นักวิชาการด้านที่ดิน ชี้ มท.2 เตรียมลงสุราษฎร์ฯ แก้ปม น.ส.ล.ทับชุมชนไทดำ แค่ยื้อเวลา

เชื่อ แม้พบข้อเท็จจริง จะไม่เพิกถอน น.ส.ล.ทับชุมชนดั้งเดิม  ชี้ ช่องคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ส.คทช.) คือทางออก ด้านชาวบ้านจับตาวัดใจรัฐบาล เรียกร้องหยุดยื้อเวลา เพิกถอนคืนสิทธิชุมชนดั้งเดิม

สืบเนื่องจากกรณี เมื่อวันที่  11 มิ.ย. 68 ในการประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย กรณีข้อพิพาทที่ดิน น.ส.ล. ออกไม่ตรงตำแหน่งทับชุมชนไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี  โดยมี ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน  พร้อมด้วยอนุกรรมการฯ ที่เป็นตัวแทนชาวไทดำ, ภาคประชาชน รวมถึงตัวแทนจากหน่วยราชการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งรองผู้ว่าฯ, ที่ดินจังหวัด และนายอำเภอบ้านนาเดิม เข้าร่วม

โดยผลประชุมวันนั้น ยังหาข้อสรุปการเดินหน้าเพิกถอนที่ดิน น.ส.ล.ไม่ได้ เนื่องจากยังมีประเด็นเห็นต่าง ซึ่งแม้ทางชาวไทดำ บ้านทับชัน ต.ทรัพย์ทวี จะยกข้อสรุปของคณะทำงานจังหวัด และอำเภอ ภายใต้คณะอนุกรรมการชุดนี้ ที่มีมติในปี 2565 เป็นที่ชัดเจนว่า การออก น.ส.ล.ทับชุมชนไทดำออกผิดตำแหน่ง แต่ตัวแทนจังหวัดยังยืนยันออก น.ส.ล. ถูกต้องตามกระบวนการ และหลักสภาพความเป็นพื้นที่สาธารณะ

“ที่ประชุมก็ต้องกำหนดแนวทางให้ชัด ว่าหากทราบปัญหานี้แล้ว กำหนดมาเลยว่าทิศทางในการแก้ไขปัญหาจะไปทางไหน ผมเข้าใจและคิดว่าเรื่องนี้มันจบยาก เพราะตอนนี้มันมีปัญหาเรื่องของการกำหนดพื้นที่ที่อาจจะไม่ตรงจุดจำนวนของแปลง น.ส.ล.ก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ผมดูในหลายหลายเรื่องประกอบ เพราะอีกด้านแม้แต่ศาล ก็บอกเป็นที่สาธารณะ ซึ่งโดยสภาพเป็นที่สาธารณะ” 

ทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าว

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำคัญคือที่สาธารณะตรงนั้น ก็ต้องดูด้วยว่า การที่ให้ประชาชนไปอยู่ครอบครองใช้ประโยชน์เป็นประเด็นข้อกฎหมาย จึงน่าจะหาแนวทางอื่น ที่คิดว่าถ้าเรายอมรับพื้นที่สาธารณะนี้แล้ว มาช่วยกันกำหนดทิศทาง ว่าเราจะจัดที่ดินดังกล่าวนี้อย่างไรให้กับประชาชนสามารถอยู่ได้ตามกฏหมาย

“การที่อยู่ได้ถูกต้อง มันไม่ได้หมายความว่าออกเป็นโฉนดอะไร เอกสารสิทธิอะไร คำว่าถูกต้องคือมีหน่วยงานกฎหมายรองรับอยู่กันได้  แต่ผมฟังในเบื้องต้นพอเป็นเรื่องที่สาธารณะก็จะออกเอกสารสิทธิไม่ได้  โดยหลักน่าจะเป็นแนวทางอื่นได้หรือไม่ อันนี้ขอเป็นข้อเสนอไว้ก่อน ถ้าคิดว่าแนวทางนี้เป็นประโยชน์สูงสุด ผมคิดว่าเราควรเดินไปเลยส่วนเรื่องที่ผมจะเดินทางลงพื้นที่ชุมชนไทดำ สุราษฎร์ธานี วันที่ 20 มิ.ย. นี้ ก็จะไปดูความชัดเจนอีกที  ถ้ามันมีความชัดเจนหรือเห็นประเด็นใด ๆ ก็มาหารือต่อในอนุกรรมการของมหาดไทย อีกด้านก็เดินไปตามแนวทางของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ ส.คทช. อีกทางหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน”

ทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าว

ชาวไทดำ สุราษฎร์ธานี จับตา มท.2 ลงพื้นที่ “วัดใจ” หยุดยื้อเวลาเพิกถอนคืนสิทธิชุมชนดั้งเดิม 

ผลประชุมดังกล่าวได้สร้างความผิดหวังให้กับชาวไทดำ ที่มาติดตามถึงศูนย์กลางนโยบายหน้ากระทรวงมหาดไทย  

“ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณอนุกรรมการหลายท่าน ที่ฟันธงว่าเรื่องนี้ตรวจสอบเสร็จสิ้น ชัดเจนแล้ว ขอให้มีมติเพิกถอนที่ น... ออกจากชุมชนไทดำ จำได้ว่ามีประมาณ 3-4 คนที่เสนอทางออกนี้ แต่กลายเป็นว่าผู้ที่มีอำนาจสูงสุดอย่างรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มท.2 ที่ลังเล อยากจะลงพื้นที่ก่อน แต่ไม่ยอมสั่งการเพิกถอน ซึ่งเราไม่มีความมั่นใจเลยว่า วันที่ 20 มิ..นี้ ท่านจะยังอยู่ในตำแหน่งหรือไม่” 

จันทรัตน์ รู้พันธุ์  ตัวแทนชาวไทดำสุราษฎร์ธานี กล่าว 

ล่าสุดชาวไทดำ กลับถิ่นฐานสุราษฎร์ธานี เพื่อเตรียมความพร้อมกับการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) โดยจะเฝ้าจับตาและหวังว่า การลงพื้นที่ของ มท.2 ครั้งนี้ จะมีความก้าวหน้าในการตัดสินใจเพิกถอนที่ดิน  ..เป็นการวัดใจและพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนประชาชน เพื่อคืนสิทธิชุมชนดั้งเดิมหรือไม่ 

นักวิชาการด้านที่ดิน เชื่อ แม้ มท.2 ลงพื้นที่เห็นข้อเท็จจริง ก็ยังไม่กล้าเพิกถอน น.ส.ล. ชี้ ช่องทาง ส.คทช. คือทางออก 

รศ.ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์ทางการเมืองและนโยบาย ผู้ที่ติดตามปัญหาและนโยบายที่ดินมาอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์ว่า การเตรียมลงพื้นที่ชุมชนไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี ของนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย (มท.2) เป็นเพียงการซื้อหรือยื้อเวลาเท่านั้น เพราะหากประเมินทางการเมือง ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพิ่งประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเหลือระยะเวลาในการลงพื้นที่หรือไม่ ยังไม่รู้เลย ซึ่งแน่นอนว่าหากพรรคภูมิใจไทยไม่ได้รับผิดชอบกระทรวงมหาดไทยแล้ว ประเด็นปัญหานี้และหลายกรณีภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ก็จะกลับไปสู่จุดเก่า คือเริ่มต้นใหม่เหมือนกับที่เคยเป็น เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้ไม่อยากให้คาดหวังอะไร เพราะในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาว่ากรมที่ดินผิด แต่ก็ไม่เคยมีการเพิกถอนจริง

