ตรวจข้อสอบ EHIA แลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง ตัดเกรด F สอบตกทุกกระบวนการศึกษา

นักวิชาการ ภาคประชาชน ชำแหละ รายงานผลการศึกษาผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ท่าเรือแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง ชี้ การกำหนดขอบเขตไม่ครอบคลุมพื้นที่ได้รับผลกระทบ การศึกษาไม่รอบด้าน มี พิรุธ “ข้อมูลตัดแปะ” ผิดพลาดเยอะ ขาดการตรวจสอบ

วันที่ 1 ส.ค. 2568 Beach For Life ร่วมกับ มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW), มูลนิธิภาคใต้สีเขียว, เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนภาคใต้ และ กรีนพีช ร่วมจัดเวที “วิพากษ์ EHIA ท่าเรือแลนด์บริดจ์ชุมพร – ระนอง” ซึ่งเป็นการวิเคราะห์รายละเอียดใน รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการกิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง (Environment and Health Impact Assessment: EHIA) ในหลากหลายมิติ ประกอบด้วย ผลกระทบทางสังคมและชุมชน ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและชาติพันธุ์ ผลกระทบต่อสุขภาพวิถีชีวิตประชาชน กฎหมายและการมีส่วนร่วมของประชาชน ผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง มุมมองความหลากหลายทางชีวภาพและพื้นที่อนุรักษ์ ประเด็นสมุทรศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงชายฝั่ง และผลกระทบทาการถมทะเล 

อภิศักดิ์ ทัศนีย์ ผู้ประสานงานกลุ่ม Beach for Life กล่าวว่า เอกสารการรายงาน EHIA มีจำนวน มากกว่า 1,300 หน้า มีทั้งหมดจำนวน 2 เล่ม การจัดเวทีครั้งนี้จะมีนักวิชาการที่ร่วมอ่าน และวิพากษ์ รายงานท่าเรือน้ำลึกทั้ง 2 ฝั่ง ที่พบว่ามีการแยกกันทำ EHIA ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น ซึ่งจะรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ 

อภิศักดิ์ ได้วิพากษ์ในประเด็น ผลกระทบทางสังคมและชุมชน ซึ่งมีทั้งหมด 4 ประเด็น ได้แก่

  1. ปัญหาการกำหนดขอบเขต การศึกษาที่ไม่ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบ 
  2. การตอบคำถามประชาชนที่ไม่ตรงคำถาม 
  3. ชี้ไม่ชัดว่าผลกระทบจะอยู่ที่ใคร อยู่ตรงไหน และกระทบอย่างไร 
  4. เป็นการโยนภาระการจัดการให้หน่วยงานอื่น 

เช่นเดียวกับ อาภา หวังเกียรติ อาจารย์สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่มองว่า โครงการนี้ผิดตั้งแต่เริ่มต้น เปรียบเสมือนเอาคนเท้าเบอร์ 7 มาตัดรองเท้าเบอร์ 9 ให้ใส่ กล่าวคือ “ไม่ศึกษาก่อนที่จะลงมือทำ” และจากการอ่านรายงานสรุปผู้บริหาร  การจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic environmental assessment :SEA) ของ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ไม่เจอเรื่องแลนด์บริดจ์ และเรื่องนี้ไม่เคยทำ SEA มาก่อน ดังนั้นโครงการนี้ผิดตั้งแต่แรก

อาภา ชี้ว่า โครงการนี้เป็นชุดโครงการขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่หลังท่าเรือ มีการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กำลังศึกษาหลายโครงการ ซึ่งการศึกษาจะต้องศึกษาต่อเนื่องกันหลายโครงการ แต่ EHIA นี่มีความเป็นเอกเทศ ทำเฉพาะโครงการ แม้แต่ชาวบ้าน ถามว่าจะมีการเวนคืที่ดินหรือไม่ คำตอบ

“โครงการศึกษาทำเฉพาะท่าเรือ ไม่ได้พัฒนาพื้นที่หลังท่าเรือ ถ้าไม่มีท่าเรือจะมีพื้นที่หลังท่าไหม ทั้งที่จริงต้องศึกษาทั้งหมดร่วมกัน นอกจากใส่รองเท้าผิดเบอร์ ยังใส่เสื้อผิดไซต์ กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด”
อาภา หวังเกียรติ

อาภา อธิบายเพิ่มว่า ขอบเขตพื้นที่ในการศึกษาที่นอกแนวเขตรัศมี 5 กิโลเมตร ชาวบ้านยื่นร้องเรียน ว่าได้รับผลกระทบจากการที่ต้องเข้าไปใช้ประโยชน์พื้นที่ ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ คัดเลือกที่ตั้งโครงการรูปแบบท่าเรือ ใช้ Google Earth ที่กำหนดขอบเขตผิด เชื่อว่าหากมีการกำหนดผลกระทบมากกว่า 5 กิโลเมตร การให้คะแนนในรายงานนี้จะผิดพลาดหมดเลย พร้อมเสนอว่า การศึกษาต้องครอบคลุมระบบนิเวศน์บริการ EHIA ต้องตอบให้ได้ว่า จะมีเรือประมงกี่ลำที่เข้ามาจับปลาในพื้นที่ 5 กม. รอบโครงการ  เรือประมงเหล่านั้นมีจำนวนกี่ลำที่อยู่ในพื้นที่ 5 กม. รอบโครงการ และกี่ลำที่อยู่นอกพื้นที่ 5 กม. การประเมินผลผลิตประมงและมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มีอยู่และจะได้รับผลกระทบจากโครงการเป็นอย่างไร

“ถ้าตัดเกรด เหมือนตรวจข้อสอบ ขอให้ F มาลงทะะเบียนเรียนใหม่ รายงานการศึกษานี้ต้องไปทำมาใหม่”

EHIA เหมือนหมอคลำก้อนเนื้อ แต่ไม่ตรวจว่า “ลามหรือยัง”

ขณะที่มิติการรายงานด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา กล่าวว่า หัวใจคือ การกำหนดขอบเขต โดยเปรียบโครงการศึกษานี้กับการรักษาของแพทย์ ที่เหมือนคนไข้เจอก้อนเนื้อใหญ่ในเต้านม โครงการนี้ ดูแค่ว่า การคลำ ดูแมมโมแกรม แต่จริง ๆ ต้องดูเรื่องมะเร็งด้วยว่าลามไปที่ไหนบ้าง การกำหนดของเขตที่ไม่ถูกต้องนำมาสู่ความล้มเหลวของทั้งกระบวนการ ถ้าเป็นหมอ ถูกถอนใบวิชาชีพ 

ขณะที่รายงานใช้ข้อมูลทุติยภูมิ กรอบนิยามสุขภาพแคบ และมีข้อมูลผิดพลาดชัดเจน เช่น การนำข้อมูลประมงพื้นบ้านทั้งอำเภอมา “ตัดแปะ” แทนที่จะศึกษาเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจริง ที่สำคัญการศึกษาควรรวมถึงถนนสายหลักที่ใช้ในการขนส่ง การขนหินมาถม การใช้ท่าเรือเดิมของระนอง และผลกระทบจากกระบวนการก่อสร้างที่อาจยาวนานนับสิบปี

“การกำหนดขอบเขตไม่ครบ หรือ เจตนาลักไก่ ถนนหลักที่เข้าสู่ท่าเรือ เป็นส่วนหนึ่งของท่าเรือไม่อยู่ในการศึกษา ท่าเรือระนองเดิม ถูกใช้เป็นท่าเรือชั่วคราวในการก่อสร้าง แต่ไม่อยู่ในการศึกษา นี่เป็นการศึกษาที่เหมือนมะเร็ง ที่อาจลามไปถึงสมอง แต่ไม่ศึกษา การก่อสร้างใช้เวลาเป็น 10 ปี ผลกระทบมันยาวนาน”
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ

นพ.สุภัทร ยังกล่าวถึง บริเวณแหลมริ่ว ชุมพร ที่จะขนหินมาถม ก็กำหนดขอบเขต 5 กิโลเมตรเช่นกัน แต่ขนมาจากพื้นที่อื่น การขนส่งผ่านถนนพื่นที่หมู่บ้าน การกำหนดของเขตไม่ศึกษาถนนที่ขนส่งด้วย เพราะโครงการนี้งบประมาณสูงถึง 1 ล้านล้านบาท

การท่องเที่ยว–ชาติพันธุ์ ถูกมองข้าม

บัณฑิตา อย่างดี ตัวแทนภาคประชาชนจากระนอง ระบุว่า ระนองเป็นจังหวัดที่มีต้นทุนทางธรรมชาติสูง มีพื้นที่ป่าชายเลนจำนวนมาก และเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่กลับไม่มีการศึกษาผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างรอบด้าน จากการเก็บข้อมูลในเกาะพยาม พบว่ามีธุรกิจ 24 ประเภทใน 8 หมวด สร้างรายได้รวมกว่า 1,200 ล้านบาท กระจายสู่ชาวบ้านอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านที่มีรายได้จากการจำหน่ายอาหารทะเลกว่า 500 ล้านบาทต่อปี

ด้าน รสิตา ซุ่ยยัง จากเครือข่ายรักษ์ระนอง กล่าวเสริมว่า รายงาน EHIA ไม่สะท้อนความเป็นอยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์มอแกน แม้จะระบุว่ามีอยู่ในพื้นที่ แต่ไม่มีการพูดถึงผลกระทบใด ๆ โดยเฉพาะพี่น้องมอแกนบางคนไม่มีบัตรประชาชน สื่อสารภาษาไทยไม่ได้ ออกนอกพื้นที่ไม่ได้ เขาอาศัยอยู่ในเกาะพยามมานาน เราเคยจัดกิจกรรมเก็บขยะทะเลร่วมกัน ชาวบ้านมีส่วนร่วมอนุรักษ์พื้นที่ แต่วันนี้เขาถูกปัดตกจากรายงานนี้ เขาถูกเหยียบให้อยู่ใต้พรม ทั้งที่เขาคือมนุษย์คนหนึ่ง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active