เริ่มขยับ! นายกฯ ตั้งคณะทำงานด้านเทคนิค เตรียมเจรจา แก้ปมมลพิษข้ามแดน

นักวิชาการ ย้ำ ‘ฝายดักตะกอน’ ไม่ใช่เรื่องด่วน ต้องศึกษาผู้รู้ให้ดี ก่อนออกแบบ ชี้ มีฝายพันแห่งก็แก้แม่น้ำปนเปื้อนสารพิษไม่ได้ หากไม่แก้ที่แหล่งกำเนิดสารพิษ ด้าน นายกฯ เรียกประชุม รับสถานการณ์ฝนหนักในเมียนมา หวั่นเกิดปัญหาแม่น้ำกก ระลอกใหม่ พร้อมตั้งคณะทำงานด้านเทคนิค ประเมินเตรียมเจรจา

วันนี้ (13 มิ.ย. 68) เพจ ไทยคู่ฟ้า โพสต์ระบุ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก ได้แก่ กระทรวงกลาโหม, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สภาความมั่นคงแห่งชาติ และเหล่าทัพ เพื่อเตรียมรับมือ สถานการณ์ฝนตกหนักในเมียนมา อาจทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำกก เพิ่มอย่างรวดเร็ว และอาจมีสารปนเปื้อน กระทบประชาชนพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก (ภาพ : ไทยคู่ฟ้า)

เบื้องต้น กระทรวงทรัพยากรฯ ได้ตั้งศูนย์เฝ้าระวังประสานงานส่วนหน้า ในทั้ง 2 จังหวัด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าน้ำสะอาด ปลอดภัย อุปโภคได้ น้ำจากประปาภูมิภาคและประปาหมู่บ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต้องอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและปลอดภัย

ทั้งนี้การประปาฯ จะกระจายเครื่องกรองน้ำระดับครัวเรือนด้วยระบบ RO ในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อสร้างความมั่นใจอีกขั้น ส่วนพื้นที่ห่างไกลการประปาได้เตรียมจุดจ่ายน้ำประปาเคลื่อนที่ พร้อมติดตั้งแทงค์สำรอง ให้ประชาชนมีความมั่นใจได้ว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน

นายกฯ ยังได้จัดตั้ง คณะทำงานด้านเทคนิค นำโดย ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งประเมินสถานการณ์ เตรียมเจรจา รวมทั้งจะใช้กลไกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เข้าไปร่วมพูดคุย

คุยประเทศต้นทางเหมือง หยุดปนเปื้อน ตัวชี้วัดรัฐบาล

ด้าน รศ.ชูโชค อายุพงศ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยด้านการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยกับ ผู้สื่อข่าว Thai PBS ถึงการแก้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขงในช่วงที่ผ่าน ยังไม่เห็นรัฐบาลมีท่าทีที่ชัดเจน มีแต่เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าไม่สามารถคุยกับประเทศต้นทางเหมืองแร่ หรือประเทศที่ซื้อแร่ได้ จะเป็นวิกฤต และจะถือเป็นตัวชี้วัดการทำงานรัฐบาล

รศ.ชูโชค ระบุด้วยว่า การทำโครงสร้างหลายอย่างเพื่อจัดการโลหะหนักอาจไม่ใช่ทางออก ต้องจัดการที่ต้นตอหรือทำตัวบำบัดที่ต้นเหมือง ไม่ใช่ส่งสารพิษมาในแม่น้ำและมาบำบัดในประเทศไทย ถ้าประเทศไทยอาสาบำบัดแม่น้ำให้ต้นทางเหมืองก็ทำได้เรื่อย ๆ และเหมืองอาจขยายพื้นที่ทำเหมืองไปอีก ดังนั้นการจัดการสารพิษก็จะไม่มีใครทำหรือแก้ได้ แม้ในต่างประเทศที่เจริญกว่าก็ไม่สามารถจัดการได้ ถ้าไม่ทำที่แหล่งกำเนิด

นักวิชาการ ย้ำว่า ตะกอน มี 3 ชนิด ตะกอนแรก คือ ตะกอนท้องน้ำ ที่ไหลมาเป็นหิน กรวด จะมาได้ไม่ไกล ซึ่งตะกอนท้องน้ำฝายอาจดักได้ทั้งหมด  ตะกอนชนิดที่ 2 คือ ตะกอนแขวนลอย จะนำโคลน ทรายและกรวด รวมถึงโลหะหนักเข้ามา ฝายดักตะกอนจะดักได้เฉพาะในหน้าแล้งหรือช่วงมีน้ำน้อย หากมีฝน หรือน้ำท่วมจะพัดตะกอนไปด้วย

