‘เครือข่ายประชาชนปกป้องลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง’ เคลื่อนไหวใหญ่ ส่งหนังสือเรียกร้อง ‘นายกฯ แพทองธาร’ เร่งหาทางปิดเหมืองเถื่อน ในรัฐฉาน เมียนมา ต้นตอผลกระทบมลพิษปนเปื้อนแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง พร้อมฟื้นฟูนิเวศลุ่มน้ำทันที ขณะเดียวกัน วอน ปธน.จีน ช่วยยุติมลพิษข้ามแดน เชื่อ หายนะแม่น้ำในไทย สวนทางนโยบายจีน ผู้นำสิ่งแวดล้อมโลก
วันนี้ (5 มิ.ย. 68) ที่สะพานแม่น้ำกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ตัวแทนประชาชน ภาคประชาสังคม ในนาม “เครือข่ายประชาชนปกป้องลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง” ยื่นหนังสือถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้แก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแม่น้ำกก สาย รวก โขง โดยหาช่องทางปิดเหมืองทันทีและฟื้นฟูนิเวศลุ่มน้ำ
โดยย้ำว่า ประชาชนที่อาศัยในลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย กำลังเผชิญปัญหาการปนเปื้อนโลหะหนักในแม่น้ำที่ไหลมมาจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ได้แก่แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยกว่า 1 ปีที่ผ่านมาประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำกก พบว่า แม่น้ำขุ่นข้นแม้กระทั่งในฤดูแล้งซึ่งผิดปกติแทนที่น้ำจะใส เช่นเดียวกับชาวบ้านริมแม่น้ำสาย ได้พบว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาแม่น้ำสายมีสีขุ่นข้นมาก โดยมีที่แล้วขุ่นข้นจนน่ากลัวเพราะกลายเป็นสีขาว แม้กระทั่งนำไปผ่านกระบวนการผลิตน้ำประปาสีของน้ำก็ยังขุ่น

ภาคประชาชนจึงได้ร่วมกันเรียกร้องให้ตรวจสอบที่มาของความขุ่น เพราะได้รับข้อมูลข่าวสารว่า ที่บริเวณต้นแม่น้ำกก และแม่น้ำสายมีการทำเหมืองแร่ จนกระทั่งกรมควบคุมมลพิษได้ทำการตรวจสอบและพบสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน
เมื่อทางการได้ตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมแสดงหลักฐานชี้ให้เห็นว่ามีการเปิดหน้าดิน ทำเหมืองแร่เถื่อน รวมทั้งแร่แรร์เอิร์ท อย่างน้อย 40 จุด โดยเหมืองเถื่อนบางแห่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนไทยเพียง 2 กม. เท่านั้น
กรมควบคุมมลพิษ ได้ดำเนินการตรวจคุณภาพน้ำ 3 ครั้ง และทุกครั้งพบว่าในแม่น้ำกกมีสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน เช่นเดียวกับแม่น้ำสายที่มีค่าสารหนูและสารตะกั่วปนเปื้อนสูงเกินกว่ามาตรฐานจนน่าตกใจ รวมทั้งแม่น้ำโขง สร้างความตระหนกและกังวลใจแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่และใช้น้ำทั้งการอุปโภค การเกษตร การประมง การท่องเที่ยว เป็นอย่างยิ่ง
คำแนะนำของทางการให้ประชาชนงดการสัมผัสน้ำแม่น้ำโดยตรง งดบริโภคสัตว์น้ำ งดกิจกรรมทางน้ำ ฯลฯ ทำให้ประชาชนยิ่งรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ไม่มีทางออก คนหาปลาขาดรายได้ ชาวนาไม่มั่นใจว่าจะปลูกข้าวได้หรือไม่ ผู้คนใช้น้ำประปาด้วยความหวาดระแวง ประชาชนในพื้นที่ต่างกังวลว่า จะเกิดการสะสมของสารโลหะหนักในระยะยาวสุขภาพของตนเองและลูกหลานจะเป็นอย่างไร และฤดูฝนนี้หากน้ำหลากมาท่วมบ้านเรือน เราจะรับมือกับน้ำพิษ โคลนพิษ ได้อย่างไร ฯลฯ
ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนยังต้องเผชิญกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว การค้าขาย ผลกระทบทางสังคมและผลกระทบต่อสุขภาพกายสุขภาพจิต โดยที่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีมาตรฐานแก้ไขปัญหาต้นตอซึ่งเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดมลพิษข้ามพรมแดน คือเหมืองแร่เถื่อนจำนวนมากในเขตรัฐฉาน

พวกเราประชาชนในพื้นที่ตระหนักดีว่า เราจะปล่อยให้ปัญหาผลกระทบดังเกิดขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ นี่คือปัญหาภัยความมั่นคงที่กระทบประชาชนนับล้านคน
เครือข่ายประชาชนปกป้องลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อยุติเหมืองแร่เหล่านี้ทันที และต้องมีมาตรการชัดเจนด้านการฟื้นฟูนิเวศแม่น้ำกก สาย รวก และโขง ระบบเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นให้กลับคืนมาดังเดิมอย่างเร่งด่วน เพราะยิ่งเวลาเนิ่นนานออกไปยิ่งทำให้ความเสียหายรุนแรงและวงกว้างขึ้น
พร้อมกันนี้ เครือข่ายประชาชนปกป้องลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ยังได้ยื่นจดหมายถึง ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ขอให้ช่วยยุติปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแม่น้ำกก สาย รวก โขง ดำเนินการเพื่อปิดเหมืองทันที โดยย้ำว่า หายนะที่กำลังเกิดขึ้นกับแม่น้ำในไทย ไม่สอดคล้องกับนโยบายของจีน ที่ต้องการเป็นผู้นำทางสิ่งแวดล้อมของโลก นโยบายส่งเสริม ecological civilization กำลังถูกทำลาย เพราะการลงทุนของบริษัทจีน และคนจีนในเหมืองนอกกฎหมาย
ประชาชนไทย ขอให้ท่านได้แสดงเจตจำนงอย่างแน่วแน่ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ เพื่อให้ยุติการลงทุนที่ปราศจากความรับผิดชอบและสร้างผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน
รัฐบาล รับหนังสือแถลงการณ์เครือข่ายประชาชนแม่น้ำกก สาย โขง ถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้แก้ปัญหามลพิษข้ามแดนแม่น้ำกก สาย โขง


ด้าน ขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี รับหนังสือจากเครือข่ายประชาชนฯ เพื่อนำเรียนต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการดักตะกอนเพื่อลดความเดือดร้อนต่อประชาชน และกรมควบคุมมลพิษ จะติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง