ย้ำ ‘บันทึกไม่ครบ’ ไม่เท่ากับ ‘ไม่ได้รักษา’ เสี่ยงกระทบงบฯ รพ. โดยไม่เป็นธรรม เสนอใช้ผลตรวจในเชิงพัฒนา แทนการลงโทษ พร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมต่อผู้ให้บริการ
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา ตัวแทนจาก 4 องค์กรแพทย์ ได้แก่ เครือข่ายโรงพยาบาลในกลุ่มสถาบันแพทย์แห่งประเทศไทย (UHosNet), ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด, ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน, และ ชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ยื่นจดหมายเปิดผนึก (เลขที่ 116/2568) ถึง สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านแนวทางใน (ร่าง) ประกาศการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2569 ที่ใช้ผลการสุ่มตรวจเวชระเบียนเพียง 3% มาขยายผลประเมินงบประมาณค่าบริการผู้ป่วยในทั้งหมด 100%
จดหมายระบุว่า แนวทางดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อโรงพยาบาล โดยเฉพาะในกรณีที่ผลการตรวจเวชระเบียนบางส่วนพบความผิดพลาดในการบันทึก (แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการรักษาจริง) แล้วถูกนำไปคิดคำนวณย้อนหลัง ส่งผลให้โรงพยาบาลถูกหักเงินค่ารักษาสูงสุดถึง 20% หรือเทียบเท่าการขยายผลมากถึง 33 เท่า

ข้อคัดค้านหลักจาก 4 องค์กร
- โรงพยาบาลไม่ปฏิเสธการตรวจสอบเวชระเบียน แต่เห็นว่าควรใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพระบบบันทึกข้อมูล ไม่ใช่ใช้เป็นเครื่องมือในการลงโทษทางงบประมาณ
- การขยายผลจากการสุ่มตรวจเพียง 3% ไปสู่ภาพรวม 100% โดยไม่มีหลักฐานเชิงสถิติชัดเจน ถือเป็นการใช้อำนาจที่ไม่เหมาะสม
- ควรตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานว่ามีการโกงหรือไม่ใช่ไม่ได้ให้บริการจริง ไม่ใช่เพียงแค่บันทึกไม่ครบก็ถือว่า “ไม่ได้รักษา”
- สปสช.เลือกใช้มาตรการเข้มกับโรงพยาบาลของรัฐ แต่กลับไม่ใช้แนวทางเดียวกันกับโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งที่ให้บริการเล็กน้อยและมีปัญหาการโกง โดยยังได้รับการเพิ่มวงเงินในปี 2569 ถึง 72%
ข้อเสนอเชิงนโยบายจากองค์กรแพทย์
- ใช้ผลการสุ่มตรวจเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาคุณภาพเอกสาร ไม่ใช่เป็นเครื่องมือในการลงโทษ
- หากจำเป็นต้องใช้ผลการสุ่มตรวจมาหักเงิน ควรมีการหารือร่วมกับโรงพยาบาลทุกประเภท เพื่อให้มีเกณฑ์กลางที่ยุติธรรม
- ควรแจ้งเตือนหรือขอความเห็นชอบจากหน่วยบริการก่อนการขยายผลผลตรวจในระดับระบบ
เนื้อหาในจดหมายยังระบุด้วยว่า “พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะรับฟังเสียงสะท้อนจากบุคลากรทางการแพทย์ในฐานะผู้ให้บริการประชาชนแทนรัฐบาล” พร้อมแนบรายชื่อผู้บริหารโรงพยาบาลที่ร่วมลงชื่อคัดค้านแนวทางดังกล่าว


