พบบ่อย โรคเยื่อตาขาวอักเสบ โรคหอบหืดเฉียบพลัน ‘สาธารณสุข’ เปิด 5 มาตรการรับมือฝุ่น จัดทีมพิเศษดูแลกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่ม แนะท้องถิ่นเร่งใช้งบฯ กทป. ทำโครงการแจกหน้ากากอนามัย
วันนี้ (24 ม.ค. 68) ที่ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM 2.5 กระทรวงสาธารณสุข สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงการดูแลสุขภาพจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 และได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เร่งบูรณาการแก้ไขปัญหาบรรเทาสถานการณ์ให้ดีขึ้นโดยเร็ว
ในวันนี้ มีจังหวัดที่มีค่าฝุ่นระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ เพิ่มขึ้นจาก 15 จังหวัดเป็น 21 จังหวัด จึงได้สั่งการให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศเข้ม 5 มาตรการ ได้แก่
- เตรียมพร้อมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ ในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย นนทบุรี สระบุรี เพชรบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และประจวบคีรีขันธ์ ในสำนักงานเขตสุขภาพที่ 2 และ 4 รวมทั้งกรุงเทพมหานคร
- เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ภัยสุขภาพ โดยส่วนกลางเปิดศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM2.5 เผยแพร่ความรู้สุขภาพเป็นประจำ ในพื้นที่มอบหมายสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ อสม. เผยแพร่ข่าวสาร แนวทางปฏิบัติในการป้องกันตัวเองแก่ประชาชน รวมถึงสอบถามผ่านสายด่วนกรมอนามัย 1478 และสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
- จัด “ทีมพิเศษฉุกเฉินสุขภาพ” ระดับจังหวัด 76 ทีม และระดับอำเภอ 878 ทีม ดูแลกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่ม รวม 178,773 ราย ประกอบด้วย เด็กเล็ก 29,982 ราย ผู้สูงอายุ 137,622 ราย หญิงตั้งครรภ์ 2,305 ราย ผู้มีโรคหัวใจ 3,857 ราย และผู้มีระบบทางเดินหายใจ 5,007 ราย
- จัดบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม โดยเตรียมเสนอมาตรการ Work Form Home และงดกิจกรรมกลางแจ้งของประชาชน รวมทั้งจัดบริการคลินิกมลพิษ คลินิกมลพิษออนไลน์ เปิดระบบนัดหมายล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม จัดห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์พัฒนาเด็กและโรงเรียน อาคารสำนักงาน และสถานประกอบการภาคเอกชน รวม 5,517 ห้องทั่วประเทศ รองรับกลุ่มเสี่ยงได้ 964,433 ราย สนับสนุนมุ้งสู้ฝุ่น 1,340 ชุด ใน 35 จังหวัดเสี่ยงสูง และเตรียมกระจายให้ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่เสี่ยงสูง 37,569 ราย ในเขตสุขภาพ ที่ 1, 2, 3, 4, และ 8
- สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ หน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้ง 180,900 ชิ้น และหน้ากาก N95 จำนวน 1,096,700 ชิ้น โดยหน่วยงานในพื้นที่สำรองหน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้ง 6,887,938 ชิ้น และหน้ากาก N95 จำนวน 601,412 ชิ้น เพียงพอสำหรับใช้ต่อเนื่องได้ 2 เดือน นอกจากนี้ ยังสามารถขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) ในการจัดหาอุปกรณ์ให้กับหน่วยบริการสาธารณสุข องค์กร หรือกลุ่มประชาชนได้อีกทางหนึ่ง
เผยเงื่อนไข มาตรการประกาศเขตพื้นที่ เฝ้าระวังควบคุมโรคจาก PM 2.5
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่เดือน ต.ค.- ธ.ค. 67 ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบถึง 1,048,015 ราย โดยกระทบกลุ่มผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง โรคหืดกำเริบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันผิว หนังอักเสบ ตาอักเสบ และที่กังวลก็คือเรื่องเลือดกำเดาไหลในเด็ก
