TTRS ปิดให้บริการล่ามภาษามือ เหตุ กสทช. ไร้งบฯ หนุนมาแล้ว 2 ปี 

เผย ไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ ตัวแทนคนหูหนวก ยอมรับ เกิดผลกระทบ ทั้งด้านอาชีพ การสื่อสาร หวั่นรัฐบาล – กสทช. ไม่ให้ความสำคัญ ชุมชนคนหูหนวก ขณะที่ อดีต กสทช. เรียกร้อง กสทช. ชี้แจง พร้อมหาสมดุลเรื่องนี้ ก่อนถูกมองว่าละเลยคนด้อยโอกาส

ตามที่มีรายงานว่า ศูนย์บริการถ่ายทอดการสื่อสารแห่งประเทศไทย (TTRS) ประกาศปิดให้บริการล่ามภาษามือทุกระบบ ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. 68 เป็นต้นไป โดยชี้แจงเหตุผลว่า สถานการณ์ของ TTRS ตอนนี้อยู่ในระหว่างรอเงินงบประมาณจาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งไม่ได้จ่ายงบประมาณมาแล้วเป็นเวลา 2 ปี ทำให้ TTRS เกิดวิกฤตทางการเงิน ไม่มีงบประมาณเพียงพอทาง TTRS จึงมีความจำเป็นต้องปิดบริการทุกระบบ ทั้งระบบวิดีโอ ไลฟ์แชท ตู้ให้บริการสาธารณะ และระบบเชื่อมต่อระหว่างคนหูดีกับคนหูหนวก

“แม้ทาง TTRS ได้พยายามให้บริการคนหูหนวก ด้วยการแบกรับภาระนี้ไว้ เพื่อให้คนหูหนวกไม่ได้รับผลกระทบ จนถึงตอนนี้ TTRS ไม่สามารถแบกรับภาระหนี้สินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าเงินเดือนพนักงาน ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าเช่าระบบ ค่าบำรุงรักษาระบบ ค่าอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จึงจำเป็นที่ต้องปิดบริการทุกระบบตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568 ไปจนกว่า TTRS จะได้รับงบประมาณจาก กสทช. จึงจะสามารถเปิดบริการได้ตามปกติ” 

โดยปกติแล้ว กสทช. จะให้งบประมาณในการดำเนินกิจการเป็นรายปี ขณะที่ก่อนหน้านี้ TTRS เคยประสบกับปัญหานี้มาแล้ว เมื่อปี 2566 เนื่องจากปัญหาอยู่ที่รอยต่อระหว่างปี ในตอนนั้นมีการปิดให้บริการเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานของกลุ่มคนหูหนวกและคนหูตึง อย่างเช่นการสั่งอาหาร การไปโรงพยาบาล หรือคลินิก

นับดาว องค์อภิชาติ  ตัวแทนคนหูหนวก ผู้ใช้งานบริการ TTRS ให้ความเห็นว่า ระหว่างรออนุมัติและ TTRS Thailand (ล่ามภาษามือ) ปิดบริการเป็นหลายวัน นั้นทำให้มีผลกระทบกับชุมชนคนหูหนวกในประเทศไทย และอาชีพของคนหูหนวกอย่างหนัก คนหูหนวกหยุดทำงาน ขาดทุน หลายวัน งานไม่เดิน รวมถึงขาดการสื่อสาร ส่งผลให้คนกลุ่มนี้ตกอยู่ในโลกแคบอีก พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะ รัฐบาลไทย และ กสทช. ยังไม่เห็นว่าการสื่อสารในชุมชนคนหูหนวกมีความสำคัญหรือไม่ จึงทำให้อนุมัติช้า ?

