สิ้นสุดการรอคอย! ชาวบ้านน้ำพุ รับเงินเยียวยางวดแรก หลังสู้ชนะคดี มลพิษโรงงาน ‘แว็กซ์ กาเบจ’

20 กว่าปี มหากาพย์การต่อสู้ ชาวบ้านน้ำพุ 652 คน ชนะคดีฟ้องกลุ่มยกแรก ได้เงินเยียวยา กว่า 21 ล้าน คิดเป็น 26% ของยอดหนี้ที่ฟ้อง แว็กซ์ กาเบจ 82 ล้าน ขณะที่ ‘รมว.ยุติธรรม’ ชี้ ผลกระทบชาวบ้าน เข้าข่ายถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เตรียมเสนอ ‘กองทุนยุติธรรม’ ช่วยเหลือเพิ่มเติม

วันนี้ (18 ส.ค. 68) ที่ศาลาประชาคม หมู่ 1 ต.บ้านน้ำพุ อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ชาวบ้านผู้ที่ได้รับผลกระทบ “มลพิษกรณีห้วยน้ำพุ” จากการลักลอบฝังขยะอันตราย ของ บริษัท แว็กซ์ กาเบจ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด มานานกว่า 20 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งของโรงงาน เข้าร่วมการรับมอบเงินเยียวยา จากกรมบังคับคดี โดยมี พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี, อธิบดีกรมบังคับคดี และผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าร่วม

โดยการจ่ายเงินเยียวยาครั้งนี้นับเป็น ครั้งแรก หลังจากการต่อสู้คดีของชาวบ้านมาอย่างยาวนาน โดยเป็นการจ่ายเงินบางส่วน ให้กับผู้เสียหายจำนวน 652 คน รวมเป็นเงิน 21,533,304 บาท คิดเป็นร้อยละ 26.03 ของยอดหนี้ ที่ให้ได้รับชำระหนี้ตามคำสั่งศาล

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบเงินเยียวยาให้กับชาวบ้านน้ำพุ จ.ราชบุรี

สำหรับการจ่ายเงินเยียวยานั้น มีทั้งรูปแบบ จ่ายเป็นเช็ค 17 คน สำหรับกรณีที่สมาชิกผู้ฟ้องคดีเสียชีวิตไปแล้ว จะมอบให้กับผู้จัดการมรดกจำนวน 14 คน (จากจำนวนผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว 17 คน ซึ่งบางส่วนอยู่ระหว่างรอเอกสารคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก) และจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 630 คน ซึ่งชาวบ้านที่ใช้บัญชีธนาคารกรุงไทย จะได้รับเงินทันที ส่วนผู้ที่ใช้ธนาคารอื่น ต้องรออีก 2 วัน

พ.ต.อ. ทวี บอกว่า เป็นอีกวันประวัติศาสตร์และยินดีที่ได้มามอบเงินจากการบังคับคดีให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม จากการปล่อยสารพิษที่มีโลหะหนัก ของ บริษัท แว็กซ์ กาเบจ เรื่องนี้จะไม่จบลงแค่การจ่ายเงิน โดยกระทรวงยุติธรรม มีกฎหมายฉบับหนึ่งที่ว่าด้วย กองทุนยุติธรรม ที่เป็นเงินช่วยเหลือประชาชนใน 4 ด้าน คือ

  1. ด้านคดีความสำหรับคนที่ไม่มีค่าดำเนินการจ้างทนายค่าเดินทาง

  2. ใช้ในการประกันตัว

  3. การถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน

  4. กลุ่มผู้ให้ความรู้ทางกฎหมาย หวังให้มีสัดส่วนของการใช้เงินกองทุนยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน

“วันนี้เป็นความยุติธรรมเบื้องต้น ที่ใช้เวลา 20 กว่าปี ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยน้ำเสีย เป็นเหตุให้อาชีพเกษตรกร หรือความเป็นอยู่ของชุมชน ต้องได้รับผลกระทบ และประชาชนใช้กฎหมาย ที่เราคิดว่า เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อต้องการให้ประชาชนได้เข้าถึงความเป็นธรรม หรือการฟ้องแบบกลุ่ม หรือ Class Action กว่าจะจบใช้เวลา 20 กว่าปี ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุด”

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง

รมว.ยุติธรรม ยังชี้ว่า หลังจากได้รับคำพิพากษา รู้สึกเข้าใจความทุกข์ของประชาชน และเชื่อว่า 20 กว่าปีนี้ จะเป็นเวลาที่สูญหายไปของคนที่ทำอาชีพเกษตรกรรม เพราะการที่คนรู้ว่าสินค้าเกษตรปลูกในที่ดินที่เป็นพิษก็ขายยาก รวมไปถึงเรื่องสุขภาพ จึงขอส่งสัญญาณว่า กระทรวงยุติธรรม จะมีคณะกรรมการที่พิจารณาว่า กองทุนยุติธรรม สามารถนำมาช่วยเหลือประชาชนในเรื่องสิทธิมนุษยชนได้อย่างไร และจะทำอย่างไรที่จะเอามลพิษที่อยู่ในดิน และแหล่งน้ำออกไปจากพื้นที่ ทำอย่างไรที่จะฟื้นฟูเยียวยา ให้ที่นี่กลับมาสู่สภาพเดิมให้ได้