“สะท้อนว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับกรมที่ดินเป็นแบบนี้ทุกเรื่อง อย่าว่าแต่คณะกรรมการที่ มท.2 เป็นประธานเลย หลายกรณีที่มีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ก็ยังใช้ไม่ได้กับกรมที่ดิน เราจะสังเกตเห็นว่า เรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับเอกสารสิทธิ การให้เพิกถอนที่ดินรัฐทับชุมชนไม่มีเลย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ดินจะถูกลงโทษ ก็ถูกลงโทษไปในเรื่องอื่น เช่นเรื่องของปฏิบัติหน้าที่มิชอบเท่านั้น แต่ไม่มีการเพิกถอนใด ๆ ฉะนั้นถ้าตอบตรงไปตรงมา ก็ต้องบอกว่าการที่ มท.2 ซึ่งดูแลกรมที่ดินยังไม่สามารถใช้อำนาจของท่าน ทำให้กรมที่ดินต้องทำข้อมูลให้ถูกต้องได้ ก็ต้องบอกว่ากรมที่ดินใหญ่จริง ๆ”

รศ.ธนพร ศรียากูล กล่าว

รศ.ธนพร เห็นด้วย กับ ข้อสรุปและข้อเสนอที่จะส่งกรณีปัญหาที่ น.ส.ล.ทับชุมชนไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี ให้กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ส.คชท.) เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งมีกำหนดการประชุมในวันที่ 17 มิ.ย. 68 นี้ โดยให้พิจารณาแต่งตั้งอนุกรรมการ หรือคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง และเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีนี้ น่าจะเป็นทางออกการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้มากกว่า 

เพราะหากเปรียบเทียบจะเห็นว่า คณะอนุกรรมการแก้ปัญหาที่ดินสาธารณะฯ ที่ มท. 2 เป็นประธาน ถูกตั้งโดยพระราชบัญญัติระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะมีปัญหาในเงื่อนเวลาและข้อจำกัดความไม่ต่อเนื่อง เพราะเมื่อพ้นรัฐบาลนั้นแล้ว คำสั่งลักษณะแบบนี้จะสิ้นสภาพไป ซึ่งนี่ก็จะเป็นประโยชน์ให้ฝ่ายราชการ ซึ่งไม่อยากจะทำอะไรอยู่แล้วจะซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ แบบที่มักจะเห็นกรมที่ดิน ใช้มุกซื้อเวลาแบบนี้เป็นประจำ 

“แต่คราวนี้ถ้าไปทางช่องของ ส.คทช. จะมีโอกาสที่จะเห็นความหวังได้มากกว่า เพราะว่าสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นกลไกที่มีกฎหมายหลักรองรับชัดเจน คือ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนหรือไม่ คือเปลี่ยน แต่นี่เป็นหน้าที่ปกติอยู่แล้ว นอกจากนั้น ส.คทช. ยังมีหน้าที่ตามกฎหมายในการพิสูจน์สิทธิอีกด้วย” 

รศ.ธนพร ศรียากูล กล่าว

ทั้งนี้ การพิสูจน์สิทธิที่ดิน มีกระบวนการหนึ่ง คือการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ส่วนราชการไทยใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัย หน่วยงานอื่นที่เรามักเห็นอ้างการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็แล้วแต่ จริง ๆ แล้วไม่มีอำนาจ เพราะว่าอำนาจอยู่ที่ ส.คทช.  ดังนั้นคิดว่าการจะมาถกเถียงกัน ว่าที่ดินแปลงนั้น เป็นที่ น.ส.ล.โดยพิจารณาจากสภาพหรืออะไรก็แล้วแต่ มั่นใจว่าต้องตัดสินใจกันได้ผ่านทางภาพหลักฐาน การอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่ง ส.คทช. จะไม่อ่านแปล เหมือนที่กรมที่ดินมักใช้ในปี 2522 แต่มีการอ่านแปลต่อเนื่องหลายปี ดังนั้นถ้าเรื่องนี้ถูกเอาไปเป็นข้อมูลในอนุกรรมการชุดใหญ่ ภายใต้คณะกรรมการที่นโยบายที่ดินแห่งชาติ (ส.คทช.) คิดว่ามาถูกทาง และสนับสนุนแนวทางนี้ เพราะจะเป็นทางออกในการแก้ปัญหาให้ประชาชน ชาวไทดำ จ.สุราษฎร์ธานีในสิทธิชุมชนดั้งเดิม

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active