“ดิฉันไม่เข้าใจว่า รัฐบาลไทย กสทช. ยังไม่เห็นใจ ชุมชนคนหูหนวก และไม่เห็นความสำคัญของการสื่อสาร จึงทำให้อนุมัติช้า ? แล้ว ความเท่าเทียม การสื่อสาร อยู่ที่ไหน ? ลองคิด ถ้าตัดสัญญาณ หรือตัดการติดต่อ จะรู้สึกอย่างไร เท่ากับคนหูหนวกจะเสียความรู้สึกและผลกระทบเป็นอย่างหนักมากรัฐบาลไทย ไม่เคยเข้ามาดูบ้าง และทำไมไม่รีบดำเนินการให้เพื่อผลักและสนับสนุนอาชีพคนหูหนวกคนหูหนวก ต้องใช้ การสื่อสาร เพื่อความเท่าเทียม”

นับดาว องค์อภิชาติ

ขณะที่ สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการนโยบาย สภาองค์กรของผู้บริโภค ในฐานะ อดีต กสทช. เปิดเผยกับ The Active โดยให้ความเห็นในมุมของสิทธิผู้บริโภค ว่า ถ้ามองในภาพกว้างของสังคมไทย คนส่วนมากอาจจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่หากพูดถึงการคุ้มครองสิทธิต้องนึกถึงทุกคนและกลุ่มคนที่เขาลำบากที่สุดก็จะต้องไม่ทิ้งเขา 

อาจจะต้องสำรวจตัวเลขผู้ใช้งาน สำรวจความต้องการผู้ใช้บริการว่ามีมากแค่ไหน แม้ว่าจะน้อยลง แต่ถ้าเขาไม่มีทางเลือกอื่นและยังจำเป็นต้องใช้งานอยู่ ก็จะต้องดูแลคนกลุ่มนี้ไม่อย่างนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นการพัฒนาไปข้างหน้ามี 6G แต่ทิ้งคนไว้ข้างหลัง คนที่ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเอกชนในเรื่องของการทำธุรกิจก็จะถูกละเลย

“อาจจะมองว่ามันมีความจำเป็นน้อยลงแต่มันก็จะต้องมีตัวเลขยืนยันสุดท้ายเค้าต้องออกมาแถลงว่าที่ไม่ให้งบประมาณต่อเพราะอะไร เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นหรือเปล่า แล้วถ้าไม่จำเป็น แต่ยังมีคนที่ได้รับผลกระทบอยู่จะช่วยดูแลเยียวยาอย่างไร”

สุภิญญา กลางณรงค์

สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการนโยบาย สภาองค์กรของผู้บริโภค

สุภิญญา ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า หากมีเหตุผลอื่นที่ทาง กสทช. มองว่า ไม่คุ้มค่า กสทช. ก็ต้องออกมาชี้แจง เพราะว่ามีคนที่เดือดร้อน และได้รับผลกระทบ อาจต้องหาสมดุลของเรื่องนี้ไม่เช่นนั้น กสทช. ก็จะถูกมองว่าละเลยคนด้อยโอกาส

ในขณะที่กลุ่มทุนใหญ่ กสทช. กลับให้ความสำคัญ เท่ากับว่าความเป็นธรรมมันก็จะไม่เกิดขึ้น อาจจะให้คุณค่าและความสำคัญกับธุรกิจของเอกชนมากกว่าภาคบริโภคหรือประชาชนทั่วไป ทั้งที่เจตนารมย์ของการออกแบบ กสทช. ก็ให้มี กสทช. ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคนรวมถึงผู้ด้อยโอกาสและผู้พิการด้วย

อย่างไรก็ตาม TTRS ได้โพสต์ข้อความชี้แจงเพิ่มเติมว่า “เข้าใจว่าการปิดบริการส่งผลกระทบกับการสื่อสารของคนหูหนวก แต่เรามีปัญหาเรื่องขาดงบประมาณไม่สามารถจ่ายค่าต่าง ๆ ได้อีก TTRS จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายลงเพื่อรอวันที่ กสทช.จะอนุมัติงบประมาณ แล้ว TTRS จะกลับมาเปิดบริการได้อีก”

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active