ลุ้นต่อวันนี้ ถึงคิว ‘กองทุนอากาศสะอาด’ – สภาฯ ไฟเขียวจังหวัดประกาศ ‘เขตมลพิษต่ำ’ ไม่ต้องรอ รมต.

ยังไม่จบ!! ถกวาระ 2 ‘ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด’ ลุยกันต่อ หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา พิจารณา ถึงมาตรา 69/13 ย้ำประเด็นสำคัญ ระบบตรวจสอบย้อนกลับ ไม่กระทบเกษตรกรรายย่อย ไม่ได้ตั้งเป้าห้ามเผาพื้นที่เกษตร ยันใช้ไฟได้ แต่ต้องตามกติกา

เมื่อวันนี้ 8 ต.ค. 68 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาวาระ 2 ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … หรือ ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่มาตรา 37/6 โดยพิจารณาจนถึงมาตรา 69/13 ก่อนปิดประชุมในเวลา 20.25 น.

มีมาตราไหนน่าสนใจ ประเด็นไหนยังเป็นข้อถกเถียง The Active รวบรวมสาระสำคัญ ระหว่างการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ ให้ได้ติดตามกัน

นิคม บุญวิเศษ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายท้วงติงการบัญญัติถ้อยคำในมาตรา 37/15 ที่ กมธ.เพิ่มขึ้น ซึ่งระบุว่า “ในกรณีที่เป็นกิจการหรือโครงการที่ต้องได้รับอนุมัติหรืออนุญาตตามกฎหมายอื่น หรือต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้คณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดพิจารณา”

นิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

โดยมองว่าการบัญญัติเช่นนี้ เสมือนว่ากฎหมายของหน่วยงานอื่นไม่มีความสำคัญ หากจะให้เป็นเช่นนั้น ควรทำการยกเลิกหมายอื่นและใช้กฎหมายฉบับนี้แทน รวมไปถึงวรรคสองที่ระบุว่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดก่อนสั่งอนุมัติหรืออนุญาต รวมไปถึงขั้นตอนการต่อใบอนุญาต ซึ่งทุกกระทรวงมีข้อกำหนดและมีกฎหมายของหน่วยงานอยู่แล้ว หากกำหนดไว้เช่นนี้ จะกลายเป็นว่าคณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดมีอำนาจมากกว่ากฎหมายอื่น จึงอยากให้ที่ประชุมพิจารณาให้ดี

บัณฑูร เศรษฐศิโรจน์ กรรมาธิการฯ จึงชี้แจงว่า ไม่ได้มีผลยกเลิกกฎหมายอื่น ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรมหรือหน่วยงานใด ๆ ที่มีอำนาจในการอนุมัติหรืออนุญาต ซึ่งมาตรา 37/15 เป็นส่วนที่เติมเข้ามาเฉพาะในส่วนของการให้คณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดเพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราการระบายสารมลพิษทางอากาศ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับหน่วยงานที่มีหน้าที่อนุมัติอนุญาต ใช้ประกอบในการออกใบอนุญาตในกิจการที่แต่ละหน่วยงานมีอำนาจหน้าที่ ซึ่งชัดเจนว่าไม่ได้เป็นการไปยกเลิกอำนาจ แต่เป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความครบถ้วนในการพิจารณา

บัณฑูร เศรษฐศิโรจน์ กมธ.อากาศสะอาดฯ

“มาตรา 37/15 คือเฉพาะในกรณีที่จังหวัดนั้นมีการประกาศพื้นที่ที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณภาพอากาศตามมาตรา 37/11 มาก่อน เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้ใช้ในทุกกรณีกับทุกจังหวัด ต้องขึ้นอยู่กับว่าจังหวัดนั้นมีการกำหนดพื้นที่ไม่ผ่านเกณฑ์ตามมาตรา 37/11 ด้วย”

บัณฑูร เศรษฐศิโรจน์

ที่ประชุมเห็นด้วยกับกรรมาธิการฯ ด้วยคะแนน 250 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง

เปิดทางจังหวัด กำหนด ‘เขตมลพิษต่ำ’

ขณะที่การพิจารณามาตรา 45/3 เกี่ยวกับ การให้อำนาจคณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดสามารถกำหนดพื้นที่ควบคุมการระบายสารมลพิษทางอากาศต่ำในเมือง ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร กรรมาธิการฯ และ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน สงวนความเห็น พร้อมอธิบายว่า เป็นการจำกัดปริมาณของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ปล่อยควันดำเป็นจำนวนมากไม่ให้เข้ามาในเขตเมือง ซึ่งมาตรานี้ คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากได้กำหนดไว้ว่า การกำหนดเขตพื้นที่ควบคุมการระบายมลพิษทางอากาศต่ำได้ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยการเสนอของคณะกรรมการวิชาการ ซึ่งเรื่องนี้มีการขอเสนอให้ตัดอำนาจของรัฐมนตรีที่จะประกาศเงื่อนไขดังกล่าวออกไปจากกฎหมาย เพื่อให้คณะกรรมการจังหวัดมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง

“สิ่งที่ผมสงวนไว้คือ ให้ตัดคำว่า ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยการเสนอของคณะกรรมการวิชาการ คือเรามองว่า ทางจังหวัดสามารถออกประกาศ Low Emission Zone ได้ด้วยตนเองเลย โดยที่ไม่ต้องรอให้รัฐมนตรีประกาศกำหนด”

ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร

ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน และ กมธ.อากาศสะอาดฯ

หลักการและเหตุผล คือ

  1. ปัจจุบัน ถ้าเห็นตัวอย่างจาก กทม. มีการประกาศ Low Emission Zone ปลายปีที่แล้วกับต้นปีนี้ เป็นการประกาศด้วยตนเองโดยที่ไม่ต้องรอ จึงเห็นว่าไม่จำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายถอยหลังกลับไปย้อนพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ กทม. ใช้มาแล้ว

  2. การให้รัฐมนตรีมาออกประกาศกำหนด เป็นการประกาศที่เป็นภาพกว้างมาก แต่ละพื้นที่ต่างกัน การจะมาออกประกาศกำหนดไม่ได้ตอบโจทย์ใด ๆ เลย ควรให้จังหวัดมีอำนาจในการออกประกาศด้วยตนเองโดยที่ไม่ต้องรอ

ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ โดยเห็นด้วยกับ ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ กรรมาธิการฯ ผู้สงวนความเห็น 

ต่อมาใน ส่วนที่ 3/1 เกี่ยวกับ ภาคเกษตรกรรม ที่รวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ พื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมด ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งข้อสังเกตว่า หากบัญญัติไว้เช่นนี้ในมาตรา 50/5 เมื่อกฎกระทรวงกำหนดสินค้าเกษตรปลอดการเผา ซึ่งคำจำกัดความของผู้ประกอบธุรกิจเกษตร หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการแปรรูป จำหน่าย นำเข้า ส่งออก ผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งแม้ว่าไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่ก็ยังไม่มีมาตรฐานตามที่กรรมาธิการฯ กำหนดไว้ อาจทำให้กระทบต่อผู้ประกอบการและเกษตรกร มองว่าการกำหนดเช่นนี้ ได้คำนึงถึงสภาพความเป็นอยู่ของประเทศไทยหรือไม่

ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา

“ผมเห็นด้วยว่าอยากจะให้มีอากาศสะอาด เพราะลูกหลานของเราจะได้สุขภาพแข็งแรง แต่ความเป็นจริงมันเป็นไปได้ไหม ถ้าปฏิบัติไม่ได้ บังคับไม่ได้ ก่อให้เกิดความวุ่นวาย กระทบต่อธุรกิจ กระทบต่ออาชีพของพี่น้องเกษตรกร ท่านคำนึงหรือไม่ว่าถ้าเกษตรกรรมจะกระทบขนาดไหนกับ พ.ร.บ. ฉบับนี้

ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ

กรรมาธิการฯ จึงชี้แจงว่า ได้คำนึงถึงความเป็นไปได้และความเป็นธรรมระหว่างภาคเกษตร ภาคคมนาคม และภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคเกษตรใน มาตรา 50/8 ระบุว่า อนุญาตให้ใช้ไฟหรือเผาพื้นที่เกษตรในระหว่างที่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต การจัดการการแพร่ระบาดของศัตรูพืช ซึ่งกรรมาธิการฯ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องปราศจากการเผา หรือไม่ให้ใช้ไฟ แต่สามารถใช้ได้ต้องเป็นไปตามกฎกติกาที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ซึ่งในที่ประชุมก็มีมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการฯ ในมาตรา 50/5 ที่คณะกรรมาธิการเพิ่มขึ้นใหม่

มาตรา 50/8 ที่คณะกรรมาธิการเพิ่มขึ้นใหม่ ฐิติมา ฉายแสง สส. ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามว่า วรรคสองที่บอกว่าให้ติดตั้งหรือปรับปรุงระบบตรวจสอบสารมลพิษทางอากาศ ติดตั้งอย่างไร ใช้งบประมาณเท่าไร หมายความว่าให้เกษตรกรดำเนินการหรือไม่

“ตอนนี้สถานการณ์เกษตรกรก็จะตายกันอยู่แล้ว ยังจะให้มาทำอย่างนี้อีก แล้วก็ตอบไม่ได้ด้วย ถามว่าได้คิดเรื่องนี้กันหรือเปล่าที่ออกกฎหมายกัน”

ฐิติมา ฉายแสง

รศ.วิษณุ อรรถวานิช กมธ.อากาศสะอาดฯ

รศ.วิษณุ อรรถวานิช กรรมาธิการฯ กล่าวชี้แจงว่า ในเรื่องระบบการตรวจสอบย้อนกลับ หากดูในมาตรากฎหมายตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเพียงพอในมิติของกฎหมายเชิงภาพรวม แต่ว่าในรายละเอียดหลักการว่าจะทำเรื่องระบบตรวจสอบย้อนกลับอย่างไร ตรงนั้นจะเป็นระเบียบประกาศในขั้นตอนต่อไป แต่โดยหลักการในต่างประเทศเองก็มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งเรามีข้อมูลกันอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น กรมส่งเสริมการเกษตร ก็มีข้อมูลพิกัดรายแปลง มีระบบดาวเทียมที่สามารถตรวจจับเรื่องการเผา จุดความร้อน และหากมีการเชื่อมโยงต่อถึงผู้ประกอบการ

“เวลาที่พ่อค้ารายย่อยรับซื้อผลิตผลจากเกษตรกรและส่งต่อมาที่พ่อค้ารายใหญ่ หากมีระบบตรวจสอบย้อนกลับที่สามารถย้อนกลับข้อมูลได้ ก็จะสามารถรู้ได้ว่าแปลงไหนเกษตรกรเผาหรือไม่เผา นอกจากนี้ ยังมีเรื่องระบบดัชนีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่สามารถนำมาใช้ตรวจสอบย้อนกลับเรื่องของสารมลพิษอีกทางหนึ่งได้”

รศ.วิษณุ อรรถวานิช

ขณะที่ ภัทรพงษ์ เสริมว่า ในวรรคที่สองนี้เป็นเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดกำหนด ว่าพื้นที่เกษตรกรรมแบบไหนต้องมีการติดเครื่องมือตรวจวัดแบบนี้ เราไม่ได้หมายถึงให้รวมทุกพื้นที่ และไม่ได้หมายถึงว่าให้เกษตรกรรายย่อยต้องติดเครื่องมือเหล่านี้ แต่หากเป็นเกษตรกรรมที่คณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดมองว่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่

“หรือพูดง่าย ๆ คือเป็นของนายทุนขนาดใหญ่ที่สามารถติดเครื่องมือตรวจวัดเหล่านี้ได้ คณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดก็จะเป็นคนกำหนดหลักเกณฑ์ว่าหากเป็นลักษณะนี้คุณต้องติดตั้ง ไม่อยากให้กังวลว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นการเขียนโดยไม่คำนึงถึงเกษตรกรรายย่อย แต่เป็นการกำหนดให้เกษตรกรรายใหญ่หรือกลุ่มทุนเท่านั้นเอง”

ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร

ท้ายที่สุด หลังจากที่ประชุมมีมติเห็นชอบในมาตรา 69/13 ที่ทางคณะกรรมาธิการเพิ่มขึ้นใหม่แล้ว มีสมาชิกจากพรรคเพื่อไทย เสนอให้ที่ประชุมเดินหน้าต่อในมาตราถัดไป เนื่องจากเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีความสำคัญและต้องเร่งพิจารณาเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน 

ขณะที่สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ทักท้วงว่า ตามข้อตกลงของวิปฝ่ายรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน มีข้อสรุปว่าจะพิจารณาถึงเวลา 20.00 น. ประธาน จึงสั่งปิดประชุมเวลา 20.25 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อนำไปพิจารณาต่อวันนี้ (9 ต.ค. 68)

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active