ยืนยันนโยบายรักษาทุกที่ไม่สะดุด แต่ขอเวลาสางปัญหา เล็งทบทวนลดจำนวนถือครองยาบ้าน้อยว่า 5 เม็ด
วันนี้ (8 พ.ค. 67) สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขครั้งแรก ว่า ได้ให้นโยบายเน้นความประหยัด และคุ้มค่า ทำแล้วเกิดผลดี ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือป่วยน้อยลง
นอกจากนี้เน้นย้ำให้ลงทุนภาคอุตสาหกรรมการแพทย์ ดึงดูดนักลงทุนมาผลิตอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ยารักษาโรค วัคซีนภายในประเทศ เมื่อยังไม่มีกฎหมายส่งเสริม ก็ต้องคิดและหาวิธีมารองรับ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนตลอด ส่วนนโยบายการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ยังคงดำเนินการต่อไป
The Active ถามย้ำว่า นโยบายรักษาทุกที่ต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหา แต่ใน กทม. ยังพบปัญหาใบส่งตัว มีความยุ่งยากซับซ้อน เกิดการรวมกลุ่มของผู้ป่วยบัตรทอง กทม. ที่ได้รับผลกระทบ จะแก้ปัญหาอย่างไร สมศักดิ์ บอกว่า ยินดีพบกลุ่มผู้ป่วยบัตรทอง กทม. เพื่อรับฟังปัญหา เข้ามาพูดคุยกัน แต่ก็ต้องมาดูว่าจะปรับอย่างไร เพราะในกรุงเทพฯ มีโรงพยาบาลเยอะ มีโรงพยาบาลเอกชนก็เยอะ ก็ต้องดูอุปสรรคปัญหา ก็จะพยายามแก้ไขให้เร็วที่สุด
”ก็ต้องทำให้ได้ แต่เราก็ยังไม่เคยประกาศไปว่า 3 วันจะต้องทำให้ได้ ก็มากันรับไม่ไหว แต่ก็ต้องทำ ต้องเคลียร์ปัญหา ผู้คนเยอะหนาแน่น คลินิกเอกชนก็เยอะ ทำอย่างไรให้ทุกอย่างมันลงตัวเราค่อยประกาศ“
สมศักดิ์ เทพสุทิน
เมื่อถามว่า ยังยืนยันนโยบายรักษาทุกที่จะครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 2567 ตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่รัฐมนตรีคนก่อนหรือไม่ รมว.สธ. ชี้ไปที่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดี ที่ยืนร่วมแถลงข่าว และบอกว่า
“ก็ต้องยืนยันว่าจะทำให้เรียบร้อย แต่อย่าไปทำแบบหยาบ ๆ ไม่เอา”
สมศักดิ์ เทพสุทิน
ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ครั้งต่อไป ซึ่ง รมว.สธ.ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. จะเข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก จะเกิดขึ้นในวันพุธ ที่ 15 พ.ค. 2567 เวลา 14.00-16.30 น.
เล็งปรับลดจำนวนถือครองยาบ้า น้อยกว่า 5 เม็ด
ส่วนนโยบายถือครองยาบ้า 5 เม็ด ถือเป็นผู้ป่วย รมว.สธ. บอกว่า จะพิจารณาจำนวนเม็ดลดลงอย่างแน่นอน และย้ำว่าการนำเสนอที่ผิดพลาด จะทำให้เกิดความยุ่งยาก คนครอบครองยาบ้า 1 เม็ดก็มีความผิด คนเสพก็มีความผิด แต่โทษแตกต่างกัน ดังนั้น ต้องดำเนินการตามแนวทางกฎหมายที่ชัดเจน
โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายเดิม ไม่มีปริมาณเล็กน้อย มีแต่ห้าม 100% มีคือผิดกฎหมาย เมื่อส่งเข้า ครม. และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งประธานเป็นอดีตประธานศาลฎีกา ก็ปรับแก้ให้ เพราะถ้าไปเถียงว่า มีเศษยาบ้าในกระเป๋า ในผ้าเช็ดหน้า ในเล็บ ไม่ถึงเม็ดถือว่าเป็นยาบ้า จึงต้องเพิ่มในมาตราของกฎหมาย ว่ามีเล็กน้อย เพื่อให้ฝ่ายปฏิบัติไม่ต้องยุ่งยาก แต่เล็กน้อยเท่าไรก็อีกเรื่อง จริง ๆ มีเจตนารมณ์ จะเหลือกี่เม็ดก็ต้องมาทำความเข้าใจกันว่า เจตนารมณ์กฎหมายเป็นอย่างไร คาดว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงใน 1 เดือน
“ต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่เท่าไร ขอให้ฟังต่อไป..”
สมศักดิ์ เทพสุทิน
ขณะที่นโยบายกัญชา สมศักดิ์ ระบุว่า อยากฟังประชาชนว่ามองอย่างไร ส่วนทำประชาพิจารณ์หรือไม่ยังไม่ทราบ ต้องรอก่อน เพราะมีกระทรวงอื่นเกี่ยวข้อง กระทรวงสาธารณสุขทำโดยลำพังไม่ได้ คาดว่าภายในเดือนนี้หน้าจะจบ
