เรียกร้องผลักดัน ‘กฎหมาย PRTR’ เชื่อเป็นอีกเครื่องมือ แก้วิกฤต ‘ฝุ่นพิษ’

‘มูลนิธิบูรณะนิเวศ’ ระบุ ร่างกฎหมาย PRTR ค้างสภาฯ นานครึ่งปีแล้ว จี้สภาฯ เร่งนำเข้าพิจารณาวาระแรก ย้ำ กฎหมายช่วยเปิดทางรัฐ ตรวจสอบมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ได้ตรงจุด

วันนี้ (25 ม.ค. 68) เพจ มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) โพสต์เนื้อหา ระบุถึง “กฎหมาย PRTR จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 จากภาคอุตสาหกรรมได้อย่างไร ?” โดยระบุว่า ในบรรดาที่มาของฝุ่น PM2.5 ทั้งหมด มักจะมีการกล่าวถึงฝุ่นจากการเผาในที่แจ้ง ฝุ่นจากภาคคมนาคม ขณะที่ฝุ่นจากภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีอันตรายสูงกว่า เช่น ฝุ่นจากโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า และเหมืองแร่ กลับไม่ถูกพูดถึง ที่ควรเป็นแหล่งกำเนิดที่ภาครัฐควรควบคุมได้รวดเร็วและชัดเจนกว่า หากมีกฎหมายที่เหมาะสมและมาตรการที่จริงจัง

กฎหมาย PRTR ที่มาจากคำว่า Pollutant Release and Transfer Registers คือ กฎหมายว่าด้วยการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและการเคลื่อนสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม เป็นกฎหมายที่จะทำให้เกิดฐานข้อมูลระดับประเทศ ที่รวมเอาข้อมูลการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอากาศ แหล่งน้ำ และพื้นดิน จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า เหมืองแร่ รวมถึงรถยนต์ประเภทต่าง ๆ และการใช้สารเคมีในภาคเกษตรด้วย

โดยแหล่งมลพิษเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่ปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อมตลอดปี ทำให้อากาศเป็นพิษ จนประชากรที่ป่วยด้วยโรคจากมลพิษอากาศพุ่งสูงขึ้นทุกปี แม่น้ำลำคลองเน่าเสียจนแทบจะไม่เหลือแหล่งน้ำธรรมชาติที่ดีและเหมาะแก่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ พื้นที่เกษตรหลายแห่งก็ถูกเคลือบด้วยสารพิษ

“กฎหมาย PRTR จะทำให้ ฐานข้อมูล นี้ Open Data ที่ทุกคนสามารถเข้าถึง นำมาใช้ประโยชน์ได้ ข้อสำคัญคือ จะทำให้ภาครัฐมีข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุมสำหรับนำมาแก้ปัญหามลพิษอากาศ ฟื้นฟูแหล่งน้ำและพื้นดิน และคุ้มครองสุขภาพประชาชน ลดความเสียหายของภาคธุรกิจและการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจและการค้าเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน”

Image Name

กฎหมาย PRTR ทางออกแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ?

มูลนิธิบูรณะนิเวศ ระบุด้วยว่า วันนี้รัฐบาลสูญเสียงบประมาณเกือบ 2 หมื่นล้านบาทแล้วเพื่อแก้ปัญหา PM2.5 แต่ยังแก้ไขไม่ได้ ปัญหาฝุ่นกลับรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะรัฐบาลไม่เคยรู้อย่างแท้จริงว่า ฝุ่นที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าในเวลานี้มาจากอะไร มาจากที่ไหน ช่องโหว่ของการแก้ปัญหาจริง ๆ คืออะไร ดังนั้น กฎหมาย PRTR จะช่วยรัฐบาลให้มีคำตอบที่ดี ด้วยฐานข้อมูลที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือมากขึ้น ทำให้ภาครัฐกำกับควบคุมโรงงานอุตสาหกรรม และออกนโยบายแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้ตรงจุดมากขึ้น

“กฎหมาย PRTR จะพาประเทศไทยไปสู่ยุคใหม่ที่มีคุณภาพสิ่งแวดล้อมดีขึ้น ทำให้อากาศสะอาดขึ้น สร้างชีวิตชีวาให้กับแม่น้ำลำคลอง ฟื้นฟูพื้นดินเพื่อการเกษตร และจะทำให้สุขภาพประชาชนปลอดภัยมากขึ้นจากมลพิษและสารเคมี”

ข้อมูลมิลพิษโรงงานอุตสาหกรรมสู่การเฝ้าระวัง ป้องกัน ‘มะเร็ง’

ข้อมูลยังระบุอีกว่า เนื่องด้วย โรคมะเร็ง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนในประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดทำสถิติการเสียชีวิตของประชาชน และพบว่า ในช่วงปี 2537 – 2560 โรคมะเร็งและเนื้องอกทุกชนิดเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทยสูงเป็นอันดับ 1 โดยในปี 2537 โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย 48.9 คนต่อประชากร 100,000 คน และสัดส่วนนี้ได้เพิ่มขึ้นในปี 2560 เป็น 120.5 คนต่อประชากร 100,000 คน หรือสูงขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว

แต่ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่า โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ นั้นปล่อยมลพิษอะไรออกมาบ้าง และมีสารมลพิษอะไรบ้าง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งได้ แต่หากมีกฎหมาย PRTR ต่อไปหน่วยงานราชการทุกฝ่าย และประชาชนทั่วไปจะทราบทั้งชนิดและปริมาณของสารมลพิษที่ปล่อยออกมา ซึ่งการมีข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐในการกำกับและควบคุมเพื่อให้เกิดการลดการปล่อยมลพิษได้ดีขึ้นและแม่นยำขึ้น กฎหมาย PRTR จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้สามารถแก้ปัญหาสุขภาพที่ต้นเหตุได้ และทำให้คุณภาพสิ่งแวดล้อมดีขึ้นในระยะยาว

จี้ผลักดัน กฎหมาย PRTR หลังค้างสภาฯ ครึ่งปี

ทั้งนี้ มูลนิธิบูรณะนิเวศ มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม – EnLAW และ Greenpeace Thailand ได้ร่วมกันยื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 12,165 รายชื่อ เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ…. (ร่าง พ.ร.บ. PRTR) ต่อสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเสนอร่างกฎหมายเสร็จเป็นที่เรียบร้อย และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้อนุญาตให้บรรจุวาระเรื่อง ร่าง พ.ร.บ. PRTR เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร วาระที่หนึ่ง (ขั้นรับหลักการ) แล้วตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 แต่จนถึงปัจจุบัน ผ่านมากว่าครึ่งปีแล้ว ร่าง พ.ร.บ.PRTR ก็ยังคงค้างอยู่ในสภาฯ และยังคงรอการพิจารณาวาระที่หนึ่ง

พร้อมยังเห็นว่าในช่วงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่เข้าขั้นวิกฤต นอกจากกฎหมายอากาศสะอาด ที่จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะแก้ปัญหาแล้ว จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดนำร่างกฎหมาย PRTR ขึ้นมาพิจารณาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากกฎหมาย PRTR คือกลไกพื้นฐานที่จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ ทั้งกฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายโรงงาน กฎหมายวัตถุอันตราย กฎหมายสาธารณสุข และกฎหมายอากาศสะอาดที่จะกำลังจะเกิดขึ้น สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านที่มากฎหมาย : ThaiPRTR, https://thaiprtr.com

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active