เร่งฟื้น ‘ร้านยาคุณภาพใกล้ฉัน’ หลังน้ำท่วม ช่วยผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางเข้าถึงยา

พบ ‘ร้านยาคุณภาพใกล้ฉัน’ ในพื้นที่หาดใหญ่ เสียหายหลายแห่ง สปสช. ชูมาตรการพิเศษ ส่งรถจ่ายยาเคลื่อนที่ เชื่อมเทเลเมดิซีน ลดผลกระทบเข้าถึงยากลุ่มเปราะบาง ให้ผู้ป่วยรับยาได้ทันที พร้อมไฟเขียว อปท. ใช้งบฯ ฉุกเฉินล่วงหน้า 1 แสนบาท เสริมงบฯ ฟื้นฟูอุปกรณ์จำเป็น อนุโลม รพ.บันทึกรหัส ‘X38000 อุทกภัยน้ำท่วม’ เบิกจ่ายได้ต่อเนื่อง บริการไม่สะดุด

วันนี้ (3 ธ.ค. ​68) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยกับ The Active ว่า หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่งผลให้ ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ “ร้านยาคุณภาพใกล้ฉัน” ถูกน้ำท่วมหลายแห่ง และไม่สามารถให้บริการประชาชนที่ใช้สิทธิบัตรทองรับยาฟรีที่ร้านยาใกล้บ้านได้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และผู้มีรายได้น้อยที่พึ่งพาร้านยาเหล่านี้เป็นประจำ ขณะที่โรงพยาบาลสนามเริ่มทยอยปิดลง ทำให้ประชาชนมีความกังวลเรื่องการเข้าถึงยาและบริการเบื้องต้น

นพ.จเด็จ บอกว่า ขณะนี้ สปสช.กำลังเร่งสำรวจความเสียหายของหน่วยบริการนวัตกรรมเหล่านี้ เพื่อเร่งคืนศักยภาพการให้บริการโดยเร็ว แต่ยอมรับว่าร้านยาที่ถูกน้ำท่วมทั้งสถานที่และตัวยา อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว จึงต้องมี “มาตรการเสริมทันที” เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

สปสช.ได้ส่งทีมร่วมกับบริษัทผู้ให้บริการเทเลเมดิซีน นำรถจ่ายยาเคลื่อนที่เข้าพื้นที่ โดยมีผู้ช่วยพยาบาลประจำรถหนึ่งคัน เชื่อมต่อระบบเทเลเมดิซีนให้ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับแพทย์ผ่านอุปกรณ์สื่อสารได้ และจ่ายยาให้ได้ในจุดนั้นทันที

“รถยาเคลื่อนที่แบบนี้เหมือน โมบายคลินิก โดยไม่ต้องมีแพทย์ลงพื้นที่ แต่ผู้ป่วยได้พบแพทย์ผ่านระบบเทเลเมดิซีนและรับยาได้เลย เหมาะมากในสถานการณ์น้ำท่วมที่ร้านยาและโรงพยาบาลหลายแห่งเข้าไม่ถึง”

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี

นอกจากนี้ สปสช.เปิดช่องทางให้ประชาชนแจ้งจุดที่ยังขาดบริการ โดยโทร. 1330 กด 7 เพื่อเข้าถึงเจ้าหน้าที่โดยตรง ไม่ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ เพื่อให้ช่วยเหลือเร็วที่สุด

เร่งอัดงบฯ ฉุกเฉินให้ท้องถิ่น – อนุมัติใช้ล่วงหน้าได้ทันที 100,000 บาท

เลขาธิการ สปสช. ยังระบุว่า ได้ออกหนังสือมอบอำนาจให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง เทศบาล และ อบต. สามารถอนุมัติงบฉุกเฉินล่วงหน้าได้ตามความจำเป็น วงเงินเบื้องต้น 100,000 บาท โดยไม่ต้องรอขั้นตอนปกติ เพื่อให้ท้องถิ่นช่วยรับผู้ป่วยออกจากบ้านหรือจัดหาอุปกรณ์จำเป็นเร่งด่วน

ที่ผ่านมา อปท. เสนอใช้เงินฉุกเฉินเข้ามาแล้วกว่า 2.6 ล้านบาท ซึ่ง สปสช. โอนงบสนับสนุนให้ทันทีในวันแรกของการเกิดเหตุ

ขณะเดียวกีน สปสช.ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมในช่วงฟื้นฟู หลังพบว่าหลายพื้นที่มีความจำเป็นสูง เช่น

  • ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่ถูกน้ำท่วม

  • น้ำยาล้างไตของผู้ป่วยไตวาย

  • อุปกรณ์ทางการแพทย์ของผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง

  • ความเสียหายต่อบ้านของผู้พิการหรือผู้สูงอายุ

โดย อนุโลมให้ท้องถิ่นทำโครงการเกินโควตาจากวงเงินปกติ และให้ สปสช. เสริมงบส่วนต่างภายหลัง ทั้งนี้ยังต้องมีการสมทบตามระบบเดิม แต่สามารถชะลอการสมทบไปปีงบประมาณหน้าได้

