ถึงเวลาหยุด “ล้อเลียน” พบเด็กไทย 1 ใน 4 คิดทำร้ายตัวเอง

เฉพาะปี 68 มีกว่า 4 หมื่นคน ถูกกลั่นแกล้งด้วยการล้อเลียนมากที่สุด สบส. มุ่งสื่อสาร เตือนภัย สร้างสภาพแวดล้อมปลอดภัย

วันนี้ (8 ก.ย.68) ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข  เครือข่ายเฝ้าระวังพฤติกรรมการถูกกลั่นแกล้งรังแก (บูลลี่) ในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย” แถลงผลการดำเนินการเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ “พฤติกรรมการถูกกลั่นแกล้งรังแก (บูลลี่) ของเด็ก และเยาวชนไทย” ร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังพฤติกรรมระดับพื้นที่

ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลกลุ่มเด็กและเยาวชน อายุ  7-25 ปี จำนวน 41,944 คน ในปี 2568 พบเด็กและเยาวชนเคยมีประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้ง สูงถึง 65.54% โดยมีวิธีการกลั่นแกล้งที่พบสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

  • ถูกล้อชื่อ พ่อ แม่ คนในครอบครัว 40.97%
  • ถูกล้อเลียนรูปร่างหน้าตา บุคลิก 37.95% 
  • ถูกประชิดตัวจนรู้สึกอึดอัด 30.38%
  • ถูกทำร้ายร่างกาย เช่น เตะ ตี ต่อย ตบ ผลัก 28.28%
  • ถูกกระทำให้รู้สึกด้อยกว่าคนอื่น เช่น เหยียดหยามหรือไม่รับฟังความคิดเห็น 26.27%

โดยส่วนใหญ่จะถูกกลั่นแกล้งโดยเพื่อน  73.53% และสถานที่ที่มักเกิดการกลั่นแกล้งมากที่สุด คือ โรงเรียน  83.35% ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งได้รับผลกระทบทางจิตใจ โดยส่วนใหญ่รู้สึกอับอาย 61.53% โกรธแค้นหรืออยากเอาคืน 54.52% รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่ค่อยมีพลัง 51.38% และมากกว่า 1 ใน 4 (29.03%) มีความคิดทำร้ายตัวเอง

ด้าน นพ.อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังข้างต้น แสดงให้เห็นว่าเด็กและเยาวชนที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกกลั่นแกล้งรังแก มักจะได้รับผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจ จนอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล เกิดพฤติกรรมทำร้ายตนเอง หรือปัญหาพฤติกรรมอื่นๆ ในระยะยาวตามมา

เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และดูแลสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนไทยอย่างครอบคลุม กรม สบส.จะเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรมสุขภาพจิต ฯลฯ เพื่อจัดการปัจจัยเสี่ยง พร้อมผลักดันโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ “พฤติกรรมการกลั่นแกล้งรังแก” และเพิ่มความเข้มข้นในการสื่อสาร เตือนภัยเรื่องผลกระทบจากการกลั่นแกล้งรังแกอย่างต่อเนื่อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active