แนะ กำหนดเพดานกำไรสูงสุด 30–40% เผยราคาออนไลน์ให้ประชาชนตรวจสอบได้ ผลักดัน Prescription Portability ลดการผูกขาด เปิดตลาดแข่งขันเป็นธรรม เสนอเดินหน้าเป็นขั้นตอน ไม่กระทบระบบซัพพลายเชน และลดภาระค่ารักษาอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 68 ชมรมเภสัชชนบท โพสต์ระบุถึงรัฐบาล กรณีประกาศเดินหน้านโยบาย “คุมราคายาและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลเอกชน” โดยระบุว่าแม้ไม่ใช่ first priority ในเชิงเศรษฐกิจมหภาค แต่ถือเป็นประเด็น Good politics – Low economic impact ที่อาจสร้างคะแนนนิยมให้รัฐบาล แม้จะอยู่ในอำนาจเพียง 4 เดือน
ที่ผ่านมา ยาถูกจัดเป็น สินค้าควบคุม ตามพระราชบัญญัติควบคุมราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มายาวนาน แต่ยังไม่เคยบังคับใช้ได้จริง เนื่องจากหน่วยงานเจ้าภาพ เช่น กรมการค้าภายใน และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีบทบาทที่ไม่ชัดเจน กรมการค้าภายในไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านยา ขณะที่ อย.ดูแลเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยมากกว่าด้านราคา
ชมรมเภสัชชนบท ชี้ว่า ตลาดยามีโครงสร้างซับซ้อน ราคาที่โรงพยาบาลจำหน่ายไม่ได้สะท้อนราคาหน้าโรงงาน เพราะมีหลายชั้นของต้นทุนและกำไร ตั้งแต่ผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย ไปจนถึงโรงพยาบาลเอกชน หากรัฐคุมราคาปลายทางโดยตรง ย่อมกระทบต่อรายได้หลักของโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ และอาจเกิดแรงล็อบบี้อย่างหนัก
ข้อเสนอเชิงนโยบายของชมรมเภสัชชนบท ได้แก่
- ใช้กลไก ราคากลาง (Reference Pricing) โดยให้ อย. จัดทำบัญชียาจำเป็น และให้กรมการค้าภายในกำหนดเพดานกำไร เช่น ยา generic 100 รายการที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ต้องขายไม่เกินสัดส่วนที่กำหนดจากราคากลาง
- บังคับใช้กฎโรงพยาบาลเอกชนต้องออกใบสั่งยาให้ผู้ป่วยเลือกซื้อจากร้านขายยาภายนอกได้ เพื่อเปิดทางให้เกิดการแข่งขัน
- กำหนดให้แสดงราคาและเพดานกำไรบนฉลาก (Price Transparency) พร้อมฐานข้อมูลกลางที่ประชาชนเข้าถึงได้
- ดำเนินการแบบเป็นระยะ เริ่มจากยาที่ใช้บ่อยที่สุด 100 รายการ → เวชภัณฑ์พื้นฐาน เช่น น้ำเกลือ เข็ม ผ้าก๊อซ → ยากลุ่มโรคเรื้อรังที่มียา generic เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน
ชมรมเภสัชชนบท ยังมองว่า นโยบายนี้ของ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ถือว่าถูกทิศทางและสอดคล้องกับแนวโน้มสากล แต่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่ให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) หรือทำให้โรงพยาบาลปรับขึ้นราคาบริการอื่นแทน
“4 เดือนคือความท้าทายใหญ่ของรัฐบาล หากอย่างน้อยสามารถผลักดันระยะที่ 1 ให้เกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นแรงส่งสำคัญต่อการเดินหน้านโยบายในอนาคต”
พร้อมกันนี้ ชมรมเภสัชชนบท ยังได้ออกจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินมาตรการควบคุมราคายาและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลเอกชนอย่างจริงจัง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และสร้างความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ
