงแบบถึงขั้นเสียชีวิต หรือมีเสียชีวิตแต่ก็น้อยมาก”
หมอหม่อง
หมอหม่อง ย้ำด้วยว่า ทุก 22 ไมโครกรัม/ลูกบากศ์เมตร ของ PM2.5 เท่ากับการสูบบุหรี่แบบจำยอม 1 มวน เพราะฉะนั้น ค่าเฉลี่ยต่อวันสมมุติ 200 กว่าไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ก็เท่ากับ 10 มวนต่อวัน อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน ไม่ใช่ 200 แต่บางวันไปจนถึง 1,000 ซึ่งค่าอากาศแบบนั้นเชียงใหม่ไม่เคยเจอ แต่แม่ฮ่องสอนเจอมาแล้ว ก็เท่ากับสูบบุหรี่วันละ 4 ซอง เป็นการสูบแบบจำยอม ไม่ใช่คนที่เลือกสูบ นี่คือคนที่หายใจรับมลพิษเข้าไปเต็ม ๆ
“ลูกเด็กเล็กแดงที่เกิดมา ก็ต้องได้รับควัน PM2.5 พอ ๆ กับสูบบุหรี่ คนแก่ ผู้สูงอายุ คนเหล่านี้เราจะป้องกันเขาได้อย่างไร”
หมอหม่อง