เว็บไซต์ ACTAi ตรวจพบความผิดปกติงบประมาณทำแอปฯประกันสังคมในการเสนอราคา และอีกหลายงบที่ไม่สอดคล้องความเป็นจริง ด้านประธานคณะกรรมาธิการฯ ชี้ การจัดสรรงบควรเปิดเผย โปร่งใส เพื่อความยั่งยืนของกองทุนฯในการรองรับโจทย์ท้าทายอนาคต
(15 ก.พ. 68) วันนี้ คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาเรื่อง “OPEN SSO HACKATHON” การศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณประกันสังคม”หวังสร้างความยั่งยืนให้กับกองทุนฯ ในการบริหารงบ โดยภายในกิจกรรมมีผู้มีส่วนได้เสียจากกองทุนประกันตนทั้ง 3 ฝ่ายมาร่วมรับฟังและระดมความคิดเห็น
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ระบบประกันสังคมเป็นกลไกสำคัญของรัฐในการคุ้มครองทางสังคม และสร้างหลักประกันความมั่นคงให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดความเสมอภาคและความเป็นธรรมในการกระจายทรัพยากร และช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานที่จำเป็นเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้และคุณภาพชีวิต
การบริหารงบประมาณของระบบประกันสังคมจึงต้องดำเนินไปอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากองทุนมีเสถียรภาพและสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำมาสู่ความจำเป็นในการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณเพื่อให้เกิดการบริหารทรัพยากรที่เหมาะสมพร้อมกล่าวว่า ความสำคัญในการเปิดเผยเรื่องจัดการงบประมาณ

ประเด็นแรก เพื่อการสร้างความมั่นคงให้กับระบบประกันสังคม โดยงบประมารของระบบประกันสังคม ถือเป็นแหล่งเงินทุนหลักในการจัดสรรสวัสดิการให้กับประชาชน หากไม่มีการวางแผนงบประมาณที่ดี อาจทำให้เกิดปัญหาด้านสภาพคล่องของกองทุนส่งผลต่อความสามารถในการจ่ายเงินให้กับผู้ประกันตนในอนาคต
“อย่างที่ผมอ่านในข่าว บางที่บอกว่าสัญญาณจะเริ่มส่อแววใน 9 ปี มีโอกาสล่มสลาย บางแหล่งข้อมูลบอกว่า 21 ปี บางที่บอก 27 ปี บางที่บอก 30 ปี แต่ยังไม่มีใครพูดว่ามันจะจีรัง ยั่งยืน”
เหตุนี้จึงมีความพยายามที่จะช่วยกันศึกษา และหาข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เพื่อรองรับสวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยกรณีว่างงาน และบำนาญสำหรับผู้สูงอายุ หากการบริการงบประมาณไม่มีประสิทธิภาพ ก็ยิ่งเกิดภาวะขาดดุลของกองทุนส่งผลให้ไม่สามารถจ่ายเงินให้กับผู้ประกันตนได้อย่างต่อเนื่อง และหากกองทุนประกันสังคมขาดสภาพคล่องอาจจะต้องพึ่งพาการกู้ยืมจากแหล่งภายนอก หรือใช้เงินสำรองที่มากเกินไปอาจส่งผลต่อเสถียรภาพการเงินในระยะยาว
ประเด็นที่สอง เพื่อการบริหารจัดการรายรับและรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบบประกันสังคมต้องมีความสมดุลโดยต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยที่สำคัญ อาทิ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร การเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงวัยที่ต้องได้รับเงินบำนาญมากขึ้น การเติบโตของตลาดแรงงาน และจำนวนผู้ประกันตน และความเสี่ยงทางเศษฐกิจที่อาจส่งผลต่ออัตราการจ้างงาน และรายได้ของกองทุน หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีก็อาจส้่ผลต่อรายจ่ายสูงกว่ารายรับ
ประเด็นที่สาม การวางแผนงบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐ อย่างเช่น งบประมาณระบบประกันสังคมต้องสอดคล้องกับนโยบายแรงงาน และแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศในอนาคต รวมถึงขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมทุกกลุ่มแรงงานได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนนโยบายแรงงานของรัฐระบบประกันตนก็ต้องมีความสามารถที่จะรองรับได้ เช่น เมื่อมีการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำก็จะส่งผลต่อเงินสมทบของลูกจ้างและนายจ้าง การพัฒนาแรงงานให้มีทักษะที่สูงขึ้นลดอัตราการว่างงานรวมถึงการขยายสิทธิประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
การขยายความคุ้มครองไปยังแรงงานนอกระบบ ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะแรงงานนอกระบบก็ไม่ได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอ เพราะฉะนั้นการวางแผนงบประมาณก็ต้องรองรับแนวทางในการเข้าถึงสิทธิของประกันสังคม
“สิ่งที่เป็นปัญหาในทางปฏิบัติไม่ใช่แค่หน่วยงานนี้ หลายๆ หน่วยงานจากแนวคิด ด้วยสังคมสมัยนี้มันต้องเปิดเผยเป็นปกติ ปกปิดเป็นข้อยกเว้น ยิ่งเรารู้ว่ากองทุนในอนาคตมีความเสี่ยง ฉะนั้นการเปิดเผยข้อมูลเป็นการปกป้องตัวเองว่าเราทำดีที่สุดแล้วเราเปิดเผยแล้ว”
ซึ่งการจัดกิจกรรมระดมความคิด HACKงบของสำนักงานประกันสังคมในครั้งนี้มีการHACKงบประมาณ
1. ภาพรวมงบบริหารจัดการสำนักงานประกันสังคม
2. ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
3. ด้านประชาสัมพันธ์
4. ด้านการอบรม พัฒนาบุคลากร
5. ด้านการเดินทางไปต่างประเทศ
6. ด้านการแพทย์
7. ด้านสวัสดิการผู้ประกันตน
8. ด้านการลงทุน
9. ด้านอื่น ๆ

พบว่ามีงบประมาณที่น่าสนใจ คือ งบประมาณด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ไปกับ แอปพลิเคชัน SSO + ซึ่งมีการใช้เงินไปราว 275 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้ไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาแอปพลิเคชัน แต่จะผูกพันไปถึงค่า maintenance ต่างๆ ของระบบที่จะทำให้แอปพลิเคชันใช้งานได้ต่อไป
ความน่าสนใจของงบส่วนนี้คือ เมื่อเอาไปตรวจสอบในเว็บไซต ACTAi ที่เป็นระบบตรวจสอบความโปร่งใส และแหล่งข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กลับพบว่า ระบบขึ้นว่ามีความผิดปกติในการเสนอราคา
อีกทั้งยังพบว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวได้รับคะแนนเรตติ้งไปเพียง 1.5 มีเสียงสะท้อนจากผู้ใช้งาน เรื่องประสิทธิภาพ ในรีวิวน่าใช้งาน แต่พอโหลดมาคนละเรื่องกันเลย ทั้งเรื่องการใช้งานและการล็อกอิน

นอกจากนี้ยังมี งบด้านการประชาสัมพันธ์ ที่ใช้ผลิตสื่อเพื่อการกระจายข่าวสารหรือข้อมูล ด้วยการทำปฏิทินมีอยู่ราว 55 ล้านบาท ปฏิทินจะได้ราว 3 แสน งบ 55 ล้านจึงไม่จำเป็น อย่างประเทศญี่ปุ่นจะมีผู้เกษียณมากขึ้น แต่ไม่แน่ใจจะเป็นด้วยหรือไม่ มันจะเป็นการยืดอายุของกองทุนประกันสังคมมากขึ้น
