‘ชาวบ้านโดมประดิษฐ์’ พื้นที่สีแดงใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เดือดร้อนหนัก! ขุดมันสำปะหลังแต่เข้าพื้นที่เอาออกมาขายไม่ได้ รับสภาพหากทิ้งนานเกิน 10 วัน ต้องยอมปล่อยผลผลิตเน่าค่าไร่ สูญรายได้หลักแสน วอนรัฐเร่งเยียวยาเกษตรกรชายแดน ห่วงหนี้ ธ.ก.ส. ค่างวดรถยังต้องจ่าย ไม่มีพักหนี้
วันนี้ (15 ธ.ค. 68) สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่มีทีท่าจะยุติลง ยิ่งส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและปากท้อง ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก
The Active พบว่า เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ หลังถูกประกาศเป็น “พื้นที่สีแดง” ห้ามประชาชนเข้าใช้พื้นที่

ปัน สัตโต ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ต.โดมประดิษฐ์ เปิดเผยกับ The Active ว่า ชาวบ้านหลายรายได้ขุดมันสำปะหลังขึ้นมาแล้ว แต่ไม่สามารถขนออกไปขายได้ เนื่องจากมีคำสั่งห้ามเข้าพื้นที่ ส่งผลให้ผลผลิตต้องทิ้งไว้ในแปลง ซึ่งหากเกิน 10 วัน มันสำปะหลังจะเริ่มเน่าเสีย ไม่มีน้ำหนัก และไม่สามารถจำหน่ายได้ ถือเป็นความเสียหายโดยตรงของเกษตรกร
“มันสำปะหลังถ้าเกิน 10 วันก็จะเน่า ชาวบ้านต้องทิ้งไว้ในไร่ เสียหายทั้งหมด เพราะพื้นที่ตรงนี้ถูกประกาศเป็นพื้นที่สีแดง ห้ามใครเข้าไปเลย”
ปัน สัตโต

เขาระบุว่า เกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่ปลูกมันสำปะหลังเป็นรายได้หลัก หากเก็บเกี่ยวได้ตามปกติ จะมีรายได้เฉลี่ยไร่ละกว่า 30,000 บาท บางรายมีพื้นที่ปลูกมากกว่า 10 ไร่ เท่ากับสูญรายได้กว่า 300,000 บาท ทั้งที่พืชชนิดนี้ต้องใช้เวลาปลูกปีละครั้ง และช่วงเก็บเกี่ยวกลับตรงกับช่วงที่มีการประกาศพื้นที่ควบคุมจากสถานการณ์ชายแดน
นอกจากนี้ ยังมีพืชเศรษฐกิจอื่นได้รับผลกระทบ เช่น ยางพารา และปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะยางพาราที่ไม่สามารถกรีดได้ ทำให้เกษตรกรขาดรายได้ไปชำระหนี้ ทั้งหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และหนี้สินอื่น เช่น ค่างวดรถ ซึ่งยังต้องชำระตามกำหนด แม้จะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นก็ตาม
“หนี้ ธ.ก.ส. ไม่ได้ดูว่าจะเกิดเหตุหรือไม่เกิด ก็ต้องไปจ่าย งวดรถก็ต้องจ่าย ไม่มีมาตรการพักหนี้อะไรเลย เกษตรกรบางรายต้องจ่ายดอกเบี้ยปีละหลายหมื่นบาท หากขาดรายได้ก็ยิ่งซ้ำเติมปัญหาหนี้สิน บางคนเสี่ยงถูกยึดทรัพย์หรือรถยนต์ ทั้งที่เหลือยอดผ่อนอีกไม่มาก”
ปัน สัตโต

เกษตรกรคนนี้ ยังยอมรับว่า สถานการณ์ขณะนี้สร้างความลำบากให้กับชาวบ้านอย่างมาก แต่ในฐานะ ชรบ. ก็ยังคงทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ตามที่อำเภอร้องขอ แม้จะไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาเคยได้รับเพียงวันละ 150 บาท และช่วงหลังยังไม่ชัดเจนว่าจะได้รับหรือไม่
“ก็ลำบากครับ แต่ก็ยังช่วยกันดูแลบ้านเมือง เป็นจิตอาสา กลัวโจรจะมางัดบ้านชาวบ้าน หรือมาลักงัวควาย ก็ต้องช่วยกันดู”
ปัน สัตโต
เขายังได้ฝากถึงรัฐบาลให้เร่งเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนอย่างเร่งด่วน อย่างน้อยในรูปแบบเงินเยียวยาต่อไร่ หรือมาตรการบรรเทาภาระหนี้สิน เพื่อไม่ให้ชาวบ้านต้องแบกรับความสูญเสียเพียงลำพัง
“อยากวิงวอนให้รัฐบาลช่วยเกษตรกรชายแดน อย่างน้อยไร่ละ 5,000 หรือ 10,000 บาทก็ยังดี ชาวบ้านเขามีหนี้ มีภาระ ถ้าไม่มีรายได้แบบนี้ มันหนักจริง ๆ”
ปัน สัตโต
