เรียกร้อง อำเภอรับผิดชอบ แจงปมอนุมัติใช้ระเบิดขุดเจาะแร่ ปิดข้อมูล ละเมิด EIA ปลุกประชาชนร่วมคัดค้าน วอนรัฐบาล ยุตินโยบายสำรวจ ทำเหมืองโปแตชทั่วทั้งภาคอีสาน
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด รวมตัวจัดกิจกรรมเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก (5 มิ.ย. 68) เพื่อรณรงค์ต่อต้านการทำเหมืองแร่โปแตชในพื้นที่ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยมีขบวนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ สะท้อนผลกระทบจากการทำเหมือง ได้แก่ รถพุ่มพวงที่บรรทุกขวดน้ำเค็ม, ถุงเกลือจากดินที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่โปแตชด่านขุนทด และ รถระเบิดจำลอง ที่สะท้อนอันตรายจากการเตรียมนำระเบิดมาขุดเจาะแร่โปแตชใต้ดินในพื้นที่ชุมชน รวมถึงการปล่อยป้ายผ้าขนาดใหญ่บนสะพานลอยหน้าโรงเรียนมัธยมด่านขุนทด ด้วยข้อความ “ปกป้องโลก หยุดระเบิด หยุดขูดรีดขุดเจาะ หยุดเหมืองโปแตช”

ร้องรัฐ อย่าตีมึน ละเลยปัญหาสิ่งแวดล้อม
จุฑามาส ศรีหัตถผดุงกิจ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนหญิงและที่ปรึกษากลุ่มฯ บอกว่า เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก จึงจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อสื่อสารประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในอำเภอด่านขุนทด ที่กำลังได้รับรับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่โปแตช และยังได้รับผลกระทบจากโรงงานแป้งมัน ซึ่งเป็นอีกประเด็นสำคัญ เป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร ธรรมชาติ
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ให้ข้อมูลถึง โครงการเหมืองแร่โปแตช ในพื้นที่ ต.หนองไทร อ.ด่านขุนทด เป็นการร่วมทุนของบางจาก และทุนจีน ทำลายแหล่งทำกินของชาวบ้าน และทำให้แหล่งน้ำสำคัญกลายเป็นน้ำเค็ม ไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้

“น้ำจากลำมะหลอด ไหลลงสู่แม่น้ำลำเชียงไกร ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ประชาชนในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมาใช้ประโยชน์ ทำให้ผลกระทบไม่ได้จำกัดเฉพาะตำบลหนองไทรเท่านั้น แต่กระจายไปในวงกว้าง เราจึงขอเชิญชวนพี่น้องในอำเภอด่านขุนทด และประชาชนทั่วไปร่วมกันสนับสนุนการเคลื่อนไหวหยุดเหมืองแร่โปแตช และลุกขึ้นมารักษาสายน้ำให้ลูกหลานในอนาคต”
ขณะที่ จงดี มินขุนทด นักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ย้ำว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เพื่อพ่อแม่ลูกหลาน และคนไทยทั้งประเทศ เธอยังเน้นว่า ประชาชนไม่ควรมองว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องไกลตัว เพราะผืนดินของประเทศไทยเป็นของทุกคน เราต้องเป็นหนึ่งในผู้รักษา ไม่ใช่ผู้ทำลาย
“เราจะไม่ปล่อยให้คนที่ได้รับผลกระทบ ต้องโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะพวกเขาคือครอบครัวของเรา เด็ก ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นมาไม่ควรถูกทิ้งให้ต้องเผชิญกับชะตากรรมจากสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลาย”
จงดี มินขุนทด