ขณะที่ผู้เข้าร่วมระบุว่า ผ่านมา 20 ปี ตนไม่เคยได้เห็นรูปร่างหน้าตาของปฏิทิน อีกทั้งข้อมูลในปฏิทินไม่ได้มีเนื้อหาใดเกี่ยวข้องกับระบบประกันสังคัม ฉะนั้นผู้เข้าร่วมระบุว่าหากตัดงบนี้ออกไปจะนำไปลงกับการทำสื่อบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงสื่อของประกันสังคมได้มากกว่า ยกตัวอย่าง พอร์ดแคส หากงบดังกล่าวถูกตัดไปและไม่เอาไปทำสื่อก็สามารถนำไปยืดอายุของกองทุนประกันสังคม
งบประมาณสำหรับอบรมและพัฒนาบุคลากร ก็พบความน่าสนใจว่า ในแต่ละปีการอบรมของประกันสังคมมีความคล้ายคลึงกัน เช่น การอบรมภาษาต่างประเทศ แต่พบว่างบประมาณที่ใช้เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี ทั้งที่พนักงานนั้นเป็นคนเดิม และต่อให้มีคนใหม่เข้ามางบประมาณก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้น

รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคม กล่าวว่า งบประมาณของประกันสังคมเงินเข้าปีละ 2 แสนล้านบาท จาก 3 ฝ่าย ค่าใช้จ่ายบริหารปีหนึ่งประมาณ 5 พันล้าน เทียบเท่ากับขนาดของประเทศขนาดเล็ก เงินสมทบประจำปีของระบบประกันสังคม ในมาตรา 33 และ มาตรา 39 มีราว 2 แสนล้านบาท มาตรา 40 มีราว 4,000 ล้านบาทต่อปี
ดังนั้นการบริหารจัดการงบประมาณประกันสังคม ปัจจัยที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับกองทุนประกันสังคมได้ คือต้องมีความโปร่งใส เพราะการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐส่งผลต่อประสิทธิภาพองค์กร ขณะเดียวกันต้องมีการวางแผนระยะยาวแบบมีส่วนร่วม ที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมแสดงความคิดเห็น มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความเป็นอิสระ และการออกแบบสิทธิประโยชน์ที่จูงใจการสร้างความยั่งยืนทางการเงินโดยการบริหารการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเหมาะสมกับความเสี่ยง รวมถึงรักษาสมดุลระหว่างรายรับและรายจ่าย
“ ปัจจุบันสิ่งที่สำนักงานทำ คือ ทำตามเงื่อนไขระบบราชการ ตามมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ก็คือ 30 บาทขยับไปทางไหน สำนักงานก็ขยับตามไป แต่ก็จะขยับตามด้วยข้อจำกัด มันไม่สามารถที่จะดีเท่าได้ และจะมีนิยามอีกว่าอันไหนดีเท่า อันไหนไม่ดีเท่า เช่น ทันตกรรม 30 บาทอาจจะใช้ได้เยอะแต่ว่าอาจจะคอยคิวนาน แต่ว่าทันตกรรมประกันสังคมใช้ไม่ได้เยอะ แต่ว่าใช้คลินิกเอกชนได้ จะวัดตรงไหนว่าดีไม่ดีก็มีปัญหา แต่ว่าทีนี้ การที่จะพูดถึงการยกระดับให้คนมีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าทั้งหมด ผมว่าตัวนี้เกินอำนาจบอร์ดและเกินอำนาจสำนักงาน”
อย่างไรก็ดี รศ.ษัษฐรัมย์ กล่าวว่า เราต้องการ พ.ร.บ. ชุดใหม่ และอาจจะต้องอาศัยแรงมุ่งมั่นทางการเมือง ในกระทรวงสาธารณสุขในการขยายสิทธิ์ตัวนี้ให้แก่ผู้ประกันตนทั้งหมดเลย แต่นั่นก็อาจจะหมายถึงว่างบประมาณผูกพันหลายหมื่นล้านที่จะต้องงอกขึ้นมาในส่วนนี้ และกองทุนประกันสังคมก็จะสามารถอัพเกรดไปดูแลเรื่องอื่นได้ หรือแม้กระทั่งตัดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลลงให้เหลือเป็นส่วนท็อปอัพอย่างเดียว