“กรมทรัพยากรน้ำ ผมอยากถามว่าฝายดักตะกอนที่คิด และออกแบบไว้ คุณภาพการดักได้กี่เปอร์เซ็นต์ ? เอาแค่หลักหน่วยได้กี่เปอร์เซ็นต์ ได้มีการทดลองแล้วหรือไม่”

รศ.ชูโชค อายุพงศ์

ส่วน ตะกอนชนิดที่สาม คือ ตะกอนละลายน้ำ ยกตัวอย่างเกลือละลายน้ำ เมื่อทิ้งไว้ก็ตกตะกอน ส่วน สารหนู หากค่าพีเอชเหมาะสม จึงจะตกตะกอน ไม่เหมาะสมสารโลหะหนักจะละลายกับน้ำ

“ตะกอนแขวนลอย กับ ตะกอนละลายน้ำ จะจัดการอย่างไร ฝายกี่ตัวถึงจะพอ ในฤดูน้ำหลาก ฝายดักตะกอน หลักการคือ ทำให้น้ำไหลช้าที่สุด ฝายดักตะกอนที่ไม่ใช่ดักโลหะหนัก จะมีเวิ้งน้ำขนาดใหญ่ให้สารตกตะกอน การทำฝายเหมือนฝายกั้นน้ำและขุดหลุมตรงกลางจะไม่ทำให้ตะกอนตก”

รศ.ชูโชค อายุพงศ์

รศ.ชูโชค ยังยืนยันว่า ฝายดักตะกอนไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เรื่องเร่งด่วน คือ สิ่งที่ต้องทำทันที เช่น ม.24 กฎหมายน้ำ ตัวอย่างมีน้ำไหลไปมีกำแพงขวางกั้นสามารถสั่งทุบได้ทำทันทีใน 1 วัน แต่ฝายดักตะกอน ใช้เวลาเป็นปีกว่าจะสร้างเสร็จไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน

“ก่อนจะทำฝายดักตะกอน ควรพูดคุยในกลุ่มคนที่รู้เรื่องและดูว่ามีประสิทธิภาพเท่าไหร่ กี่เปอร์เซ็นต์ดักตะกอนได้ ที่สำคัญที่สุดจะบำบัดอย่างไร เป็นสารพิษโลหะหนัก”

รศ.ชูโชค อายุพงศ์

ส่วนการทำแก้มลิง หรือพื้นที่ชุ่มน้ำจะใช้พื้นที่ขนาดไหน เมื่อน้ำหลากจะทำอย่างไร “สารหนูหรือสารพิษโลหะหนักส่วนใหญ่อยู่ในตะกอนแขวนลอย”

รศ.ชูโชค ระบุว่าการทำเหมืองแร่ส่วนใหญ่ตะกอนจะตกอยู่ใกล้เหมือง มาไม่ถึงประเทศไทย แต่ตะกอนแขวนลอย กับ ตะกอนละลายน้ำ จะลอยไปได้ไกลถึงแม่น้ำโขงและลงมหาสมุทร

“นี่คือชีวิตของคนทั้งลุ่มน้ำ รัฐบาลต้องไม่ละเลย ต้องคุยกับจีน ปัจจุบันจีนสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม  ถ้าเกี่ยวกับชีวิตคนรัฐบาลจีนไม่ยอม จึงต้องรีบนำไปคุย”

รศ.ชูโชค อายุพงศ์

ปัจจุบันชาวเชียงราย ภาควิชาการ จับมือทำงานเข้มแข็งทำสุดความสามารถแล้ว  แต่สิ่งที่ต้องการมากสุดนอกเหนือประชาชนจะทำได้  คือรัฐบาลต้องเร่งเจรจาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กดดันประเทศที่ลงทุนทำเหมือง และผู้รับซื้อด้วยส่วนใครจะไปเจรจาใครก็ได้ แต่ต้องยกประเด็นชีวิตของคนที่ได้รับผลกระทบในตอนนี้

“จะทำฝายตะกอนกว่าพันฝายก็แก้ไม่ได้  สิ่งที่ต้องการมากที่สุดจากภาครัฐในตอนนี้คือ กดดันและหารือกับส่วนเกี่ยวข้องโดยเฉพาะกับจีน ที่มีอิทธิพลกับกองกำลังว้าที่ครองพื้นที่นั้นอยู่”

รศ.ชูโชค อายุพงศ์

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active