PI ชี้รัฐไทยละเมิดหลักการ UNGPs เรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
ปรานม สมวงศ์ ตัวแทนจาก Protection International บอกว่า การที่รัฐไทยปล่อยให้เหมืองโปแตช ดำเนินไปโดยไม่มีการตรวจสอบสาธารณะ และไม่มีระบบเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ ถือเป็นการละเมิดหลักการ UNGPs ที่ระบุว่ารัฐต้อง ‘คุ้มครอง’ และบริษัทต้อง ‘เคารพ’ สิทธิมนุษยชน
ขณะเดียวกัน ยังสะท้อนถึงโครงสร้างอำนาจที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน โดยกดทับเสียงของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในชุมชนซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมลพิษ การสูญเสียที่ดิน และภาระงานดูแลที่เพิ่มขึ้นโดยไม่มีการชดเชยเยียวยา
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ยังทวงถามความชัดเจนจากฝ่ายปกครองในพื้นที่ เรื่องการอนุญาตให้ใช้วัตถุระเบิดในกระบวนการขุดเจาะอุโมงค์เหมืองแร่โปแตช พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ออกมารับฟัง โดย อนุสรา ปราณีตพลกรัง หนึ่งในนักปกป้องสิทธิฯ บอกว่า ชาวบ้านไม่เคยได้รับข้อมูลใด ๆ จากภาครัฐ กระทั่งเข้าร่วมประชุมกับกรรมาธิการฯ วุฒิสภา จึงทราบว่าอำเภอด่านขุนทด เคยอนุญาตให้ใช้ระเบิดตั้งแต่ปี 2559 ทั้งที่รายงาน EIA ในปีนั้นไม่ผ่านความเห็นชอบในประเด็นดังกล่าว
อนุสรา เปิดเผยด้วยว่า การอนุมัติรอบใหม่อนุญาตให้ใช้ระเบิดในช่วงเวลา 08.00 – 17.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวบ้านต้องทำมาหากิน และตั้งคำถามว่านายอำเภอ เคยอ่านรายงาน EIA หรือไม่ ? พร้อมเรียกร้องให้ชี้แจงความคืบหน้าการอนุญาตระเบิดรอบใหม่
ขณะที่ พรสถิตย์ กาศขุนทด ปลัดอำเภอด่านขุนทด ในฐานะตัวแทนนายอำเภอ ออกมาชี้แจงว่า การใช้ระเบิดในปี 2559 เป็นการใช้บางส่วนเพื่อทำอุโมงค์แนวเอียง และบางส่วนถูกทหารทำลายแล้ว ส่วนรอบใหม่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยอำเภอได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่เก็บวัตถุระเบิด แจ้งกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือคัดค้านแนบจังหวัด และแจ้งผู้ตรวจการแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว
คำชี้แจงของปลัดอำเภอ กลับสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ การกล่าวว่า “เรื่องมันเกิดไปแล้วตั้งแต่ปี 59” สะท้อนถึงการปัดความรับผิดชอบของรัฐ และเป็นการปกปิดข้อมูลที่ประชาชนควรได้รับตั้งแต่แรก พวกเขาต้องไปรับรู้จากการประชุมกับกรรมาธิการวุฒิสภาแทนที่จะได้รับจากอำเภอโดยตรง จึงขอให้อำเภอยืนเคียงข้างประชาชนและปกป้องไม่ให้เกิดการใช้ระเบิดในพื้นที่ที่อาจสร้างผลกระทบใหญ่หลวง เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐควรทำในเวลานี้

ผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ที่สุดคือรัฐที่ผสมพันธุ์กับทุน
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ยังได้อ่านแถลงการณ์ โดยมีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ ดังนี้
- รัฐบาลไทยต้องแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบจากการทำเหมืองโปแตชของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด ซึ่งมีบางจากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในฐานะที่เป็นผู้อนุมัติผ่านหน่วยงานของรัฐให้โครงการเดินหน้า และต้องรับประกันสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับประชาชน โดยเฉพาะอากาศบริสุทธิ์และแหล่งน้ำที่ปลอดจากมลพิษ
- ขอให้รัฐบาลไทยหยุดสนับสนุนและยุติความร่วมมือกับกลุ่มทุนผูกขาดและทุนข้ามชาติ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจของจีนที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองโปแตชอย่างไม่รับผิดชอบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแผ่นดิน สายน้ำ และระบบนิเวศท้องถิ่น
- ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุตินโยบายการสำรวจและทำเหมืองโปแตชทั่วทั้งภาคอีสาน และให้ตรวจสอบการซื้อหุ้นโดยรัฐวิสาหกิจจีนในโครงการเหมืองโปแตชจังหวัดอุดรธานี พร้อมดำเนินการเอาผิดต่อผู้ก่อมลพิษในจังหวัดชัยภูมิและนครราชสีมา รวมถึงเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน