วันทำความสะอาดโลก หวังใช้ AI แก้วิกฤตขยะทะเลไทย

World Cleanup Day 2025 พบไทยยังคงติดอันดับโลกประสิทธิภาพจัดการขยะต่ำ The Ocean Cleanup และจุฬาฯ หวังใช้เทคโนโลยี AI เพื่อผลงานวิจัย แก้ปัญหาขยะอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ปริมาณและเส้นทางขยะในแม่น้ำ วางแนวทางการจัดการขยะก่อนออกทะเล

ท่ามกลางสถานการณ์ขยะล้นทะเลไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมมือกับ The Ocean Cleanup องค์กรไม่แสวงหากำไรจากเนเธอร์แลนด์ และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้แก้ปัญหาขยะทะเล ผ่านการดักจับขยะที่แม่น้ำก่อนที่จะไหลลงสู่มหาสมุทร

โครงการวิจัยกำจัดขยะพลาสติกจากแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ติดตั้งระบบกล้องอัจฉริยะบริเวณสะพานสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานอรุณอมรินทร์ และสะพานภูมิพล กล้องเหล่านี้ทำงานเสมือน “ผู้เฝ้าระวังดิจิทัล” บันทึกภาพทุก 15 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง

ศ.สุชนา ชวนิชย์ จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึงความแม่นยำของข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้จากการผสมผสานกล้องถ่ายภาพเข้ากับเทคโนโลยี AI

“ระบบ AI ของ The Ocean Cleanup จะประมวลผลภาพถ่าย วิเคราะห์ปริมาณและประเภทของขยะที่ลอยผ่านใต้สะพาน ติดตามเส้นทางการเคลื่อนที่ของขยะ และประเมินประสิทธิภาพของเครื่องดักขยะได้อย่างแม่นยำ”

นอกจากการเก็บข้อมูลขยะ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของโครงการ คือ การวัดประสิทธิภาพของเรือดักขยะระบบอัตโนมัติ (Interceptor) ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ สามารถเก็บขยะได้สูงถึง 6-7 ตัน ใช้เวลาประมาณ 2-3 วันในการเก็บจนเต็ม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ขยะที่รวบรวมได้จะถูกนำไปคัดแยกและกำจัดอย่างถูกต้องตามขั้นตอน

ไทยยังคงเป็น Top 10 จัดการขยะไม่มีประสิทธิภาพ

ขณะที่ประเทศไทยติด 10 อันดับ ด้านการปล่อยขยะลงสู่ทะเล และ 10 อันดับประเทศที่การจัดการขยะไม่มีประสิทธิภาพ โดยแม่น้ำเจ้าพระยาถูกจัดอันดับให้เป็นแหล่งปล่อยขยะลงทะเลอันดับ 15 ทั่วโลก โดยในช่วง 16 ปีนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เก็บรวบรวมขยะจากทะเลไทยได้ถึง 22 ล้านชิ้น ซึ่งมีทั้งขยะที่มาจากชายฝั่งประเทศไทยและขยะที่ไหลมาจากรอบโลก

ขยะพลาสติก ที่เก็บได้ แบ่งออกเป็นทั้งขวดเครื่องดื่ม ถุงพลาสติก เศษโฟม หรือพลาสติกห่ออาหาร จำนวนชนิดละมากกว่า 1 ล้านชิ้น ซึ่งขยะพลาสติกเหล่านี้ ต้องใช้เวลาหลักร้อยปีกว่าจะย่อยสลายไป

จากการประเมินในปี 2565 พบว่า จังหวัดติดชายฝั่งทะเลทั้ง 23 จังหวัดผลิตขยะมูลฝอยรวม 11.60 ล้านตัน เป็นขยะพลาสติกจำนวน 302,389 ตัน โดยนับว่า 10-15% ของขยะเหล่านี้ มีโอกาสตกค้างบริเวณชายหาด ถูกพัดพาลงทะเล และกลายเป็นขยะทะเลประมาณ 30,239-45,358 ตัน

สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ ค้นพบขยะพลาสติกที่มีอายุย้อนหลังไปถึง 10 ปี ในแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้โครงการวิจัยกำจัดขยะพลาสติกจากแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ แสดงให้เห็นว่าขยะที่เราทิ้งวันนี้อาจจะไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงลอยไปอยู่ตามระบบนิเวศ

เครื่องมือ AI สู่ข้อมูล สู่การออกแบบนโยบาย

แนวโน้มการผลิตและบริโภคพลาสติกทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 736 ล้านตันในปี 2040 เพิ่มขึ้นมากกว่า 70% จาก 435 ตันในปี 2563 โดยเฉพาะในภูมิภาคที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกา

ข้อมูลที่ได้จากการใช้เทคโนโลยี AI และกล้องตรวจจับขยะตั้งแต่ปี 2564 ถึงปี 2567 จะกลายเป็น “ฐานข้อมูลสำคัญ” สำหรับการพัฒนาแผนจัดการขยะในแม่น้ำเชิงระบบ ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มขีดความสามารถในด้านต่าง ๆ

  • สามารถระบุจุดที่มีการทิ้งขยะมาก เพื่อนำไปวางแผนป้องกัน
  • พัฒนานโยบายหรือมาตรการลดการทิ้งขยะลงน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ส่งเสริมการจัดการขยะต้นทางในชุมชน และ
  • ประเมินประสิทธิภาพของโครงการจัดการขยะที่มีอยู่

“การแก้ปัญหาขยะเป็นความรับผิดชอบของทุกภาคส่วน ความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าขยะที่เราคิดว่าอยู่เพียงในประเทศ อาจถูกพัดพาออกสู่ทะเลและกระทบต่อประเทศอื่น”

ศ.สุชนา ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระดับนานาชาติ ในการแก้ปัญหาขยะทางทะเล โดยระบุว่า “การจัดการขยะจึงไม่ใช่เพียงปัญหาระดับชาติ แต่เป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกัน”

ในวันทำความสะอาดโลกปี 2568 ตรงวันวันที่ 20 กันยายน ซึ่งเป็นระยะเวลา 1 ปี หลังสหประชาชาติบรรจุ ‘วันทำความสะอาดโลก’ ลงปฏิทินอย่างเป็นทางการ ประเทศไทยก็มีการจัดการเก็บขยะอย่างเป็นทางการกับเจ้าภาพที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอจะจัดการกับปัญหาขยะแบบครอบคลุมได้ หรือยังไม่ได้มีการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง

การใช้เทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติในการจัดการขยะทะเล จึงแสดงให้เห็นศักยภาพของการปรับใช้นวัตกรรมเพื่อช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แม้จะไม่สามารถแก้ปัญหาพลาสติกที่ไหลลงสู่ทะเลไปแล้วได้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว การแก้ปัญหาขยะทางทะเลไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยและนานาประเทศ เพื่อดูแลทะเลของโลกให้สะอาดและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active