สคพ. 13 (ชลบุรี) เร่งคุยท้องถิ่น หาแนวทางฟื้นฟู พื้นที่ปนเปื้อนมลพิษรอบโรงงาน เผยผลตรวจวัดคุณภาพน้ำหนองพะวา ยังมีค่าความเป็นกรดสูง ด้าน ‘มูลนิธิบูรณะนิเวศ’ ชวนจับตา ผู้ก่อมลพิษ พร้อมเยียวยา แก้ปัญหาได้จริงหรือไม่
วันนี้ (16 ม.ค. 68) มูลนิธิบูรณะนิเวศ โพสต์ระบุว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 68 จดหมายข่าวของ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ (สคพ.) ที่ 13 (ชลบุรี) ได้เผยแพร่ข่าวว่า ศาลจังหวัดระยอง ได้พิพากษาให้จำเลย นั่นคือ บริษัท วิน โพรเสส และผู้บริหาร ร่วมกันหรือแทนกัน ชำระค่าเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางบุตร เป็นจำนวนเงิน 39,625,301 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี
พร้อมระบุด้วยว่า หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาออกมา สคพ. 13 (ชลบุรี) ได้เข้าหารือกับ อบต.บางบุตร เพื่อหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนรอบโรงงานต่อไป จากนั้นได้เข้าตรวจติดตามการขนย้ายอะลูมิเนียม ดรอส หรือกากตระกรันอะลูมิเนียมที่กำลังดำเนินการอยู่ภายในโรงงาน ซึ่งส่วนนี้เป็นไปตามแผนงานของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยใช้เงินวางศาล 4.9 ล้านบาทของจำเลยในคดีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมฟ้อง
จากนั้น สคพ. 13 (ชลบุรี) ยังได้ตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้นโดยรอบพื้นที่โรงงาน รวมถึงสระน้ำหนองพะวา ผลพบว่า คุณภาพน้ำยังคงมีค่าความเป็นกรดสูง กล่าวคือมีค่า pH น้อยกว่า 3
ทั้งยังชวนให้จับตาด้วยว่า คำพิพากษาศาลในคดีที่พิพากษาเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 68 นั้นจะก่อให้เกิดมรรคผลใดได้จริงบ้าง บริษัทและผู้เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้ก่อมลพิษจะต้องชดใช้ค่าเสียหายออกมาจริง ๆ หรือไม่ และการฟื้นฟูแก้ไขพื้นที่ให้พ้นสภาพการปนเปื้อนจะได้ลงมือเมื่อไร เสร็จสิ้นเมื่อใด ตลอดจนการเยียวยาแก่ประชาชนคนทั่วไปที่กลายเป็นเหยื่อแบบไม่มีทางเลือกจะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร
มูลนิธิบูรณะนิเวศ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรณีของโรงงานบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ตั้งอยู่ที่ ต.บางบุตร อ. บ้านค่าย จ.ระยอง ได้ขึ้นชื่อว่าประกอบกิจการรีไซเคิล รับจ้างนำกากของเสียอุตสาหกรรมมาบำบัดกำจัด แต่ในความเป็นจริง เพียงแต่รับมากองรวมทิ้งไว้/ขุดบ่อลอบฝัง/เทสารเคมีลงดินแล้วปล่อยซึมลงบ่อน้ำธรรมชาติข้างโรงงานจนบ่อขนาดใหญ่กลายเป็น “บ่อดำ” และทำพื้นที่รอบข้างเสียหาย มีสวนยางพาราของชาวบ้านยืนต้นตายหลายสิบไร่ เป็นต้น
โรงงานแห่งนี้ก่อปัญหาสะสมมาตั้งแต่ก่อนปี 2555 ท่ามกลางการพยายามต่อสู้ของชาวบ้านในพื้นที่มาตั้งแต่ต้น แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งปัญหาได้ จนเมื่อบริษัทเริ่มแพ้คดี ในศาลเมื่อปี 2560 ต่อด้วยการถูกตรวจสอบจากกลไกไตรภาคี ต่อมาจึงได้เป็นฝ่ายขอหยุดประกอบกิจการลงใน ปี 2563 แต่กากสารเคมีอันตรายมากมายหลายชนิดและปัญหาที่สั่งสมหมักหมมมาเกือบ 10 ปียังคงถูกทิ้งไว้ในพื้นที่
กระทั่งเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานขึ้น เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 จึงเป็นที่มาให้เรื่องราวผลกระทบของโรงงานบริษัท วิน โพรเสส เผยออกมาให้สังคมวงกว้างรับรู้ พร้อม ๆ กับที่เรื่องราวความทุกข์ร้อนในฐานะเหยื่อมลพิษของชาวหนองพะวา เป็นที่ตระหนักขึ้นมา แต่การแก้ไขปัญหาก็แทบไม่เดินหน้า ด้วยติดปัญหาเรื่องงบประมาณ