กระทรวงสาธารณสุข จึงเห็นควรการประกาศเขตพื้นที่ เฝ้าระวังควบคุมโรคจากฝุ่น PM 2.5 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม 2562 โดยมีมติจากที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 68 โดยเป็นการประกาศเขตพื้นที่ตามมาตรา 14 (2) เสนอคณะรัฐมนตรี แบ่งพื้นที่เป็น 2 ระดับ คือเขตเฝ้าระวังและป้องกันโรคจากฝุ่น PM 2.52 และเขตควบคุมโรคจากฝุ่น PM 2.5 โดยกำหนดมาตรการดูแลประชาชนในเขตเฝ้าระวังและป้องกันโรคจากฝุ่น PM 2.5 จะดูจากค่าเฉลี่ยฝุ่น 24 ชั่วโมง มากกว่าหรือเท่ากับ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
“เราจะทำใน 3 มาตรการคือ 1. สนับสนุนหน้ากากอนามัยตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรคและกรมอนามัย 2. จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นในอาคารสถานที่ เช่นโรงพยาบาล โรงเรียนและเตรียมศูนย์รองรับอพยพกลุ่มเปราะบางเข้าพักคอยจนกว่าจะยกเลิกประกาศ 3. โรงพยาบาลแจ้งการพบผู้ป่วยในกลุ่มโรคที่เฝ้าระวัง 4 กลุ่มต่อเจ้าหน้าที่”
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล
ทั้งนี้หากค่าเฉลี่ย PM 2.5 มากกว่าหรือเท่ากับ 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรจะประกาศเป็นเขตควบคุมโรคจากฝุ่น PM 2.5 จะเพิ่มมาตรการจาก 3 ข้อ คือ 1. ออกประกาศ WFH ในทำงานที่บ้าน โดยให้แต่ละหน่วยงานให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น งดกิจกรรมกลางแจ้งที่ต่อเนื่องเพื่อลดการสัมผัสฝุ่น 2. ขอความร่วมมือเกษตรกรและเจ้าของสถานประกอบกิจการต่างๆ ผู้ประกอบการขนส่ง และผู้ก่อมลพิษ ดำเนินการลดฝุ่น 3. ใช้กลไกตามมาตรา 35 โดยคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมจังหวัดและกรุงเทพฯ พิจารณาเสนออธิบดีกรมควบคุมโรค ประกาศเขตพื้นที่เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่นั้นเป็นการเฉพาะ
แค่ 4 สัปดาห์แรก ปี 68 ผู้ป่วยจาก ‘ฝุ่น’ นับแสนคน
The Active ตรวจสอบข้อมูลที่รายงานผ่าน ระบบด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) รายสัปดาห์ที่เข้ารับบริการในเดือน ม.ค. 68 แสดงจำนวนครั้งและร้อยละ ของการเข้ารับบริการในโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับโรคจากมลพิษทางอากาศ PM 2.5 โดยแยกข้อมูลตามประเภทโรคและสัปดาห์ (wk01-wk04) รวมจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการเนื่องจากผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ตั้ง 1 – 23 ม.ค. 2568 มีทั้งหมด 127,053 คน
โดย กลุ่มโรคที่ตรวจพบ ประกอบด้วย
• โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic obstructive pulmonary disease)
• โรคหอบหืดเฉียบพลัน (Acute asthma)
• โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Acute ischemic heart diseases)
• โรคหัวใจขาดเลือดจากกล้ามเนื้อตาย (STEMI/NSTEMI)
• โรคเยื่อตาขาวอักเสบ (Conjunctivitis)
• โรคผิวหนัง เช่น กลากเกลื้อน (Eczema) และลมพิษ (Urticaria)
จำนวนผู้ป่วยในแต่ละสัปดาห์
• wk01: รวม 39,515 ครั้ง
• wk02: รวม 55,665 ครั้ง
• wk03: รวม 27,322 ครั้ง
• wk04: รวม 4,551 ครั้ง
กลุ่มโรคที่มีการเข้ารับบริการ มากที่สุด 3 อันดับแรก คือ
อันดับ 1: โรคเยื่อตาขาวอักเสบ (Conjunctivitis)
• รวมทั้งหมด: 43,594 ครั้ง
• รายสัปดาห์:
• wk01: 13,019
• wk02: 18,588
• wk03: 9,981
• wk04: 2,006
อันดับ 2: โรคหอบหืดเฉียบพลัน (Acute asthma)
• รวมทั้งหมด: 24,967 ครั้ง
• รายสัปดาห์:
• wk01: 7,534
• wk02: 11,441
• wk03: 5,293
• wk04: 699
อันดับ 3: โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema)
• รวมทั้งหมด: 18,731 ครั้ง
• รายสัปดาห์:
• wk01: 6,215
• wk02: 8,182
• wk03: 4,118
• wk04: 216
ข้อสังเกต
• จำนวนผู้ป่วยในสัปดาห์ที่ 2 (wk02) สูงสุด
• โรคที่พบบ่อยคือโรคเยื่อตาขาวอักเสบและโรคหอบหืดเฉียบพลัน
