ย้ำ ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างรัฐ กับ ประชาชน แต่เพื่อรักษาสิทธิชุมชนดั้งเดิม แก้ปัญหา ความเดือดร้อนชุมชนไทดำ ที่อยู่มานานกว่า 70 ปี หวังผลประชุมคณะกรรมการฯ รอบนี้ ได้ข้อยุติ เพิกถอนที่ดิน น.ส.ล.ทับชุมชน 1,318 ไร่
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 68 ชาวไทยทรงดำ หรือ ไทดำ หมู่ 1 และหมู่ 4 ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม รวมทั้งหมู่ 2 ต.กรูด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกันนำทะลายปาล์มจากสวน รวมกว่า 4,110 กิโลกรัม เพื่อร่วมสมทบทุน “ทอดผ้าป่ารักษาแผ่นดิน”


อิสรีย์ พรายงาม ตัวแทนชาวไทดำลุ่มน้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี บอกว่า การทอดผ้าป่าปาล์มในครั้งนี้ เป็นการร่วมแรง ร่วมใจ วัตถุประสงค์นำไปเป็นทุนค่าน้ำมัน และค่าอาหาร เดินทางไปกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2 เพื่อร่วมติดตามและจับตาการประชุมของอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณะประโยชน์ ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง และปัญหาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้
“เราทุกคนร่วมแรงกาย แรงใจ เพื่อที่จะทวงที่ดิน ที่มีการประกาศ น.ส.ล.ครอบทับชุมชน คืนกลับมา ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมที่อยู่กันมานานกว่า 70 ปี เป็นความหวังสูงสุดของพี่น้องชาวไทดำ สุราษฎร์ธานี ว่าจะอยู่ในชุมชนอย่างมีความสุขและยังยืนบนแผ่นดินที่เราอยู่มานาน”
อิสรีย์ พรายงาม

ชาวไทดำ ยังได้ร่วมกันหารือ ถึงการเคลื่อนไหวที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อร่วมประชุม และติดตามการแก้ไขปัญหาการประกาศที่ น.ส.ล.ทับที่ชุมชนไทดำ หมู่1 และ หมู่ 4 ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี รวม 1,318 ไร่
จันทรัตน์ รู้พันธ์ ผู้ประสานงานชุมชนไทดำ ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ระบุว่า ในการประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณะประโยชน์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการออก น.ส.ล.ที่ออกคลาดเคลื่อน และผิดตำแหน่ง แต่ผลการประชุมวันนั้นซึ่งมีอนุกรรมการทั้งหมด 13 คน แม้ปรากฏข้อเท็จจริงยุติแล้ว จากการสอบสวนโดยตั้งคณะทำงานระดับอำเภอ ซึ่งมีนายอำเภอเป็นประธาน, ระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธาน และระดับกระทรวงมหาดไทย มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน และระดับนโยบายมี รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ แต่งตั้งทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาสอบสวนยุติแล้วว่า มีการออก น.ส.ล.ผิดตำแหน่ง และมีการสอบสวนลึกไปกว่านั้น ว่า มีการใช้ประโยชน์ร่วมกันไม่ครอบคลุมถึงชุมชนไทดำ จึงมีกระบวนการแก้ไขปัญหา ตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการเพิกถอน น.ส.ล. ปี 2529 ซึ่งกำหนดมาจากกระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 16 ต.ค. 65โดยมาตรการนี้ เป็นการกำหนดโดยอำนาจหน้าที่ที่รัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งได้ข้อยุติแล้วว่า น.ส.ล. นี้ออกผิดตำแหน่งจึงต้องมีการรังวัดบริเวณที่คลาดเคลื่อนออกมา
ส่วนการแก้ไขปัญหาโดยการรังวัดในพื้นที่ที่ผิดพลาดนั้น ก็สิ้นสุดกระบวนการแล้ว หมายความว่า ลงรังวัดในนามของคณะทำงานระดับอำเภอ ซึ่งมีนายอำเภอเป็นประธาน ได้มอบหมายให้คณะทำงานระดับอำเภอซึ่งมี นายก อบจ. กำนันผู้ใหญ่ และตัวแทนชาวไทดำ รังวัดเพื่อกันเขต และยุติแล้ว ซึ่งได้ประกาศ 30 วัน ปรากฎว่า ทางอำเภอก็ไม่ได้คัดค้าน และก็เห็นชอบการแก้ไขปัญหาของชุมชนไทดำ และประกาศอีก 30 วัน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปรับทราบ ปรากฏว่ามีการคัดค้าน 3 คน แต่บริเวณคัดค้านอยู่นอกเหนือชุมชนไทดำ ซึ่งจริง ๆ ตามกระบวนการแก้ไขก็น่าจะจบ ในวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ ก็สามารถสั่งเพิกถอนได้เลย
- เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง : ‘ไทดำ’ ผิดหวังมติที่ประชุม ข้อสรุปชัด แต่ไม่เพิกถอน น.ส.ล.ทับที่ดินชุมชน

แต่ปรากฏว่าทางจังหวัด คือ รองผู้ว่าฯ และที่ดินจังหวัด กลับรายงานบอกว่า ผลการรังวัดถูกต้องตามตำแหน่ง และได้เนื้อที่เท่าเดิมซึ่งเป็นการขัดแย้งกับเอกสารที่รายงานขึ้นไป จึงเป็นที่มาของการนัดประชุมใหม่ใน 30 วัน ซึ่งได้กำหนดการประชุมในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ที่กระทรวงมหาดไทย
“นี่จึงเป็นเหตุผลและความชอบธรรม ที่เราจะขึ้นกรุงเทพฯ เพื่อร่วมประชุมและแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จ ซึ่งเรามีความหวังและเป้าหมายว่า คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 13 คน จะมีมติเพื่อสั่งการให้ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ดำเนินการเพิกถอนที่ดิน น.ส.ล.ให้แล้วเสร็จ คือการแก้ไขเนื้อที่ที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อนที่รังวัดเสร็จแล้ว และประกาศเสร็จแล้ว รวม 1,318ไร่ เพื่อคืนสิทธิดั้งเดิมให้กับชุมชนไทดำ”
จันทรัตน์ รู้พันธ์
ตัวแทนชาวไทดำ ยังย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างรัฐกับประชาชน แต่เป็นการแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อให้ความเดือดร้อนที่ชาวไทดำ เผชิญไม่น้อยกว่า 70 ปี ที่ทนทุกข์กับปัญหาความไม่มั่นคงในที่ดิน การพัฒนาที่เข้าไม่ถึง เช่น ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิทธิชุมชนได้รับการยอมรับและเกิดการแก้ไข
ชาวไทดำลุ่มน้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี มีกำหนดเดินทางไปกรุงเทพฯ ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ และจะปักหลัก ที่ลานคนเมือง กทม.รวมถึงจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความเข้าใจปัญหาที่ดิน ที่หอศิลป์ฯ กรุงเทพฯ ก่อนเข้าร่วมประชุมที่กระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้