สำนักงบประมาณ เผย กองทุน สปสช. ได้รับจัดสรรงบฯ ปี 68 สูงถึง 1.67 แสนล้านชี้ ค่าใช้จ่ายเพิ่มต่อเนื่อง แต่เงินสะสมลด แนะ ทบทวนวิธีจัดสรรงบฯ – เร่งปรับงานป้องกันโรค ด้าน รมว.สธ. ยืนยัน เดินหน้านโยบายทลายกำแพงการเงิน ลดความเหลื่อมล้ำ ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดภาระค่ารักษาในระยะยาว
วันนี้ (10 มี.ค. 68) สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์จากการใช้จ่ายงบประมาณโครงการสำคัญ ประจำปีงบประมาณ 2567 ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พบว่า งบประมาณที่ใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีงบประมาณ 2568 กองทุนฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณถึง 167,753.17 ล้านบาท
รายงานระบุว่า งบประมาณส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการรักษาพยาบาล ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 84.84% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนให้เห็นถึงจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่งบประมาณด้านการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 13.96% กลับมีแนวโน้มลดลง แม้จะได้รับการจัดสรรงบฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งสวนทางกับนโยบายของรัฐที่มุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา
ระบบการจัดสรรงบฯ ยังมีช่องโหว่
รายงานยังชี้ให้เห็นว่า วิธีการขอรับงบประมาณของ สปสช. อิงจากข้อมูลในอดีต และใช้หลักคำนวณต้นทุนแบบ Price and Quantity Approach (PQ Approach) ซึ่งทำให้งบฯ กองทุนเพิ่มขึ้นจากตัวแปรด้านราคาค่ารักษาพยาบาล และปริมาณการใช้บริการ ขณะที่กระบวนการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณยังมีข้อจำกัด เช่น ขาดระบบข้อมูลเรียลไทม์ (Real-time data) ทำให้การตรวจสอบล่าช้าและอาจเกิดข้อผิดพลาด
งบฯ สร้างเสริมสุขภาพ เบิกจ่ายต่ำกว่าค่าเป้าหมาย
แม้กองทุนฯ จะตั้งเป้าหมายเพิ่มงบประมาณเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค แต่จากการติดตามผล พบว่า ผลการเบิกจ่ายต่ำกว่าค่าเป้าหมายทั้งในปี 2565 และ 2566 โดยเฉพาะปี 2566 ที่มีการใช้จ่ายเพียง 64% ของงบฯ ที่ได้รับจัดสรร ซึ่งอาจสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารงบฯ ที่ยังต้องได้รับการปรับปรุง
งบฯ ในอนาคตอาจไม่เพียงพอ เสี่ยงกระทบคุณภาพชีวิตประชาชน
รายงานยังเตือนว่า ในอนาคต กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อาจเผชิญกับภาวะงบฯ ไม่เพียงพอ เนื่องจากเงินสะสมลดลงและนโยบายของรัฐที่ต้องการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะต้องใช้งบฯ เพิ่มขึ้นอีกมาก
ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและภาวะขาดดุลงบฯ ของรัฐบาล อาจส่งผลให้การจัดสรรงบฯ ในอนาคตต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากขึ้น ทำให้กองทุนฯ ต้องเผชิญความท้าทายในการรักษาความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณ ยังแนะนำให้ ทบทวนวิธีการจัดสรรงบฯ ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้จ่ายจริง พร้อมเร่งปรับปรุงกลไกบริหารงบฯ ด้านป้องกันโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ระบบหลักประกันสุขภาพยังคงสามารถดูแลประชาชนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

รัฐบาลเดินหน้าทลายกำแพงการเงิน – เน้นงานส่งเสริมป้องกันโรค
ขณะที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอบกระทู้ สว. ยืนยัน นโยบายรัฐบาลมุ่งลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข ทลายข้อจำกัดทางการเงิน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลถ้วนหน้า โดยแนวทางของรัฐบาลสอดคล้องกับขบวนการแพทย์ชนบท ตั้งแต่โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาทรักษาทุกที่ พร้อมผลักดันระบบประกันสุขภาพและเทเลเมดิซีนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
ทั้งนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สสส. และ อสม. รณรงค์การบริโภคอาหารที่เหมาะสม ลดภาระค่ารักษาพยาบาลที่สูงถึง 52% ของงบประมาณด้านสาธารณสุข พร้อมเดินหน้าขยายบุคลากรทางการแพทย์ แก้ปัญหาชั่วโมงทำงานเกินเวลา แม้ต้องใช้เวลาแต่มั่นใจว่าใน 2-3 ปีจะเห็นผลที่ชัดเจน