• มีแนวโน้มลดลงในสัปดาห์ถัดมา (wk03, wk04)
แนะเฝ้าระวังฝุ่นในกลุ่มเด็กเล็ก เผยเหตุ ‘เลือดกำเดาไหล’
นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ย้ำว่า เด็กเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 สูง เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันโรคน้อยกว่าผู้ใหญ่และส่วนใหญ่ชอบเล่นกลางแจ้ง โดยผลกระทบจากการสัมผัสฝุ่นในระยะสั้น คือ
- ทางเดินหายใจอักเสบ มีอาการหายใจลำบาก แสบจมูก เลือดกำเดาไหล ไอมีเสมหะ แน่นหน้าอก เหนื่อย หอบ ภูมิแพ้ และหืดกำเริบ
- ทำลายภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดและทางเดินหายใจได้ง่าย เช่น ไข้หวัดใหญ่ หลอดลมอักเสบ หูอักเสบ
- ผิวหนังอักเสบ
- เยื่อบุตาอักเสบ
สำหรับกรณีที่เด็กมีเลือดกำเดาไหล ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากอากาศแห้ง สัมผัสมลพิษ เป็นโรคเกี่ยวกับจมูก เช่น ไข้หวัด ภูมิแพ้ เกิดอุบัติเหตุหรือถูกกระแทกบริเวณจมูกหรือใบหน้า หรือแคะจมูก และภาวะเลือดออกแล้วหยุดยาก อาการที่พบ ได้แก่ ระคายเคืองเยื่อบุจมูก ทำให้เกิดการบวมและอักเสบตามมา จาม คัดจมูก คันจมูก ทำให้เลือดฝอยบริเวณจมูกแตกง่าย
หากมีเลือดกำเดาไหล ให้เด็กนั่งเอียงตัวไปข้างหน้า ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ใช้มือบีบบริเวณปีกจมูกข้างที่มีเลือดออกเบา ๆ อย่างน้อย 10 นาที และหายใจทางปากแทน อาจประคบเย็นบริเวณใบหน้าหรือหน้าผากร่วมด้วย แต่หากเกิน 30 นาที เลือดยังไม่หยุดไหล ให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ ทั้งนี้ ขอย้ำว่าผู้ปกครองไม่ต้องตกใจหากเด็กมีเลือดกำเดาไหลสามารถปฐมพยาบาลเองได้ที่บ้าน
ชวนท้องถิ่นเร่งใช้ งบฯ กทป. แจกหน้ากากอนามัย
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า กปท. เป็นกองทุนในระดับพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.), เทศบาล, กรุงเทพมหานคร, เมืองพัทยา เป็นต้น ที่ สปสช. อุดหนุนงบประมาณร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้กับโครงการที่เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ภายใต้แนวคิดที่ให้ประชาชนในพื้นที่เป็นผู้จัดทำและขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อให้โครงการสุขภาพที่จัดทำนั้นสอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่มากที่สุด
สปสช. จะเร่งประสานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีการเร่งจัดทำโครงการที่เกี่ยวกับการป้องกันผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 โดยเร็ว ตามที่ได้รับมอบหมายจาก รมว.สาธารณสุข ซึ่งโครงการในลักษณะนี้ก็เป็นหนึ่งในขอบเขตที่สามารถขอรับงบประมาณจาก กปท. ได้ ซึ่งหน่วยงานที่เขียนโครงการฯ สามารถทำได้ทั้ง หน่วยงานของรัฐและกลุ่มองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่
“หากท่านมีไอเดียดี ๆ ในการป้องกันผลกระทบที่จะเกิดต่อสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5 ก็สามารถติดต่อเขียนโครงการเพื่อรับการสนับสนุนได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล หรือ อบต. ที่อาศัยอยู่”
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี
นพ.จเด็จ บอกด้วยว่า ตัวอย่างลักษณะโครงการที่สามารถขอรับงบประมาณจาก กปท.ได้ เช่น การป้องกันและดูแลสุขภาพจากภัยฝุ่น PM 2.5, การจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน หน้ากากมาตรฐาน N95 ตามวิธีการป้องกันของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งการติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังสถานการณ์ และแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ทราบเป็นระยะ
ทั้งนี้ สปสช. ได้แนบตัวอย่างโครงการเพื่อของบประมาณจากกองทุนในการป้องกันสุขภาพของประชาชนจาก PM 2.5 ไว้ที่เว็บไซต์ของ สปสช. หรือสามารถดาวน์โหลดผ่าน ลิงก์นี้