มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการแบ่งปัน เผย ชาวบ้านสูญรายได้ ไม่กล้าเกี่ยวข้าว กลัวระเบิดตกค้าง ศูนย์พักพิง 16 แห่งสิ่งของช่วยเหลือไม่ทั่วถึง รัฐเยียวยาล่าช้า ติดขั้นตอนเลือกตั้งท้องถิ่น
วันนี้ (11 ธ.ค. 68) ศิริวรรณ อาษาศรี ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการแบ่งปัน เปิดเผยกับ The Active ถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังต้องอพยพเข้าศูนย์พักพิงเป็นครั้งที่ 2 ภายใน 4 เดือน โดยพบว่า ปัญหาขาดแคลนปัจจัยพื้นฐาน ไม่ได้รับเงินเยียวยา และสูญเสียรายได้จากการเกษตร
จากการลงพื้นที่ของมูลนิธิฯ พบว่า ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
- กลุ่มแรกอพยพมาอยู่ศูนย์พักพิงที่อำเภอเดชอุดม รวม 16 ศูนย์ กระจายตามวัดต่าง ๆ
- กลุ่มที่ 2 ยังคงอยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน ได้แก่ ผู้ชายวัยทำงาน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ และอาสาสมัคร ชรบ. (ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน)
“อาสาสมัคร ชรบ. ที่ยังอยู่ในหมู่บ้านทำหน้าที่ตรวจตราพื้นที่แบบไม่มีค่าตอบแทน ขาดแคลนน้ำดื่มและอาหาร ต้องหาอาหารในหมู่บ้านมารวมกันแล้วหุงหากินร่วมกัน ทั้งที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”
ศิริวรรณ อาษาศรี
เมื่อเปรียบเทียบกับการอพยพครั้งแรกเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว (กรกฎาคม 2568) ศิริวรรณ สังเกตว่า ครั้งนี้มีชาวบ้านบางส่วนเลือกที่จะไม่ออกจากหมู่บ้าน เพราะกังวลเรื่องสัตว์เลี้ยง วัว ควาย ที่ไม่อยากทิ้งไว้
“ผู้ที่อพยพออกมาครั้งแรก หลายคนเดินทางกลับไปมาเพื่อดูบ้าน ครั้งที่ 2 นี้ชาวบ้านเตรียมหลุมหลบภัยไว้ที่บ้านของตัวเองแล้ว ตัดสินใจว่าถ้ามีสงครามอีกจะไม่ออกมา”
ศิริวรรณ อาษาศรี
ศูนย์พักพิงขาดแคลนสิ่งของจำเป็น
แม้ชาวบ้านบางส่วนจะเตรียมสิ่งของติดตัวมาอย่างพอเพียง แต่สิ่งที่ขาดแคลนอย่างมากคือ สิ่งของที่ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ นมผงสำหรับเด็ก, นมกล่อง และแพมเพิส โดยนมผงกล่อง 400-500 กรัม มีราคา 400-500 บาท ซึ่งเป็นภาระหนักสำหรับผู้อพยพที่ไม่มีรายได้
ปัญหาด้านการบริหารจัดการก็พบเช่นกัน โดยศูนย์พักพิงที่อยู่ใกล้ตัวเมืองจะได้รับของบริจาคมากกว่าศูนย์ที่อยู่ห่างไกล ทำให้เกิดความไม่สมดุลในการแจกจ่ายสิ่งของ

กลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบหนัก
ศิริวรรณ ยังชี้ว่า ครอบครัวยากจน ผู้พิการ และผู้ป่วยเรื้อรัง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไตที่ต้องฟอกไต เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ปัจจุบันมีการจัดศูนย์พักพิงเฉพาะสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ แต่ยังขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวก
ในบางศูนย์พักพิงมีเด็กมากถึง 200 คน แต่ขาดนมให้เด็กดื่ม และไม่มีกิจกรรมสำหรับเด็กอย่างเพียงพอ
ผลผลิตทางการเกษตรถูกทิ้ง-เสียหาย หลังต้องอพยพ
เกษตรกรหลายรายที่กำลังเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง ต้องทิ้งผลผลิตไว้ในไร่เพราะถูกสั่งอพยพก่อนที่จะขนขึ้นได้ บางรายขุดมันสำปะหลังขึ้นมาแล้วแต่ยังไม่ได้ขนออกจากไร่ ทำให้เน่าเสียหมด ไม่สามารถนำไปขายได้
“บางคนบรรทุกมันสำปะหลังขึ้นรถแล้ว แต่ต้องอพยพออกมาทันที ก็ทิ้งไว้อย่างนั้น ปัญหานี้เกิดขึ้นกับชาวบ้านทุกหมู่บ้าน”
ศิริวรรณ อาษาศรี
นอกจากนี้ เกษตรกรที่ทำนายังไม่กล้าเข้าไปเกี่ยวข้าว และเกษตรกรที่ทำสวนยางไม่กล้าเข้าไปกรีดยาง เพราะกลัวลูกระเบิดที่อาจฝังอยู่ในพื้นที่ ทั้งที่ต้องกรีดยางตอนกลางคืน ซึ่งเสี่ยงอันตรายมากยิ่งขึ้น
เงินเยียวยาล่าช้า-ไม่ครอบคลุม
ศิริวรรณ ยังเปิดเผยว่า จากการสอบถามชาวบ้าน พบว่า การเยียวยาจากภาครัฐยังไม่ครอบคลุม ในตำบลโดมประดิษฐ์ มีบ้านที่ถูกระเบิดทำลายทั้งหลัง 2 หลัง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (คนลาวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มานาน) และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ซึ่งเพิ่งได้รับเงินเยียวยา โดยจังหวัดจะประเมินความเสียหายและจ่ายเงินตามเกณฑ์
แต่ชาวบ้านที่สูญเสียรายได้เพราะไม่สามารถทำงานได้ต้องอพยพ ยังไม่มีแผนจากรัฐว่าจะได้รับเงินเยียวยา มีเพียงการพักชำระเงินต้นสำหรับผู้ที่มีหนี้สิน แต่ยังต้องจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเป็นภาระหนักเพราะไม่มีรายได้
“หลายคนเป็นหนี้สะสมมาตั้งแต่รอบการปะทะครั้งก่อนในช่วงฤดูทำนา บางคนไม่ได้ทำนาเลย บางคนทำเสร็จแล้วแต่ไม่กล้าเข้าไปเกี่ยวข้าวเพราะกลัวระเบิด”
ศิริวรรณ อาษาศรี

ระบบราชการล่าช้า-ติดขั้นตอน
สำหรับปัญหาสำคัญในตอนนี้คือ ระบบราชการมีขั้นตอนมากเกินไป เมื่อศูนย์พักพิงแจ้งความต้องการน้ำดื่มและอาหาร ต้องรอขั้นตอนการเบิกจ่ายจากจังหวัดหรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
“ช่วงนี้ตรงกับการเลือกตั้งท้องถิ่น นายก อบต.อยู่ในช่วงรักษาการ ไม่สามารถสั่งเบิกจ่ายได้ ทำให้ระบบหยุดชะงัก ขณะที่เด็กเกือบ 200 คนไม่มีนมดื่ม”
ศิริวรรณ อาษาศรี
ข้อเสนอเร่งด่วน
ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการแบ่งปัน จึงเสนอว่า ภาครัฐควรดำเนินการเยียวยาทันทีโดยแบ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนและเรื่องที่ต้องประเมิน
เรื่องเร่งด่วนที่ควรทำทันที
- จัดหาอาหาร น้ำดื่ม และเบี้ยเลี้ยงให้อาสาสมัคร ชรบ.ที่เฝ้าอยู่ในหมู่บ้าน
- จัดสรรอาหาร นม แพมเพิส และสิ่งของจำเป็นให้ศูนย์พักพิงอย่างทั่วถึง
- จัดกิจกรรมสำหรับเด็กในศูนย์พักพิง
เรื่องที่ต้องประเมินตามความเสียหาย
- เยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
- ชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนที่ถูกทำลาย
“การรักษาอธิปไตยกับการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนต้องดำเนินไปพร้อมกัน ไม่ควรมีขั้นตอนที่ซับซ้อนจนเกินไป สิ่งที่ทำได้ทันทีควรทำเลย ไม่ต้องรอ”
ศิริวรรณ อาษาศรี
