นักเรียน ม.1 แทง ม.6 สาหัส โรงเรียนรับ ต้องเข้มงวดตรวจอาวุธ ‘อดีตอธิบดีกรมพินิจฯ’ แนะครู อย่ามองข้ามความขัดแย้งเล็กน้อย

จากกรณีนักเรียนใช้อาวุธมีดไล่ทำร้ายกันในโรงอาหารของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา
คู่กรณีเป็นนักเรียนชั้น ม.6 และ ม.1 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คนหนึ่งบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนอีกคนบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณลำคอและชายโครง ก่อนที่เพื่อนของนักเรียนที่บาดเจ็บช่วยพยุงตัวผู้บาดเจ็บออกจากโรงอาหาร และครูรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
ส่วนสาเหตุ นักเรียนชั้น ม.1 ที่ก่อเหตุ อ้างว่าเกิดจาก “มองหน้ากัน” ขณะเดินอยู่ในโรงอาหาร
ด้านครอบครัวของนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ ยอมรับว่า กังวลเรื่องความปลอดภัย และเป็นห่วงน้องชายอีกคนที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียน เพราะหลังเกิดเหตุไปพบผู้ก่อเหตุที่โรงพัก ไม่มีท่าทีสำนึกผิด และยังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เชิงเยาะเย้ย ท้าทาย รวมทั้งยังมีชายขี่รถจักรยานยนต์มาวนหน้าบ้านหลายครั้ง พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดเด็กนักเรียนจึงพกพาอาวุธเข้าไปในโรงเรียนได้
ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่าอาการบาดเจ็บของนักเรียนชั้น ม.6 ทั้ง 2 คน พ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นมีดปอกผลไม้ หลังจากนี้โรงเรียนจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเรื่องอาวุธร่วมกับตำรวจ ส่วนเด็กที่ก่อเหตุขณะนี้ถูกดำเนินคดี คงต้องออกจากสถานศึกษา
เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหาเด็ก ม.1 ทั้ง 2 คน ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า โดยพบว่า เด็กอายุ 17 ปี เคยถูกพักการเรียน และอยู่ในสถานพินิจก่อนจะเพิ่งกลับมาเรียนใหม่ โดยโรงเรียนไม่ทราบ ซึ่งภายหลังครอบครัวได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว ที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นนทบุรี แต่ศาลฯ มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
อดีตอธิบดีกรมพินิจฯ แนะครู อย่ามองข้ามความขัดแย้งเล็กน้อย

ธวัชชัย ไทยเขียว อดีตอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ให้ข้อเสนอผ่านรายการชั่วโมงข่าว เสาร์ – อาทิตย์ ทางไทยพีบีเอส ว่า การป้องปรามความรุนแรงในสถานศึกษา ครู และโรงเรียนไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ว่าเป็นความขัดแย้งเล็กน้อยของนักเรียน นักศึกษา ถ้าพบความผิดปกติต้องรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อหาทางในการป้องกันทันที และเลิกกลัวถูกตำหนิหรือถูกฟ้องร้อง
“เด็กทะเลาะกันในโรงเรียนแค่คนสองคน ถ้าครูจัดการปัญหาได้ในชั้นเรียนก็ดี แต่ครูต้องเอาเข้าสู่ที่ประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที เพื่อทุกเทอมจะได้ทราบว่าเริ่มปัญหาแบบนี้อีกแล้ว เพราะถ้าไม่จัดการอาจจะทำให้เกิดเรื่องบานปลายใหญ่โตได้ในอนาคต นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก”
ธวัชชัย ไทยเขียว
พบ สพฐ. ออกหนังสือถึงสถานศึกษาในสังกัด เน้นย้ำมาตรการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในสถานศึกษา ก่อนเกิดเหตุวันเดียว


The Active พบว่า ก่อนเกิดเหตุดังกล่าวในโรงอาหารโรงเรียนนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพิ่งออกหนังสือเวียนเน้นย้ำมาตรการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท และการใช้ความรุนแรงภายในโรงเรียน โดยใช้มาตรการ 3 ป. คือ ป้องกัน ปลูกฝัง ปราบปราม เป็นหนังสือด่วนที่สุด ที่ ศธ 04277/ว201 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2568
เนื่องจากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทและการใช้ความรุนแรงของนักเรียนเกิดขึ้นบ่อยครั้งทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไข ปัญหาความไม่ปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตและสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เน้นย้ำมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทและการใช้ความรุนแรงภายในโรงเรียน โดยใช้มาตรการ 3 ป (ป้องกัน ปลูกฝัง ปราบปราม) ให้สถานศึกษาในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และขอเน้นย้ำเพิ่มเติม ดังนี้
- กรณีการจัดการเหตุความรุนแรง ขอให้ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการแก้ไข ปัญหาเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทและการใช้ความรุนแรงภายในโรงเรียน โดยใช้มาตรการ 3 ป (ป้องกัน ปลูกฝังปราบปราม) อย่างจริงจัง โดยดำเนินการให้ครบทุกมิติตามที่ สพฐ. สั่งการและทำรายงานทุกระยะ
- การจัดการเรียนรู้ กรณีผู้ก่อเหตุต้องจัดการให้เกิดการเรียนรู้ผลของการกระทำความรุนแรง เช่น การรักษาพยาบาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงจากการถูกทำร้ายในทุกรูปแบบ การได้รับบาดเจ็บต่าง ๆ และมีการทำ RCA (Root Cause Analysis) เพื่อให้นักเรียนสามารถสะท้อนย้อนคิดและเรียนรู้ใหม่
- การดำเนินการต้องให้ต่อเนื่องโดยการทำไทมไลน์การเกิดเหตุการณ์ทุกครั้งและให้จัดตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับโรงเรียน เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามขั้นตอนของแผนเผชิญเหตุที่ได้เตรียมไว้แล้ว พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการระดับเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติงานของสถานศึกษาให้เป็นไปตามขั้นตอนจนเกิดผลสำเร็จ
- การรายงานการดำเนินการให้จัดทำรายงานถึงเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและคณะผู้บริหารระดับสูงที่กำกับติดตามดูแลพื้นที่ ๆ อยู่ในความรับผิดชอบรับทราบ โดยมีผู้อำนวยการศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย ดูแลเรื่องประสานงานการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ทะเลาะ วิวาทและการใช้ความรุนแรงภายในโรงเรียนดังกล่าวในภาพรวมของ สพฐ. ต่อไป