10 ตุลาคม วันคนไร้ที่พึ่ง-คนไร้บ้านสากล กทม. และเครือข่าย เปิดพื้นที่ให้บริการคนไร้บ้าน คนไร้ที่พึ่ง พร้อมเสนอแนวทางสร้างความมั่นคงในชีวิตให้คนเปราะบางและคนไร้บ้านในเขตเมือง หลังพบว่าโควิด-19 ทำคนไร้บ้านเพิ่มขึ้น 30%
วันที่ 10 ต.ค. 65 สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาสังคมสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย มูลนิธิอิสรชน มูลนิธิกระจกเงา และภาคีเครือข่าย จัดเสวนา“Homeless ไม่ Hopeless: เสียงสะท้อน ความหวัง อนาคต และชีวิตในภาวะไร้บ้าน” โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสังคมให้ตระหนักต่อสถานการณ์คนไร้บ้านและความสัมพันธ์ของภาวะไร้บ้านต่อความเปราะบางของคนเมืองที่เชื่อมโยงกับความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเปิดงาน “Homeless Day 2022: คน = คน” ว่า เป็นโอกาสดีที่ กทม.ได้มาร่วมงาน “วันคนไร้ที่พึ่ง” หรือ “วันคนไร้บ้าน” Homeless Day ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนโดยเรื่องคนไร้บ้านในปัจจุบันถูกพูดถึงมากขึ้น โดยหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 คนไร้บ้านกับคนจนเมืองเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ การบูรณาการแก้ไขปัญหาร่วมกันจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาแค่เรื่องบ้านพักที่เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่อาจรวมถึงเรื่องสวัสดิการต่างๆ ด้วย ซึ่งในมิติของคนไร้บ้าน คนจนเมือง คนเร่ร่อนต่าง ๆ อาจจะเป็นเรื่องของสภาวะบางอย่างหรือสวัสดิการต่าง ๆ ที่ยังไม่พร้อม โดยในส่วนของ กทม. จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเรื่องสวัสดิการ ทั้งเรื่องของการหางาน สาธารณสุข และเรื่องของที่อยู่อาศัย ตั้งเป้าหมาย คนไร้บ้าน จะต้องไม่ไร้สิทธิ และไม่ไร้งาน รวมถึงสวัสดิการต้องพร้อม ทุกภาคส่วนจะร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหานี้ร่วมกัน
“คนไร้บ้านไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาเกิดจาก สังคมหรือเมืองที่ทำให้คนอยู่ไม่ได้เพราะไร้สวัสดิการหรือสิทธิเพียงพอ เราอยู่ในสถานการณ์ที่มีตึกร้างมากมายแต่คนก็ยังไร้บ้าน เรามี Food waste(ขยะอาหาร) มากมายแต่บางคนก็ยังไม่มีอาหารกิน ผู้ประกอบการหลายคนขาดแรงงาน แต่เราก็ยังมีคนว่างงานและไม่สามารถเข้าถึงแหล่งงานได้ นั่นคือข้อบ่งชี้ว่าการบริหารจัดการยังไม่มีประสิทธิภาพ และเป็นหน้าที่ของกทม.ที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบูรณาการร่วมกับภาครัฐและภาคีเครือข่ายต่าง ๆ อาทิ การปลดล็อกกฎหมายบางอย่าง รวมถึงการร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆในการสร้างความเข้าใจกับสังคมว่า คนไร้บ้านไม่ใช่ปัญหา แต่สังคมต่างหากที่สร้างปัญหาบางอย่างทำให้เกิดคนไร้บ้าน ซึ่งเราต้องร่วมมือช่วยกันแก้ปัญหาให้มากกว่านี้”
ภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า “คนไร้บ้าน” คือ ประชากรกลุ่มเฉพาะที่ต้องให้ความสำคัญ สสส. เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่คอยเชื่อมประสาน โดยสานพลังกับภาคีเครือข่าย หนุนเสริม พัฒนาคุณถาพชีวิตคนไร้บ้าน สิ่งสำคัญคือการทำให้คนไร้บ้านมี “ที่อยู่อาศัย” และ “อาชีพ” เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะได้ เนื่องจากการมีมีรายได้ จะช่วยำให้คนกลุ่มนี้มีที่พักเป็นหลักแหล่ง สู่การมีสุขภาวะที่ดีได้ โดยภาคประชาสังคม เช่น มูลนิธิอิสรชน, มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย, มูลนิธิกระจกเงา, เครือข่ายคนไร้บ้าน หัวลำโพง มีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้การแก้ปัญหาคนไร้บ้านดีขึ้นถึงจุดนี้
ที่ผ่านมา สสส. ได้พัฒนา “นวัตกรรมการจัดบริการที่อยู่อาศัยและความช่วยเหลือฉุกเฉิน บนฐานการมีส่วนร่วมของคนไร้บ้าน” หรือโครงการ “ที่อยู่อาศัยคนละครึ่ง” ในรูปแบบ “แชร์” ค่าเช่าขึ้นมา ร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อหนุนเสริมคนที่ยากลำบาก แก้ปัญหาจำนวนคนไร้บ้านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบข้อมูลว่า โควิด-19 ช่วง 2 – 3 ปี ที่ผ่านมา พบคนไร้บ้านใน กทม. สูงขึ้นกว่า 30% จาก 1,307 คน เพิ่มเป็น 1,700 – 1,800 คน ขณะที่คนไร้บ้านทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 4,000 คน ทำให้ สสส. พยายามทำงานเชิงรุกแก้ปัญหาการเข้าสวัสดิการ เพราะสัมพันธ์กับความเหลื่อมล้ำ และความไม่เป็นธรรมทางสังคมเศรษฐกิจ
“คำว่าความสุขหรือสุขภาวะสำหรับคนไร้บ้าน เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนที่ทิ้งทุกอย่างมาอยู่ในที่สาธารณะ แต่ สสส. ขอเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ร่วมพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัย จุดประสานงาน Drop-in เรื่องอาหาร เพื่อช่วยเรื่องชีวิตความเป็นอยู่คนไร้บ้าน เพื่อพัฒนาสุขภาวะคนไร้บ้าน ให้สามารถตั้งหลักชีวิตได้ โดย สสส. จะมุ่งมั่นสานพลังกับหน่วยงานทุกภาคส่วนต่อไป”