เสียงจากชุมชน ถึง ‘หมอสุภัทร-แพทย์ชนบท’ ในวันที่โควิดวิกฤต เมืองกรุง

“หมอคนใต้ ยังมาช่วยเรา ทำไมเราจะไม่ช่วยหมอ” ตัวแทนเครือข่ายสิทธิบัตรทอง 50 เขต กทม. เน้นย้ำ พร้อมยอมรับไม่ได้แพทย์ชนบทบุกกรุงวันนั้น ชาวบ้าน คนจน ชุมชนแออัดนับแสนคน คงเข้าไม่ถึงการตรวจคัดกรอง เตรียมบุกทำเนียบฯ 10 โมงพรุ่งนี้ ขอความเป็นธรรมกรณีผลสอบวินัยร้ายแรง หมอสุภัทร

วันนี้ (18 ส.ค. 68) ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง 7 โซน 50 เขต กทม. (กรุงเทพเหนือ, กรุงเทพใต้, กรุงเทพกลาง, กรุงเทพตะวันออก, ธนบุรีเหนือ, ธนบุรีใต้) ร่วมกับ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ และ เครือข่ายผู้ป่วยเรื้อรัง แถลงเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่กำลังจะถูกให้ออกจากราชการ จากกรณีแพทย์ขนบทบุกกรุง ในช่วงสถานการณ์โควิด เมื่อปี 2564 ซึ่ง นพ.สุภัทร ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง และล่าสุดมีมติให้ออกจากราชการ โดยกล่าวหาว่า แบ่งซื้อชุดตรวจ ATK จากการมาตรวจคัดกรองประชาชนชาว กทม. 3 รอบ ในช่วงปี 2564 ในช่วงวิกฤตการระบาดโควิดใน กทม.

สำลี ศรีระพุก ผู้ประสานงานศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค บอกว่า ส่วนใหญ่ที่ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองอยู่ในชุมชนแออัด เมื่อมีการระบาดจึงเกิดความวุ่นวาย ซึ่งในช่วงนั้นชุดตรวจ ATK หาไม่ได้ง่าย ๆ มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ สำหรับคนในชุมชนถือว่าราคาสูงมาก การมีหมอสุภัทร และทีมแพทย์ชนบท เข้ามา จึงถือว่ามีส่วนช่วยประชาชนได้อย่างมาก

ปราณี อุ่นแอบ ผู้ประสานงานศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค บอกว่า รับผิดชอบในส่วน กทม.ตะวันออก ในตอนนั้นชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับโควิดเลย ไม่รู้ว่าติดต่อ แพร่เชื้ออย่างไร จะป้องกันตัวเองอย่างไร จะทำอย่างไรให้ตัวเองปลอดภัย ไม่รู้ด้วยว่าจะไปตรวจที่ไหน การที่ทีมแพทย์ชนบทมาช่วยในตอนนั้น ทีมหมอสุภัทร ได้ช่วยคัดกรองได้หลายพันคน โดยที่ประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย โดยเฉพาะชุดตรวจ ATK สิ่งนี้ประชาชนจึงรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก

“ตอนนั้นถ้าไปรอตรวจที่โรงพยาบาล ก็ต้องรอคิว ไปคลินิกก็ต้องเสียเงินจำนวนมาก พอรู้ว่าทีมแพทย์ชนบทมาช่วยตรวจให้ฟรี ATK ได้มาตรฐาน และไม่ใช่แค่ตรวจ แต่ถ้าใครติดก็ให้ยา มีคำแนะนำ การจัดหาสถานที่ดูแลให้ด้วย บ้านไหนออกมาตรวจไม่ได้ มีคนพิการ ทีมหมอก็ลงไปดูให้ถึงบ้าน คนที่ติดเชื้อ หมอก็แนะนำการดูแล มีมูลนิธิช่วยดูแล ส่วนไหนที่ต้องไปศูนย์พักพิง ก็ช่วยกันประสานให้”

ปราณี อุ่นแอบ

เตือนใจ เกษมศรี ผู้ประสานงานศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง เครือข่ายสลัมสี่ภาค เปิดเผยด้วยว่า ในตอนนั้นรับประสานงานกว่า 80 ชุมชน ชาวบ้านไม่รู้ว่าจะมีโรคระบาดร้ายแรง คนในชุมชนได้ยินแต่เสียงรถไซเรนวิ่งผ่านไปมาทั้งวัน ก็เกิดความกลัว เพราะระบบสาธารณสุขก็รับไม่ไหว

“ประชาชนมาด้วยแววตาหวาดกลัว หมอตรวจ ซักประวัติ มียายคนหนึ่งถามว่า “ยายจะตายไหม จะอยู่รอดไหม” สิ่งนี้สะท้อนว่า ประชาชนกลัว โควิดติดง่าย ตายไว โรงพยาบาลสนามก็เต็ม หมอไม่พอ ทีมหมอต่างจังหวัดจึงเป็นความหวังของคน กทม. ที่จะรักษา”

เตือนใจ เกษมศรี

เตือนใจ บอกอีกว่า ในเวลานั้นหมอสุภัทร ไม่เพียงช่วยตรวจคัดกรอง แต่ยังได้ขับเคลื่อนจนเกิดเป็นเครือข่าย ComCovid ช่วยวางแผนการดูแล การตรวจ ว่าจะลงพื้นที่ไหน ยอมรับว่า แม้เป็นงานที่เหนื่อย แต่ช่วยประชาชนไม่ให้เจ็บป่วย ล้มตายได้มาก

ฐิตินัดดา รักกู้ชัย ผู้ประสานงานศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยอมรับว่า ความวิกฤตในช่วงนั้น จะตรวจก็ต้องรอคิว ทุกคนจองคิวข้ามวัน กว่าจะได้ตรวจ เข้าไม่ถึง ATK หายากมาก พอมีการประสานว่าจะมีทีมแพทย์ชนบท ลงมาช่วยเหลือก็ตอบรับทันที คิดว่าเป็นประโยชน์

“หมอคนใต้ ยังมาช่วยเรา ทำไมเราจะไม่ช่วยหมอ”

ฐิตินัดดา รักกู้ชัย

เบญจวรรณ รัตตกุล เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ย้ำว่า ทีมหมอสุภัทร ทำงานได้อย่างจริงจังมาก ตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่ละชุมชนต้องเจอประชาชนที่มาคัดกรองไม่ต่ำกว่าพันคน รู้สึกว่าทีมแพทย์ชนบททำงานได้อย่างเต็มที่ แต่ทำไมต้องโดนแบบนี้

ชนัญชิดา ตัณฑะผลิน ที่ปรึกษาศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ย้ำว่า สถานการณ์เวลานั้นสับสนวุ่นวาย พอมีทีมแพทย์ชนบทมาลงพื้นที่ ก็ประชุมกันทันที เครือข่ายก็ให้ข้อมูลทุกอย่าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือต้องแก้ปัญหาหน้างานทุกครั้ง เช่น ประสานชุมชนบอกมาก 500 คนแต่ความจริงมากันหลายพันคน พื้นที่ไม่เพียงพอ สถานที่ไม่พอ ทุกอย่างที่หมอสุภัทร และทีมแพทย์ชนบทต้องเจอทุกวัน คือต้องปรับหน้างาน

“หมอสุภัทร พยายามทำให้โปร่งใส หมอลงมาช่วยให้คน กทม.พ้นวิกฤต ตรวจไปกว่า 2 แสนคน เจอกว่า 2 หมื่นคน ก็ได้แจกยา ได้รับวัคซีน ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าระบบสาธารณสุขอยู่ตรงไหน เราคิดว่า กทม.มีเจ้าภาพอยู่แล้ว แต่จริง ๆ กระทรวงสาธารณสุขต้องลงมาช่วยแล้ว เราปฏิบัติงานกับแพทย์ชนบทมา เราไม่เห็นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขเลย”

ชนัญชิดา ตัณฑะผลิน

ขณะที่ กรรณิการ์ กิจติเวชกุล ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ และ สมชาย กระจ่างแสง คณะอนุกรรมการ สปสช. ย้ำว่า การออกมาวันนี้ไม่ใช่การแสดงพลังกดดันไม่ให้เกิดการตรวจสอบ แต่ที่มาเรียกร้อง คือการขอความเป็นธรรมให้กับหมอสุภัทร และข้าราชการในระบบอื่น ๆ ด้วย

ทั้งนี้ได้มีแถลงการณ์ร่วม ดังนี้

1. ให้คณะกรรมการเปิดเผยข้อมูลและหลักฐานการสอบสวนที่ให้ออกจากราชการว่าทำอะไรผิด ได้พิจารณาข้อมูล หลักฐาน ระเบียบสถานการณ์ขณะนั้นอย่างครบถ้วนหรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะแนวทางปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคโควิด-19
   
   
2. ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ความเป็นธรรมกับ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ

ในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค. 68) เครือข่ายฯ เตรียมไปยื่นหนังสือต่อ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ในเวลา 10 โมงที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย