เปลี่ยนนายกฯ ปรับ ครม.! แก้น้ำกกเปื้อนพิษ ก็ไม่คืบ ชี้ ไทยต้องกล้าใช้การเมืองเชิงรุกกับเมียนมา 

นักวิชาการ เชื่อ รัฐบาลเน้นแต่ตั้งรับภายในประเทศมากไป ไร้ยุทธศาสตร์ลุยเจรจาเมียนมา จีน ย้ำ บทเรียนกรณีกัมพูชา หากรัฐบาลเอาจริง ปัญหายากแค่ไหนก็เดินหน้าได้ ตั้งข้อสังเกต สธ. – ก.เกษตรฯ ขาดแผนตรวจสอบชัดเจน ไม่เปิดเผยผล ขัดหลักความโปร่งใส

กรณีความล่าช้าการแก้ไขปัญหาเหมืองแร่ต้นน้ำแม่น้ำกกในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะแนวทางการเจรจากับฝ่ายเมียนมา และกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์ในพื้นที่ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า ในขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองไทยตอนนี้ก็อยู่บนความไม่แน่นอน กรณีคลิปเสียง นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซ็น 

วันนี้ (20 มิ.ย. 68) The Active สอบถามความเห็นจาก สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในฐานะผู้ติดตามปัญหาสิ่งแวดล้อม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถึงกรณีความล่าช้าการแก้ปัญหามลพิษข้ามแดน โดยตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้ไทยจะเปลี่ยนแปลงผู้นำหรือปรับคณะรัฐมนตรีแต่ก็เชื่อว่า “ยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาก็ยังเหมือนเดิม” กล่าวคือ เป็นการตั้งรับภายในประเทศมากกว่าการใช้ยุทธศาสตร์เชิงรุกผ่านการเจรจากับประเทศเมียนมา จีน รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ว้า ซึ่งควรเป็นทางออกสำคัญเพื่อยุติการทำเหมืองแร่ที่ส่งผลกระทบข้ามพรมแดน

“ต่อให้เปลี่ยนนายกฯ ผมว่าปัญหาก็ยังคาราคาซัง เพราะรัฐไทยยังยึดแนวทางเดิม คิดแต่จะปรับปรุงเหมือง มากกว่าจะปิดเหมืองอย่างถาวร”

สืบสกุล กิจนุกร

สืบสกุล ยังชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลไทย โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศ มักใช้กลไกปกติขอเจรจา เช่น การส่งหนังสือหรือรอนัดหมายตามมารยาททางการทูต ซึ่งในหลายกรณี ฝ่ายเมียนมากลับอ้างว่า “รัฐมนตรีไม่ว่าง” และไม่มีการตอบสนองใด ๆ จากฝ่ายไทย

“กรณีนี้สะท้อนว่ารัฐบาลไทยไม่มีความมุ่งมั่นเพียงพอ แม้แต่การออกแถลงการณ์ เชิญทูต หรือแม้แต่นายกฯ โทร. หาผู้นำเพื่อนบ้าน ซึ่งในกรณีกัมพูชา เราเห็นแล้วว่าทำได้ ถ้าเอาจริง”

สืบสกุล กิจนุกร

นักวิชาการ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่เหมืองต้นน้ำแม่น้ำกกอยู่ในมือของนักลงทุนจีน อาจเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการเจรจา เพราะนักลงทุนเหล่านี้อาจหลีกเลี่ยงกฎสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดจากประเทศตนเอง และมองว่าไทยยังไม่มีกลไกเข้มแข็งพอที่จะควบคุมหรือชี้แนะการทำเหมืองอย่างรับผิดชอบ

“เรามีความรู้พอหรือ ที่จะไปแนะนำจีนว่าการทำเหมืองที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร ?”

