เล็งคิกออฟขลิบอวัยวะเพศชายฟรี เดินหน้าฉีด HPV 9 สายพันธุ์ ลุยผลักดันเวลเนสฮับ หนุนผ่าตัดเสริมความงาม แปลงเพศ นวดแผนไทย 7 กลุ่มอาการ
วันนี้ (2 ม.ค. 68) สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบายปี 2568 ว่า ปีนี้ยังคงมุ่งเน้นการยกระดับให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนให้เข้าถึงอย่างสะดวก รวดเร็ว โดยเฉพาะ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงด้านสาธารณสุขของรัฐบาล ในปี 2568 ประชาชนจะสามารถเข้ารับบริการได้ทุกที่ทั่วไทย และเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบดิจิทัล จะทำให้ลดขั้นตอนลง สะดวกขึ้น
ทั้งนี้จะเดินหน้ารณรงค์การนับคาร์บอย่างต่อเนื่อง เพราะให้ประชาชนกินเป็น ไม่ป่วย สวยหล่อกันทุกอย่าง ซึ่งมีเป้าหมายให้ 50 ล้านคน เชื่อมั่นว่าจะทำให้ลดการเจ็บป่วยด้วย โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs และลดภาวะงบประมาณในการรักษา เรื่องนี้จะทำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลักดันให้มีการตั้งศูนย์ NCDs ระดับอำเภอให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม มาตรการการป้องกันโรคที่ทำอย่างเข้มข้นแล้ว ก็ยังจะผลักดันให้เพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลในการรักษามะเร็งให้เทียบเท่ากับโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ เพื่อลดภาวะด้านงบประมาณของ สปสช. อีกด้วย รวมทั้งผลักดันเรื่อง เวลเนส ฮับ สนับสนุนการผ่าตัดเสริมความงาม, การนวดแผนไทย 7 กลุ่มอาการ, การผ่าตัดแปลงเพศ เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่องฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) 9 สายพันธุ์ ให้กับนักเรียนหญิง และประชาชน เป้าหมาย 1 ล้านโดส ที่ยังเดินหน้าต่อให้ครบตามเป้าหมาย ทั้งนี้ เมื่อดูแลป้องกันสุขภาพของเด็กหญิงแล้ว ในเด็กชายก็เตรียมจะคิกออฟ การขลิบอวัยวะเพศชาย มุ่งเป้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยจะลงพื้นที่เปิดบริการให้ฟรี
นอกจากนี้ยังมีติดตามการฟื้นฟูยาเสพติดเพื่อลดจำนวนผู้เสพลง โดยยึดหลักการตาม ธวัชบุรีโมเดล สำหรับร่างกฎหมายสำคัญที่ริเริ่มมาในปีที่ผ่านมา ปีนี้ก็จะผลักดันเร่งรัดให้เข้าสู่ขั้นตอนของสภาฯ โดยเร็ว
นอกจากนั้นยังเตรียมเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัด รักษามะเร็งเทียบเท่าโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ด้วย
ขณะที่ ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระบุถึง ข้อดีของการเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งในโรงพยาบาลใกล้บ้าน โรงพยาบาลจังหวัดที่มีแพทย์เฉพาะทาง/โรงพยาบาลศูนย์/ศูนย์มะเร็ง
- สามารถใช้สิทธิการรักษาบัตรทองได้ตามโครงการ Cancer Anywhere: ช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถรับการรักษาได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล ประหยัดทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย และเพิ่มความสะดวกและรวดเร็ว
- เพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยจำนวนมากได้รับการรักษาที่เหมาะสม: ผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนไม่น้อยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ตามรอบเวลาอย่างเหมาะสม
- การรักษาเป็นไปตามมาตรฐานโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: การรักษาโรคมะเร็งดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิบัติตามมาตรฐานของประเทศไทย
- แนวทางการรักษาไม่แตกต่างจากโรงเรียนแพทย์: การรักษาที่ได้รับจะเป็นไปตามแนวทางเชิงปฏิบัติเดียวกับโรงเรียนแพทย์
- มีระบบส่งต่อที่รัดกุมเมื่อเกินศักยภาพของโรงพยาบาลต้นทาง: หากโรงพยาบาลใกล้บ้านไม่สามารถดูแลได้ครบถ้วน แพทย์จะดำเนินการส่งต่อพร้อมข้อมูลทางการรักษาอย่างละเอียดไปยังโรงพยาบาลหรือโรงเรียนแพทย์ที่เหมาะสม
การรักษาในโรงพยาบาลใกล้บ้านที่มีแพทย์เฉพาะทางเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ป่วยและระบบสาธารณสุขโดยรวม เช่นเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว แนวทางดังกล่าวช่วยลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชน