สธ. เปิดศูนย์ OSS ตรวจสุขภาพ–ซื้อประกันสุขภาพกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ครบจุดเดียว สกัดโรคระบาดชายแดน เชื่อมฐานข้อมูลสุขภาพแรงงานข้ามชาติทั่วประเทศ พร้อมใช้ระบบไบโอเมตริกซ์ยืนยันตัวบุคคล ป้องกันสวมสิทธิ์
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 68 วรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดกิจกรรม Kick Off ณ โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก พร้อมเชื่อมสัญญาณไปยัง 3 จังหวัดชายแดน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน, กาญจนบุรี และราชบุรี เพื่อเปิดตัวการดำเนินงานพร้อมกันทั่วประเทศ
กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นหนึ่งใน นโยบาย Quick Win ของรัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงาน จัดตั้ง ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service – OSS) นำร่องใน 4 จังหวัดชายแดนที่มีศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ได้แก่ ตาก, แม่ฮ่องสอน, กาญจนบุรี และราชบุรี เพื่อให้แรงงานข้ามชาติ สามารถตรวจสุขภาพและซื้อประกันสุขภาพได้ในจุดเดียว

ระบบดังกล่าวเชื่อมโยงข้อมูลกับฐานข้อมูลสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ (HINT) และพัฒนาแพลตฟอร์มกลาง FDH–Migrant Platform เพื่อให้สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ ออกใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ และซื้อประกันสุขภาพภาครัฐแบบออนไลน์ ช่วยให้หน่วยบริการสามารถตรวจสอบตัวตนได้อย่างแม่นยำ โปร่งใส และลดการใช้สิทธิ์ซ้ำซ้อน
“ในเฟส 1 จะเริ่มจาก 4 จังหวัดนำร่องดังกล่าว และมีแผนขยายบริการในเฟสที่ 2 เพิ่มเป็น 10 จังหวัด ก่อนจะต่อยอดไปสู่การให้บริการเต็มรูปแบบทั่วประเทศในเฟสที่ 3 ภายในเดือนมกราคม 2569 ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศและควบคุมป้องกันโรคตามแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
วรโชติ สุคนธ์ขจร
แรงงานข้ามชาติ 5.3 ล้านคน แต่ยังอยู่นอกระบบกว่า 1 ล้าน
นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานข้ามชาติ กว่า 5.3 ล้านคน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจ แต่ยังมีแรงงานอีกกว่า 1 ล้านคนที่ยังไม่เข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพ ทำให้เกิดความเสี่ยงทั้งต่อกระบวนการควบคุมโรค และการเพิ่มงบประมาณการรักษาของสถานพยาบาลภาครัฐ
“หากไม่มีระบบยืนยันตัวตนที่เข้มแข็ง จะเกิดปัญหาการสวมสิทธิ์ หรือปลอมแปลงข้อมูล ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ”
นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์
ใช้ระบบไบโอเมตริกซ์ ‘TRCBAS’ ยืนยันตัวบุคคล ป้องกันสวมสิทธิ์
กรมควบคุมโรค ได้พัฒนา และนำระบบไบโอเมตริกซ์ TRCBAS (Thai Red Cross Biometric Authentication System) ร่วมกับสภากาชาดไทย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือมาตรฐานในการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล โดยบูรณาการข้อมูลจาก 3 แหล่งหลัก ได้แก่
- การรายงานจากอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.)
- การคัดกรองเชิงรุกในชุมชน
- ระบบรายงานโรคของสถานพยาบาล (DDS/HDC)
ข้อมูลที่ได้จะถูกเชื่อมเข้ากับฐาน Disease Control Data Hub ของกรมควบคุมโรค เพื่อให้การเฝ้าระวังโรคเป็นแบบเรียลไทม์ ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล และเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ
ยกระดับ ‘ความมั่นคงทางสุขภาพ’ ลดภาระงบประมาณรัฐ
การดำเนินนโยบายตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ ถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางสุขภาพชายแดน ควบคู่กับการควบคุมโรค และลดภาระงบประมาณจากกรณีเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลไม่ได้
รมช.สธ. ระบุว่า นโยบายนี้ไม่เพียงมุ่งให้แรงงานข้ามชาติ มีหลักประกันสุขภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ประเทศลดภาระค่ารักษาพยาบาล และสามารถควบคุมโรคในพื้นที่ชายแดนได้อย่างยั่งยืน
ระบบสุขภาพโปร่งใส–เป็นธรรม คือเป้าหมาย
อธิบดีกรมควบคุมโรค สรุปว่า ระบบยืนยันตัวตนแรงงานข้ามชาติด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการยกระดับระบบสุขภาพให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งแรงงานข้ามชาติ นายจ้าง หน่วยบริการ และรัฐ
“การยืนยันตัวตนแรงงานข้ามชาติด้วยไบโอเมตริกซ์ ไม่เพียงช่วยป้องกันการสวมสิทธิ์ แต่ยังสร้างระบบสุขภาพที่ปลอดภัย โปร่งใส และยั่งยืนต่อประเทศ”
อธิบดีกรมควบคุมโรค