หลังปิดตัวจากน้ำทะเลกัดเซาะ พบคนป่วยเดือดร้อน เข้าไม่ถึงระบบสุขภาพ ด้าน กทม. ใช้พื้นที่โรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ เป็นศูนย์บริการสาธารณสุข สาขา ชั่วคราว เตรียมเก็บสถิติจำนวนผู้ป่วย หากพบความต้องการสูง พร้อมยกระดับเป็นศูนย์แพทย์ชุมชน
วันนี้ (2 ต.ค. 2566) ที่ชุมชนบางขุนเทียน กทม. ศูนย์บริการสาธารณสุข 42 สาขาพิทยาลงกรณ์ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเป็นวันแรก หลังจากที่ยุติการให้บริการไปกว่า 2 ปี ทำให้ชาวบ้าน 4 ชุมชนในเขตบางขุนเทียนซึ่งมีลักษณะเฉพาะ บางชุมชนอยู่กลางทะเลเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข หน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้าน และร้องเรียนมายัง Thai PBS ให้ช่วยประสานแสวงหาความร่วมมือให้ชุมชนได้กลับมามีศูนย์บริการสาขาฯ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อน เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
ทวีพร โชตินุชิต รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. เดินทางมาตรวจสถานที่ที่ใช้เป็นศูนย์บริการสาธารณสุข สาขา ชั่วคราว ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ ด้านหน้าบริเวณทางเข้า ซึ่งตอนนี้เปิดให้บริการเกือบ 100% โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์สาขาจำนวน 4 คน ประกอบด้วยพยาบาลวิชาชีพ 1 คน นักวิชาการสาธารณสุข 2 คน และเจ้าหน้าที่ทั่วไป 1 คน ให้บริการกับคนทุกสิทธิ์สุขภาพ รวมถึงแรงงาน ข้ามชาติสามารถใช้บริการได้เช่นกันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
“หลังจากนี้ จะเก็บข้อมูลเชิงสถิติจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการ โดยหากมีความต้องการเป็นจำนวนมาก อาจพิจารณายกระดับจากศูนย์บริการสาธารณสุขสาขา เป็นศูนย์แพทย์ชุมชนเมือง มีแพทย์มาประจำลักษณะเป็นคลินิก รับรักษาโรคทั่วไปได้”
ทวีพร โชตินุชิต
รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่ชาวบ้านส่งหนังสือร้องเรียนให้เปิดให้กลับมาเปิดศูนย์บริการสาธารณสุข ก็เร่งรัดดำเนินการ เนื่องจากเห็นความต้องการ และความเดือดร้อนของชุมชน กระทั่งสามารถเปิดให้บริการได้ตามที่สัญญาไว้กับชาวบ้านคือต้นเดือนตุลาคม ส่วนอาคารศูนย์บริการสาธารณสุขหลังเก่าทรุดโทรมยากที่จะซ่อมแซมอีก จากปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะ และเนื่องจากมีสภาพเป็นที่ดินรกร้าง สถานีดับเพลิงต้องการจะขอใช้พื้นที่ดังกล่าวเข้ามาตั้งเป็นสถานีดับเพลิงย่อยให้กับชุมชน ซึ่งสถานที่ตั้งของศูนย์บริการสาธารณสุขสาขาที่อยู่ในโรงเรียนก็ถือว่าเหมาะสม เป็นประโยชน์ทั้งชุมชนและได้ทั้งงานอนามัยโรงเรียนด้วย
ด้าน คงศักดิ์ ฤกษ์งาม ตัวแทนชุมชนบางขุนเทียน กล่าวว่าดีใจอย่างมากที่ศูนย์บริการสาธารณสุข สาขาพิทยาลงกรณ์ ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงนี้ ก็รู้สึกอุ่นใจ แต่นอกจากการให้บริการทำแผล และรักษาเจ็บโรคเจ็บป่วยเล็กน้อย แล้วยังคาดหวังให้ทำงานส่งเสริมและป้องกันโรคเชิงรุก เริ่มนับ 1 การสำรวจข้อมูลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางในชุมชน ที่ควรได้รับการดูแลหรือไปเยี่ยมบ้าน เปลี่ยนสายปัสสาวะ และเข้าถึงสิทธิส่งเสริมป้องกันโรคต่างๆเช่นการแจกผ้าออมผู้ใหญ่ ให้กลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งมีอยู่หลายรายทั้งที่อยู่บนฝั่ง และอยู่ในชุมชนกลางทะเล โดยชาวบ้านและเครือข่าย อสส. พร้อมจะร่วมมือกับ กทม. ในการค้นหาผู้ป่วย และพัฒนาระบบสาธารณสุขชุมชนไปด้วยกัน
