ชวนแสดงความเห็น ‘ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ’ วันนี้ – 8 ส.ค. ก่อนเข้าสภาฯ 

‘กมธ.อากาศสะอาดฯ’ เผย ร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณา ครอบคลุม 10 หมวด หวังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. เชิญประชาชน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. โดย รับฟังความคิดเห็นตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2568

สำหรับร่างกฎหมายที่เปิดรับฟังความเห็นครั้งนี้ เป็นร่างที่ผ่านการพิจารณาโดย กมธ. มานานกว่า 1 ปี 6 เดือน จากร่างกฎหมายที่ผ่านสภาฯ วาระ 1 เข้าไป 7 ฉบับ ซึ่งเป็นร่างที่มาจากทั้งภาคประชาชน รัฐบาล และพรรคการเมือง 

โดยสรุปสาระสำคัญ 10 หมวด ดังนี้ 

  • หมวด 1: บททั่วไป มีการกำหนดสิทธิในอากาศ กำหนดนิยามที่สำคัญ เช่น “อากาศสะอาด” และ “มลพิษทางอากาศ” ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และให้รัฐมีหน้าที่ดำเนินการ บริหารจัดการเพื่ออากาศ

  • หมวด 2: คณะกรรมการและองค์กรเพื่อการบริหารจัดการอากาศ จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ นำโดยนายกรัฐมนตรี มีทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ ประเมินผล และเสนอแนะแนวทางปรับปรุงกฎหมาย/มาตรการต่าง ๆ รวมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการในระดับต่าง ๆ ประกอบด้วย คณะกรรมการกำกับ คณะกรรมการวิชาการ คณะกรรมการเศรษฐศาสตร์ คณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดและคณะกรรมการอากาศสะอาดกรุงเทพมหานคร ซ้อมจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดและเจ้าพนักงานอากาศสะอาด 

  • หมวด 3: เครื่องมือและกลไกในการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด โดยกำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศอากาศ ดัชนีคุณภาพอากาศ มาตรฐานควบคุมการปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิด มีระบบฐานข้อมูล บริหารจัดการเพื่ออากาศขนาดใหญ่ (big data) มีระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือน ระบบติดตามร้องเรียน การจำแนกพื้นที่คุณภาพอากาศ การประกาศเขตระวังและเขตประสบมลพิษทางอากาศ และในการป้องกันแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ การจัดสรรงบประมาณ และเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ รวมทั้ง “กองทุนเพื่ออากาศสะอาด” มีระบบรายงานผลปฏิบัติการ

  • หมวด 4: การป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิด ประกอบด้วย ค่าอุตสาหกรรม แหล่งกำเนิดภาคคมนาคม แหล่งกำเนิดภาคป่าไม้ แหล่งกำเนิดภาคเกษตรกรรม แหล่งกำเนิดภาคเมือง แหล่งกำเนิดภาคมลพิษข้ามแดน และแหล่งกำเนิดอื่น

  • หมวด 5: เขตเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศและเขตประสบมลพิษทางอากาศ โดยกำหนดให้รัฐมนตรีประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการกำหนดเขตเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศและเขตประสบมลพิษทางอากาศโดยการเสนอของกรรมการวิชาการ

  • หมวด 6: เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ จัดให้มี ภาษีอากรเพื่ออากาศสะอาด ค่าธรรมเนียมเพื่ออากาศสะอาด การจัดสรรการซื้อขายและการโอนสิทธิในการระบายสารมลพิษทางอากาศในพื้นที่ควบคุม หลักประกันความเสียหายหรือความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษทางอากาศ ระบบฝากไว้ได้คืน มาตรการอุดหนุน สนับสนุนส่งเสริม หรือช่วยเหลือกิจกรรมเพื่ออากาศสะอาด การลดหย่อน ยกเว้น ขอคืน และการแจ้งประเมินเรียกเก็บค่าธรรมเนียม โดยมีสาระสำคัญในการจัด “ กองทุนอากาศสะอาด” ในสำนักงานบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล 

  • หมวด 7: เจ้าพนักงานอากาศสะอาด โดยในหมวดนี้ กมธ. ได้ตัดออกและนำไปรวมในหมวด 2

  • หมวด 8: ความรับผิดทางแพ่ง โดยผู้ก่อมลพิษต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งทางแพ่งและอาญา ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และให้รัฐดำเนินการเยียวยา เปิดทางให้ฟ้องคดีสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น

  • หมวด 9: โทษอาญา

  • หมวด 10: มาตรการปรับเป็นพินัย

ก่อนหน้านี้ จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ประธาน กมธ. พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย คนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม รองประธาน กมธ. และ ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ กมธ. ร่วมแถลงระบุว่า การพิจารณากฎหมายครอบคลุมทั้งหมด 10 หมวด จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผ่านเว็บไซต์รัฐสภา www.parliament.go.th เป็นระยะเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. ถึงวันที่ 8 ส.ค. 2568 โดยเนื้อหาในการรับฟังความคิดเห็นประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ. , สรุปสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ., และ ประเด็นคำถาม เพื่อประกอบการพิจารณาในขั้นตอนถัดไป ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ของสภาผู้แทนราษฎร  อย่างไรก็ตาม แม้ร่างกฎหมายฉบับนี้อาจไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้ในทันที แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหญ่ของประเทศไทยในการต่อสู้กับปัญหาฝุ่น PM 2.5 และสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทยในระยะยาว

คนึงนิจ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ถือเป็นร่างแรกที่เกิดจากการที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายกว่า 10,000 รายชื่อ และนำมาผนวกรวมกับร่างฉบับอื่นจนกลายเป็นร่างฉบับปัจจุบันที่ผ่านการพิจารณาโดย กมธ. ร่วมกัน และถือเป็นร่าง พ.ร.บ. ฉบับแรกที่สถาปนาสิทธิในอากาศสะอาดอย่างชัดเจน เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิในสิ่งแวดล้อม และขณะนี้องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ยกระดับให้สิทธิในอากาศสะอาดเป็นสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่งแล้ว ซึ่งก่อให้เกิดภาระหน้าที่ของรัฐตามทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายฉบับนี้

ภัทรพงษ์ ได้กล่าวขอบคุณภาคประชาชนที่เป็นผู้ริเริ่มร่างกฎหมายฉบับนี้ และขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่เล็งเห็นความสำคัญ โดยได้บรรจุให้เป็นวาระเร่งด่วนตั้งแต่ปี 2567 รวมถึงขอบคุณทุกพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องทั้งในคณะ กมธ. และคณะอนุ กมธ. ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี 6 เดือน จนสามารถผลักดันร่าง พ.ร.บ. นี้ให้เสร็จสมบูรณ์ พร้อมใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active