“ท่านคือผู้เสียหาย ท่านคือผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ท้ายที่สุด เงินก้อนนี้ก็อาจจะไม่เป็นเงินที่มากถึงจำนวนหนี้ที่ต้องชดใช้ให้ แต่เนื่องจากกรมบังคับคดี ต้องทำการขายทรัพย์สินทอดตลาด ได้เงินมาก็นำมาจ่าย ทราบว่ายังมีที่ดินเหลืออยู่อีก หากขายทอดตลาดได้แล้วก็จะจ่ายเพิ่ม แต่ส่วนที่เป็นการเยียวยา การฟื้นฟูการแก้ปัญหาโดยรัฐ และมาตรการอื่น ๆ ก็อยากให้มีคณะทำงานดำเนินการโดยเร็ว ความยุติธรรมไม่ควรจะต้องเดินทางไกล ไม่ควรใช้เวลานาน ความยุติธรรมควรจะใกล้ และใช้เวลารวดเร็ว

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง

ธนู งามยิ่งยวด ชาวบ้าน ต.น้ำพุ อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี

ขณะที่ ธนู งามยิ่งยวด ชาวบ้าน ต.น้ำพุ อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับเงินเยียวยา ยอมรับว่า ส่วนตัวยังไม่ได้รับเงินเข้าบัญชีทันที เนื่องจากใช้บัญชีธนาคารอื่นที่ไม่ใช่กรุงไทย แต่ก็รู้สึกยินดีกับชาวบ้านที่ได้รับเงิน รู้สึกภูมิใจที่ต่อสู้จนชาวบ้านได้รับชัยชนะ แต่ยังมีข้อสงสัยว่า ตนเป็นโจทก์ ที่ 1 ที่ดำเนินการฟ้องร้อง ซึ่งได้ร่วมกับโจทก์อีก 2 คน วางเงินประกันไว้ที่ศาลด้วย จะสามารถนำเงินนั้นคืนมาได้อย่างไร เพราะตอนนี้เดือดร้อนหนักจากการที่เป็นหนี้ เพราะไม่สามารถปลูกลำไยในที่ดินใกล้ลำน้ำพุได้มานานหลายปี ตอนนี้ได้แต่รอความหวังซึ่งทนายความจะติดตามเรื่องนี้ให้ต่อไป

ดาวัลย์ จันทรหัสดี ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรม ภายใต้แผนงานมูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยกับ The Active ว่า จากคำพิพากษาของศาล ให้จ่ายเงินเยียวยา 82,720,779 บาท แต่เนื่องจากกรมบังคับคดีได้ดำเนินการสืบทรัพย์ขายทอดตลาดได้ 22 ล้านบาท ซึ่งต้องนำมาแบ่งสรรให้ประชาชน 652 คน ทั้งนี้การจะติดตามสืบทรัพย์มาให้ครบทั้งหมดเป็นความยากลำบาก ชาวบ้านเองก็ต้องติดตามสืบทรัพย์เองด้วย

ดาวัลย์ จันทรหัสดี ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรม ภายใต้แผนงานมูลนิธิบูรณะนิเวศ

อย่างไรก็ตาม มองว่าการฟ้องคดีแบบกลุ่ม มีความยากตรงที่ขั้นตอน ทั้งการลงหนังสือพิมพ์ การรวมกลุ่มสมาชิก การต้องมีเงินจำนวนมากไปวางที่ศาล ทำให้ชาวบ้านต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจะฟ้องคดี ซึ่งหากเทียบเคียงกับกรณี วินโพรเสส จ.ระยอง ที่ชาวบ้านฟ้องแบบบุคคล ซึ่งได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม ชาวบ้านไม่ต้องหาเงินมาเพิ่มเพื่อฟ้อง แม้จะชนะคดีแต่กลับไม่ได้รับเงิน เพราะจำเลยมีการโอนถ่ายทรัพย์สิน จึงเสนอว่า ในคดีสิ่งแวดล้อม ควรจะต้องดำเนินคดีความผิดฐานฟอกเงินด้วย

“ฝาก ปปง. เพิ่มว่า มูลฐานความผิดทางสิ่งแวดล้อม เป็นคดีฐานฟอกเงิน เพื่อยึดอายัดทรัพย์ เพื่อป้องกันการถ่ายโอนทรัพย์ไปให้ผู้อื่น เพื่อให้ตามกลับ อย่างกรณีวินโพรเสส เห็นชัดว่าตามยึดอายัดไม่ได้ ชาวบ้านก็ไม่ได้รับเงินชดเชย”

ดาวัลย์ จันทรหัสดี

ก่อนหน้านี้เมื่อ เม.ย. 2560 ชาวบ้านได้รวมตัวยื่นฟ้องบริษัท เป็นคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ต่อศาลแพ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ สว.4/2560 ระหว่าง ธนู งามยิ่งยวด โจทก์ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน กับ บริษัท แว็กซ์ กาเบจ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ต่อมา 24 ธ.ค. 2563 ศาลแพ่งพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ สว.3/2563 พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการประกอบกิจการของโรงงานดังกล่าว รวมทั้งให้ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมสู่สภาพเดิม

แต่จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา และคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ซึ่งศาลแพ่งมีคำสั่งให้รอศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้วจึงจะให้พิจารณาจ่ายเงิน กระทั่งเมื่อ 5 ส.ค. 2568 ศาลแพ่งได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาที่ไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกา ยกคำร้องขออนุญาตฎีกา ไม่รับฎีกาของจำเลย และยกคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา

เมื่อคดีถึงที่สุด ทำให้กรมบังคับคดีสามารถจ่ายเงินให้กับโจทก์และสมาชิกกลุ่มได้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้กำหนดจ่ายเงินส่วนได้ในคดีให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ คดีแบบกลุ่ม จำนวน 652 คน รวมเป็นเงิน 21,533,304 บาท คิดเป็นร้อยละ 26.03 ของยอดหนี้ที่ให้ได้รับชำระหนี้ตามคำสั่งศาล

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active