ขณะที่ กลุ่มผู้ป่วยเปราะบางเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ป่วยไตวายที่เสี่ยงสูงเมื่อเกิดน้ำท่วม นพ.จเด็จระบุว่า ขณะนี้ ศูนย์ล้างไตในหาดใหญ่ 16 จาก 18 แห่งกลับมาเปิดบริการแล้ว ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับการฟอกไตได้ต่อเนื่อง โดยยังไม่พบเคสเสียชีวิตจากการขาดบริการ

เปิดระบบ 1330 ติดตามเคสรายคน ใช้ ‘พยาบาลอาสา’ โทร.ประสานจนจบเคส

ขณะที่ ศูนย์ 1330 ของ สปสช.ถูกใช้เป็นกลไกหลักเพื่อติดตามผู้ป่วยในพื้นที่น้ำท่วม โดย

  • ใช้พยาบาลอาสาโทรติดตาม

  • 1 พยาบาลดูแล 1 เคสจนจบ

  • แก้ปัญหาเบื้องต้นเรื่องประชาชนโทรกลับไม่ได้เพราะแบตเตอรี่หมด

ข้อมูลจาก 1330 ยังทำให้ สปสช.ทราบความต้องการอุปกรณ์จำเป็นที่เสียหายจากน้ำท่วม เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เครื่องอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยติดเตียง จึงประสาน ไปรษณีย์ไทย ธนาคารกรุงไทย และกองทุน ทส. ส่งของช่วยเหลือถึงพื้นที่ทันที

นพ.จเด็จ บอกด้วยว่า ขณะนี้เข้าสู่ช่วงฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบ สปสช.ขอให้ท้องถิ่นใช้งบที่มีอยู่ก่อนเพื่อช่วยประชาชนโดยเร็ว หากเกินกรอบที่ได้รับก็สามารถยื่นโครงการมาให้ สปสช. พิจารณาเสริมได้ทันที โดยย้ำว่า “หน้าที่หลักคือดูแลให้ประชาชนได้รับบริการไม่สะดุดในทุกสถานการณ์”

แจ้ง รพ.น้ำท่วม บันทึกรหัส ‘X38000 อุทกภัยน้ำท่วม’ เบิกจ่ายได้ตามสิทธิ 

นพ.จเด็จ ยังเปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งประสบปัญหาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ล่ม ส่งผลต่อการบันทึกข้อมูลและการเบิกจ่ายบริการภายใต้ระบบบัตรทอง

เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ สปสช.จึง ออกมาตรการ “ผ่อนปรนชั่วคราว” ให้โรงพยาบาลสามารถดำเนินบริการไปก่อน แม้ไม่สามารถส่งข้อมูลเข้าระบบได้ครบถ้วนในช่วงนี้ โดยย้ำว่าไม่ต้องกังวลว่าจะถูกอ้างอิงข้อจำกัดทางเอกสารหรือข้อมูล

“เราไม่ต้องการให้โรงพยาบาลกังวลจนทำให้บริการสะดุด จึงอนุญาตให้ดำเนินงานไปก่อน และสปสช.จะมีระบบตรวจสอบภายหลังเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ขณะที่ระบบตรวจสอบดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อ เสริมความมั่นใจ ไม่ใช่การจับผิด โดยมุ่งป้องกันปัญหาความคลาดเคลื่อนหรือข้อสงสัยหลังผ่านพ้นวิกฤต”

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี

นอกจากนี้ สปสช.ได้ประสานกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเตรียมงบประมาณล่วงหน้าให้โรงพยาบาลที่จำเป็นต้องใช้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมติคณะกรรมการ สปสช. ที่เปิดช่องให้สามารถสนับสนุนได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ขณะที่ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ให้รายละเอียดเพิ่มถึงแนวทางการดูแลและบันทึกข้อมูลผู้ป่วยบัตรทองในพื้นที่น้ำท่วม 7 จังหวัดภาคใต้ โดยให้หน่วยบริการรักษาต่อเนื่องและเบิกจ่ายได้ตามสิทธิ พร้อมกำหนดให้บันทึกรหัสโครงการพิเศษ “X38000 อุทกภัยน้ำท่วม” ทุกครั้ง ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน มีผลตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ปกติ รวมถึงผ่อนปรนเงื่อนไขการตรวจสอบยืนยันตัวตนและการส่งข้อมูลล่าช้าในช่วงวิกฤต

สำหรับผู้ป่วยนอก สามารถเบิกค่าบริการกรณีฉุกเฉินและไม่ฉุกเฉินภายใต้ระบบ OP Anywhere ได้ตามหลักเกณฑ์ ส่วนการรักษาผู้ป่วยใน ทั้งในเขตและข้ามเขตยังเบิกจ่ายได้ตามระบบปกติ สปสช. ระบุว่าได้แจ้งแนวทางดังกล่าวไปยังหน่วยบริการทั่วพื้นที่แล้ว

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active