ภาคประชาชน จี้เพิกถอน MOU แร่โลก ไทย–สหรัฐฯ โดยเร็วที่สุด

27 เครือข่ายทั่วประเทศ ลงชื่อค้าน MOU ล่าแร่โลก แรร์เอิร์ท ชี้ ละเมิดกฎหมายแร่ไทย หวั่น ซ้ำรอยสัญญาโปแตช–เหมืองทองคำยุคเก่า เตือนอย่าผลักไทย เป็นสมรภูมิชิงแร่หายากระหว่าง สหรัฐฯ–จีน

วันนี้ (30 ต.ค. 68) นักปกป้องสิทธิมนุษยชน, เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ และคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) เปิดปฏิบัติการ “หยุดดีลลับแร่ธาตุสำคัญ MOU ไทย–สหรัฐฯ” เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านและแถลงการณ์ กรณี บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน หรือที่รู้จักกันในชื่อ MOU ไทย–สหรัฐฯ แร่ธาตุสำคัญ

แถลงการณ์ชี้ว่า รัฐบาลไทยเคยกระทำผิดพลาด 2 ครั้งสำคัญ คือ สัญญาให้สิทธิสำรวจและผลิตแร่โปแตช จ.อุดรธานี ปี 2527 ครอบคลุมพื้นที่ 1.5 ล้านไร่ และ สัญญาสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำแปลงที่สี่ พื้นที่น้ำคิว–ภูขุมทอง จ.เลย ปี 2534 ครอบคลุมกว่า 340,000 ไร่

โดยทั้ง 2 สัญญา กระทำเกินขอบเขตกฎหมายแร่ของไทย เป็นการ “จับจองพื้นที่ล่วงหน้า” ทั้งที่ยังไม่ได้รับสัมปทาน และไม่มีบทบัญญัติใดในกฎหมายแร่ที่อนุญาตให้ทำได้

“สัญญาเหล่านี้เป็นการผูกขาดในระบบสัมปทานอีกชั้นหนึ่ง และมีลักษณะเป็นสัญญานิรันดร ไม่มีวันสิ้นสุด ต่างจากกฎหมายแร่ไทยที่กำหนดอายุสัมปทานชัดเจน”

แถลงการณ์ ยังระบุว่า MOU ไทย–สหรัฐฯ มีลักษณะละเมิดกฎหมายในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้ สหรัฐฯ เคยมีบทบาทวิพากษ์วิจารณ์จีนเรื่องการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงที่ส่งผลต่อประเทศลุ่มน้ำตอนล่าง แต่กลับเลือกจะสนับสนุนข้อตกลงที่อาจนำพาผลกระทบในลักษณะเดียวกันมาสู่ภูมิภาคนี้

เตือน MOU จะเปลี่ยน ‘อันดามัน’ เป็นเมืองมลพิษเหมืองแร่

แถลงการณ์ ยังกล่าวถึงอดีตของ ทะเลอันดามัน ที่เคยเปลี่ยนผ่านจากเมืองเหมืองดีบุกสู่เมืองท่องเที่ยว หลังเหตุการณ์ชาวบ้านเผาโรงงานแทนทาลัม ที่ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2529 ซึ่งแร่แทนทาลัมเป็นหนึ่งในแร่สำคัญใน MOU ไทย–สหรัฐฯ

“MOU ฉบับนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนโฉมผืนแผ่นดินภาคใต้ให้กลายเป็นฐานการลงทุนใหม่ของต่างชาติผลักดันการสำรวจและทำเหมืองแร่สำคัญและแร่หายากที่อยู่ร่วมกับสายแร่ดีบุกในอันดามัน”

แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ ไม่ผลักดันไทยสู่การพัฒนาเชิงทำลายสิ่งแวดล้อมเพื่อผลประโยชน์ของตลาดแร่โลก ซึ่งกรณีที่รัฐบาลไทย ประกาศว่าไทยเป็นแหล่ง “แร่ลิเทียมอันดับ 3 ของโลก” โดยระบุว่า เป็นความเข้าใจผิด เพราะตัวเลข 14.8 ล้านตันนั้นคือปริมาณในเนื้อหิน หากสกัดบริสุทธิ์จะเหลือเพียง 31,080 ตัน ซึ่งไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และยังต้องแลกกับผลกระทบรุนแรงจากการใช้น้ำและสารเคมีพิษสูงนี่คือการรีดเลือดปูของแท้ และไทยยังไม่มีเทคโนโลยีสกัดบริสุทธิ์ได้ 

ภาคประชาชน ยังเรียกร้องให้ สหรัฐฯ ควรเป็นมิตรกับประชาชนไทยมากกว่ารัฐบาลไทย ที่ถดถอยประชาธิปไตย ไม่ควรมองไทยเป็นสมรภูมิชิงแร่สำคัญกับจีน เพราะจะนำไปสู่การทำลายสุขภาวะของประชาชน และทำลายประชาธิปไตยในไทย พร้อมเรียกร้องให้ เพิกถอนหรือยกเลิก MOU ดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active