สืบสกุล กิจนุกร

พร้อมกันนี้ สืบสกุล ยังอ้างถึงรายงานล่าสุดจากมูลนิธิสิทธิมนุษยชน ที่เปิดเผยว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในพื้นที่รัฐว้า (Wa) ของเมียนมา ซึ่งติดพรมแดนจีน มีการระเบิดเหมืองกระจายทั่วภูเขาโดยไม่สนใจผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของชุมชนในพื้นที่

สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

สืบสกุล จึงเสนอว่า หากรัฐบาลมีความจริงจัง ต้องยกระดับการเจรจาทางการเมือง ไม่ปล่อยให้ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศทำงานลำพัง โดยเฉพาะในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของประชาชนไทยโดยตรง

“บทเรียนจากกรณีกัมพูชาบอกเราว่า ถ้ารัฐบาลเอาจริงก็ทำได้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่เห็นความมุ่งมั่นนั้น”  

สืบสกุล กิจนุกร

ชี้ สธ. – เกษตรฯ ขาดแผนตรวจสอบ ไม่เปิดเผยผลตรวจ ขัดกับหลักความโปร่งใส

สืบสกุล ยังมีข้อกังวลเรื่องความไม่โปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐในการตรวจสอบและรายงานข้อมูลสาธารณะ โดยเฉพาะจากกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุว่า ประชาชนในพื้นที่เชียงราย และเชียงใหม่ มีความต้องการ 2 ประการหลัก คือ

  1. ต้องการแผนการตรวจสอบ ที่ชัดเจน ครอบคลุมทุกมิติ

  2. ต้องการรายงานผลตรวจอย่างละเอียด ที่เข้าถึงได้สำหรับประชาชน

หากเปรียบเทียบหน่วยงานที่มีความโปร่งใสที่สุดคือ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 ซึ่งอยู่ในสังกัดกรมควบคุมมลพิษ เพราะมีแผนการตรวจที่ระบุชัดทั้งเรื่อง ความถี่ จุดตรวจ และกำหนดวัน ตรวจน้ำและดิน พร้อมทั้งเปิดเผย รายงานผลฉบับเต็ม ผ่านเว็บไซต์หน่วยงาน ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและร่วมตรวจสอบได้ตลอด

“ข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ทุกคนเห็นชุดเดียวกัน พูดคุยกันบนฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้เกิดการแก้ปัญหาร่วมกันได้จริง”

สืบสกุล กิจนุกร

ทั้งยังยกตัวอย่างกรณีที่ภาคประชาชนร้องเรียนว่า แม่น้ำรวก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและปศุสัตว์ ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในแผนตรวจของกรม แต่เมื่อมีการโพสต์ท้วงติงผ่านสื่อออนไลน์ ทางกรมฯ ก็รีบดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมทันที ซึ่งสะท้อนถึงการทำงานที่รับฟังและเปิดรับข้อมูลจากภาคประชาชน

ในทางตรงกันข้าม สืบสกุล ระบุว่า หน่วยงานในสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความเคลื่อนไหวจำกัด โดยตรวจสอบเฉพาะปลา แต่ขาดแผนชัดเจนในการตรวจน้ำ ดิน และผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่กว่าแสนไร่ และไม่มีการเผยแพร่ผลตรวจให้สาธารณะสามารถเข้าถึง

ส่วนที่น่ากังวลที่สุดคือ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแม้จะระบุว่าจะตรวจสุขภาพกลุ่มเปราะบาง ตรวจน้ำใต้ดิน ตรวจผัก ปลา และห่วงโซ่อาหาร แต่กลับไม่มีการเปิดเผยแผนการตรวจสอบ และเผยแพร่ผลตรวจเพียงบางส่วนผ่านหน้าเพจ Facebook เท่านั้น

“ผลตรวจของกระทรวงสาธารณสุขมีแค่โพสต์บน Facebook ซึ่งไม่เพียงพอ ประชาชนอยากเห็นเอกสารฉบับเต็ม เหมือนที่กรมควบคุมมลพิษทำ”

สืบสกุล กิจนุกร

นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเวลาประชาชนใช้ชุดตรวจเบื้องต้น เช่น Test kit ตรวจหาสารปนเปื้อน กลับถูกกระทรวงสาธารณสุขออกมาตอบโต้หรือแสดงความกังวล ทั้งที่กรมควบคุมมลพิษไม่เคยแสดงท่าทีเช่นนั้น

“การที่ภาครัฐไม่เปิดเผยข้อมูล แต่กลับไม่ยอมให้ประชาชนตรวจเอง นั่นแหละคือความไม่โปร่งใสที่แท้จริง”

สืบสกุล กิจนุกร

สืบสกุล ย้ำทิ้งท้ายว่า กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงสาธารณสุข ต้องปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับหลักความโปร่งใสเหมือนกับกรมควบคุมมลพิษ พร้อมเปิดเผยข้อมูลที่ครบถ้วน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตาม ตรวจสอบ และร่วมแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของชุมชนตนเอง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active