เสียงสะท้อนจากเวทีรับฟังความเห็น สปสช.
ก่อนหน้านี้ในเวทีรับฟังความคิดเห็น เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 68 จัดโดย สปสช. นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ จากโรงพยาบาลราชบุรี ได้แสดงความเห็นตรงกับจดหมายดังกล่าว โดยระบุว่า “หน้าที่ของ สปสช. คือการตรวจสอบว่ามีการให้บริการจริงหรือไม่ ไม่ใช่ตรวจว่าบันทึกดีหรือไม่ดี เพราะนั่นเป็นคนละเรื่อง”
ทั้งยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันออดิเตอร์มักเลือกใช้วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ตรวจเวชระเบียนในห้องแอร์ โดยไม่ลงพื้นที่หรือสอบถามผู้ป่วยและญาติ ซึ่งกลายเป็นการโยนภาระให้กับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรในวอร์ดที่มีภาระงานสูงอยู่แล้ว
“คนไข้เยอะมาก เรารักษาจริง ปั๊มเคสจริง แต่กลับต้องมานั่งเขียนเวชระเบียนตามใจออดิเตอร์ มันไม่แฟร์”
นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์
นอกจากนี้เขายังยกตัวอย่างกรณีที่ “ลายมือหมอเขียนไม่ชัด” แล้ว auditor อ่านไม่ออก กลับตีความว่า “ไม่ได้ให้บริการ” และตัดงบประมาณค่ารักษา ทั้งที่โรงพยาบาลยังให้บริการจริงตามปกติ

ความไม่เป็นธรรมต่อ รพ.ชุมชน : บันทึกไม่ชัด ≠ ไม่ได้รักษา
ขณะที่ นพ.วรากร คำน้อย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าหลวง จ.ลพบุรี บอกว่า โรงพยาบาลชุมชนส่วนใหญ่ต้องใช้มาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาลใหญ่ ทั้งที่บุคลากรด้านเวชระเบียนโดยตรงมีน้อย เช่น แพทย์เวียน หรืออินเทิร์นที่จบและออกไปเรียนต่อ ทำให้เกิดกรณี “ไม่มีลายเซ็น” หรือ “ลงรหัสโรคผิด” ซึ่งระบบตีความว่าเป็นความผิดร้ายแรงและตัดงบ ทั้งที่เป็นเพียงข้อจำกัดด้านเอกสาร
“สมมุติว่าเราออดิผิดเกินไป โดนตัดแน่ครับ แต่ถ้าขาดไป เขาก็จ่ายเท่าที่เห็น ไม่มีการเพิ่ม ทั้งที่บางครั้ง DRG ต่ำกว่าความเป็นจริงหลายระดับ”
นพ.วรากร คำน้อย
พร้อมเสนอว่า หากออดิเตอร์ตรวจพบข้อมูลขาดหาย แต่มีหลักฐานว่ามีการให้บริการจริง ก็ควรมีระบบ “เพิ่มให้ได้” เช่น หากพบว่า DRG ควรเป็น 3 แทนที่จะเป็น 1 ก็ควรปรับวงเงินขึ้นให้หน่วยบริการอย่างยุติธรรม เพื่อสร้างแรงจูงใจในระบบการบันทึกที่ถูกต้อง
‘สมศักดิ์’ ตอบปมสุ่มตรวจเวชระเบียน ยังต้องหารือร่วมกัน
ขณะที่ รมว.สธ. ให้สัมภาษณ์ The Active ก่อนหน้านี้ในประเด็นข้อกังวลของโรงพยาบาลที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายสุ่มตรวจเวชระเบียน 3% ของ สปสช. โดยเกรงว่าจะส่งผลต่อการเบิกจ่าย โดยบอกว่า เรื่องนี้ต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง
“การตรวจแบบสุ่ม 3% แล้วนำไปใช้ตัดงบฯ ทั้งหมด อาจไม่เหมาะสม ต้องจัดเวลาให้เหมาะสม ทำความเข้าใจให้ตรงกัน ไม่ใช่ปุ๊บปั๊บตรวจแล้วลดงบเลย เพราะจะทำให้เกิดความโกลาหล”
สมศักดิ์ เทพสุทิน