รศ.วีระศักดิ์ เครือเทพ ชี้ หลักการ “เชียงใหม่มหานคร” สอดคล้องแนวคิดกระจายอำนาจ แก้ปัญหาได้ตรงจุด ทั้งฝุ่น PM 2.5 ภัยพิบัติ ความเหลื่อมล้ำ พร้อมเสนอโมเดลเชียงใหม่มหานครที่ก้าวหน้ากว่ากรุงเทพฯ ด้วยโครงสร้างสองชั้น และกลไกใหม่เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน
9ส.ค.68 ระหว่างที่ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร พ.ศ. … (ร่าง พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร) กำลังอยู่ระหว่างการผลักดันอย่างเข้มข้นจากภาคประชาชนและเครือข่ายนักขับเคลื่อน เพื่อยกระดับการปกครองท้องถิ่นของเมืองเหนือให้มีอิสระและบริหารจัดการตนเองได้มากขึ้น แต่ก็มีคำถามสำคัญที่ถูกตั้งคำถามจากประชาชน คือ กฎหมายฉบับนี้จะพาเชียงใหม่ไปสู่ทิศทางไหน จะสามารถแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ได้หรือไม่ ?
The Active ชวนสำรวจเบื้องลึกของร่างกฎหมายนี้ ผ่านมุมมองของ รศ.วีระศักดิ์ เครือเทพ อาจารย์ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะวิเคราะห์ว่าทำไมร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จึงถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญ ของการปฏิรูปการบริหารจัดการเมือง ทั้งด้านการกระจายอำนาจ การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
รศ.วีระศักดิ์ เห็นว่า หลักการของร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร โดยส่วนตัว “เห็นด้วยในหลักการ” เพราะสอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจ ตามแนวคิด การปกครองตนเอง ทำให้พื้นที่มีรูปแบบการบริหารที่เฉพาะกับบริบท และมีอำนาจจัดการได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเพียงกรุงเทพมหานคร ที่เป็นรูปแบบการปกครองพิเศษ ทั้งที่จังหวัดอื่นที่มีความเจริญและความพร้อม เช่น เชียงใหม่ ก็ควรมีสิทธิบริหารจัดการในระดับเข้มข้นขึ้น เพื่อเป็น “กลจักรใหม่” ที่ช่วยพัฒนาพื้นที่ และแก้ปัญหาที่คาราคาซัง เช่น ฝุ่น PM 2.5 หรือ ภัยพิบัติ ซึ่งโครงสร้างปัจจุบันในระบบภูมิภาคยังตอบสนองได้ไม่ทันการณ์
“ผู้ว่าอยู่แป๊บ ๆ แล้วไป ล่าสุดผู้ว่าฯ เชียงใหม่ก็มาเป็นอธิบดีแล้วใช่ไหม เพราะฉะนั้นจึงไม่มีกลไกความรับผิดชอบหลักในพื้นที่ ผมเชื่อว่าลึก ๆ ของการผลักดันเชียงใหม่มหานคร คือทำให้กลไการแก้ปัญหาหลักอยู่ในพื้นที่ โดยคนในพื้นที่ เชื่อว่าโครงสร้างนี้น่าจะดีขึ้นในหลักการ”
รศ.วีระศักดิ์ เครือเทพ
งบฯ และ การจัดสรรภาษี เพื่อ “เชียงใหม่”
อีกประเด็นสำคัญ คือการกระจายทรัพยากรและงบประมาณ รศ.วีระศักดิ์ อธิบายว่าส่วนแบ่งของภาษีที่จัดเก็บได้ควรจะมีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาต่อการพัฒนาของจังหวัด โดย ภาษีที่เก็บได้จากพื้นที่ เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่ควรส่งเข้าส่วนกลางทั้งหมด ควรมีส่วนแบ่งกลับมาสู่ท้องถิ่นในสัดส่วนที่มากขึ้น เช่น ข้อเสนอ 50:50 เพื่อให้มีงบเพียงพอต่อการแก้ปัญหาและพัฒนา อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนี้ต้องเจรจาให้สมดุล เพื่อไม่กระทบการช่วยเหลือจังหวัดที่ยังขาดแคลน

คาดหวัง โมเดลเชียงใหม่มหานคร ควรก้าวหน้ากว่า กทม.
รศ.วีระศักดิ์ ระบุว่า การบริหารจัดการของ ร่าง พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร มีความคาดหวัง ให้โมเดลเชียงใหม่มหานคร ก้าวหน้ากว่ากรุงเทพฯ เพราะแม้จะมีผู้ว่าฯ เลือกตั้ง แต่ควรรักษาโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง เช่น อบจ. และเทศบาล พร้อมเพิ่มกลไกใหม่ที่จะทำให้โมเดลเชียงใหม่มหานครก้าวหน้ามากขึ้น นอกจากการมี “สภาพลเมือง” คือ อาาจะมีคณะกรรมการเฉพาะด้านเฉพาะภารกิจ อย่าง เรื่องสิ่งแวดล้อม การศึกษา เพื่อให้แก้ปัญหาได้ลึกและตรงจุดมากขึ้น โดยอาจจะแยกออกจาก อบจ. ออกจากเทศบาล
“ใช้ กทม.เป็นต้นแบบไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ เพราะ กทม.เป็นรูปแบบชั้นเดียว ยังไม่น่าสนใจ เพราะการปกครองชั้นเดียวที่ ผู้ว่าฯ กทม. ดูทั้งหมดทั้งจังหวัด คำถามคือ เป็นผู้ว่าฯ เลือกตั้ง ผู้ว่าเพียงคนเดียวจะดูทั้งจังหวัดได้อย่างไร ฉะนั้น การปกครองท้องถิ่นเชียงใหม่มหานคร นอกจากมีระดับจังหวัดผู้ว่าฯ เลือกตั้งแล้ว พวก อบต. เทศบาล ยังมีความจำเป็นอยู่ในรูปแบบสองชั้น”
รศ.วีระศักดิ์ เครือเทพ
เลือกตั้ง หรือ แต่งตั้งก็ไม่พ้น “บ้านใหญ่”
ส่วนข้อกังวลว่า การเลือกตั้งผู้ว่าอาจตกอยู่ในมือ “บ้านใหญ่” รศ.วีระศักดิ์ มองว่า วัฒนธรรมบ้านใหญ่ไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการกระจายอำนาจ เพราะระบบแต่งตั้งผู้ว่าฯ ในปัจจุบันก็มีบ้านใหญ่เช่นกัน แต่เป็นบ้านใหญ่จากกระทรวง ซึ่งจากประสบการณ์เลือกตั้งท้องถิ่นกว่า 20 ปีพิสูจน์แล้วว่า หากผู้นำไม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สุดท้ายก็จะสอบตกอย่างที่เห็นในหลายพื้นที่
รศ.วีระศักดิ์ ยังเชื่อว่า การกระจายอำนาจจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพราะหลักการปกครองตนเองคือการเปิดโอกาสให้ทุกพื้นที่ได้รับการพัฒนาอย่างทั่วถึง อีกทั้งผู้นำท้องถิ่นต้องคำนึงถึงคะแนนเสียงจากทุกพื้นที่ ไม่ใช่เพียงเขตเมือง