ถาม นายกฯ เขยระนอง ทำไมจะฆ่าคนระนอง ? จี้ หยุดกฎหมายพิเศษ SEC ในภาคใต้ ไม่ขยายพื้นที่ EEC ย้ำ จับตาคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หากรัฐบาลเดินหน้าต่อ ภาคประชาชนเตรียมเคลื่อนไหวใหญ่ แนะ เวลารัฐบาลมีน้อย ควรเร่ง แก้ปากท้อง แก้รัฐธรรมนูญ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
วันนี้ (18 ก.ย. 68) ที่พรรคภูมิใจไทย เครือข่ายประชาชนภาคใต้ และ เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก รวมตัวยื่นหนังสือ พร้อมอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องต่อ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ และโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง – ชุมพร โดยมีตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้รับหนังสือ
เบญจวรรณ ทับทิมทอง ตัวแทนเครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ ระบุผ่านแถลงการณ์ ว่า เครือข่ายภาคประชาชนจากภาคใต้และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาบนแนวคิด “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่ถูกกำกับด้วยกฎหมายฉบับพิเศษในพื้นที่ภาคตะวันออก (EEC) และพื้นที่ภาคใต้ที่กำลังจะถูกประกาศเป็นระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEC) เพื่อรองรับโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวคิดการพัฒนาดังกล่าวได้สร้างปัญหาให้กับพวกเราในหลายมิติ เช่น การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย รวมถึงปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกิดจากความล้มเหลวในการจัดการของเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จึงมีความเห็นว่ารัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ด้วยการกลับไปทบทวนแนวทางการพัฒนาดังกล่าวที่กำลังถูกตั้งคำถามว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนต่างชาติมากกว่าคนในชาติจนถึงตอนนี้

“พวกเราจึงมีความหวังอย่างยิ่งว่า รัฐบาลที่กำลังจะมีการจัดตั้งโดยการนำของพรรคภูมิใจไทย จะมีการบริหารบ้านเมืองที่แตกต่างและดีกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีการประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมาที่จะต้องให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายในรอบ 5 ปี ที่มีการประกาศใช้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อจะได้กลับไปทบทวนข้อบกพร่องและความล้มเหลวของการบริหารงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ตามที่ได้ยกตัวอย่างไว้เบื้องต้นก่อนที่จะมีการนำแนวนโยบายเช่นนี้ไปใช้ในภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป”
แถลงการณ์ ยังย้ำว่า เครือข่ายฯ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หากรัฐบาลจะบรรจุนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ และโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง – ชุมพร แถลงต่อรัฐสภา จึงขอเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทย ได้ใช้เวลาในการบริหารบ้านเมืองที่มีอยู่ ที่เป็นไปตามเจตจำนงที่ได้บันทึกข้อตกลงกับพรรคประชาชน ที่ว่าจะเข้ามาเพื่อสร้างทางออกให้กับสังคมการเมืองที่ดีขึ้น ด้วยการเลือกทำในเรื่องสำคัญอย่าง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปากท้องประชาชน รวมถึงปัญหาความมั่นคงของประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในสังคม มากกว่าที่จะประกาศเดินหน้าโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ภายใต้แนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างของคนในสังคม ซึ่งไม่ควรให้เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้

นายกฯ เขยระนอง อย่าฆ่าคนระนองด้วย กม.SEC – แลนด์บริดจ์
ทม สินสุวรรณ เครือข่ายรักษ์ระนอง ย้ำว่า มาวันนี้อยากมาบอกกับนายกฯ อนุทิน ว่า ท่านเป็นเขยระนอง แล้วทำไมท่านจะฆ่าคนระนอง
“ท่านนายกฯ ขา…ได้โปรดเถอะค่ะ ยกเลิก พ.ร.บ. SEC และแลนด์บริดจ์ คนระนองไม่ต้องการค่ะ”ทม สินสุวรรณ

บทเรียน EEC ไม่ควรนำไปขยายในพื้นที่อื่น
กัญจน์ ทัตติยกุล ชาวบ้าน ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ย้ำถึงการเข้ามาของ EEC ในปัจจุบัน ทำให้มีการเปลี่ยนมือและการใช้ประโยชน์ที่ดินของพื้นที่ ชาวบ้านท้องถิ่นดั้งเดิมถูกขับไล่ คนที่ต่อสู้ก็ถูกฟ้องร้อง ซึ่งพบคดีลักษณะนี้เกิดขึ้นใน 3 จังหวัด EEC รวมไปถึงปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะขยะอุตสาหกรรม หรือ “กากอุตสาหกรรม” ที่มีขยะมากกว่า 5 ล้านตันต่อปี ไม่ถูกจัดการอย่างถูกต้อง มีเพียงไม่ถึงครึ่งที่ถูกส่งไปกำจัดที่โรงงาน ซึ่งก็พบว่า บางโรงงานก็ไม่ได้ทำตามกระบวนการที่ถูกต้อง และกากอุตสาหกรรมมากกว่าครึ่ง พบมีการลักลอบฝังกลบเกิดขึ้นหลายจุดในภาคตะวันออก จากเหตุผลนี้จึงมองว่าไม่ควรนำรูปแบบการพัฒนาเขตเศรษฐกิจไปขยายในพื้นที่อื่นในประเทศไทยอีก
หวั่นขยาย EEC ไปปราจีนฯ ทำลายพื้นที่ทางอาหาร
อรชา จันทร์เดช ชาวบ้าน ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีน อยากขอให้นายกฯ เว้น จ.ปราจีนบุรี ให้เป็นพื้นที่ทำกิน เป็นพื้นที่ผลิตอาหารชั้นดีให้กับคนในประเทศ เนื่องจากจังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ส่งออก และจำหน่ายตลาดในประเทศ หากรัฐจะต้องการขยายพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษหรือเขตอุตสาหกรรมไปทุกพื้นที่ในประเทศนี้ จะทำให้พื้นที่ผลิตอาหารหายไป นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบ จากการรุกคืบของทุนจีนที่มาพร้อมกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย
“ท่านทราบไหมร้านลาบอาหารอีสาน มีเจ้าของเป็นคนจีนไปเทคโอเวอร์ร้านอาหารลาบอุดรธานี ที่ปราจีนบุรี แล้วพวกเราจะเหลืออะไรร้านลาบเรายังไม่เหลือเลย อาหารของเราเขาก็ยังมาเทค แล้วพื้นที่เราจังหวัดเรา จะเหลืออะไรไว้ให้เราบ้าง ก็อยากให้ท่านนายกฯ หรือ สส.พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาลได้โปรดมองเห็นประโยชน์ของพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี หรือแม้กระทั่งภาคใต้ที่ผลิตอาหารทะเล ให้คนไทยได้กิน ได้ส่งออก อยากให้มองเห็นศักยภาพพื้นที่จริง ๆ มันควรพอได้แล้วค่ะการขยายพื้นที่อุตสาหกรรม”
อรชา จันทร์เดช

รัฐบาลอายุสั้น ไม่ชอบธรรมดันโครงการใหญ่
ขณะที่ สุนทร คมคาย ผู้แทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง มองว่า การที่ อนุทิน เข้ามาเป็นนายกฯ เวลานี้คือต้องดำเนินการยุบสภาฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การดำเนินโครงการใหญ่อย่าง EEC หรือการทำ แลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่กระทบกับพี่น้องประชาชนวงกว้าง และกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย ซึ่งความชอบธรรม ของรัฐบาลชั่วคราวที่มีอายุเพียงแค่ 4 เดือน จะทำเรื่องใหญ่แบบนี้ความชอบธรรมอาจจะไม่มี
“การผลักดันตอนนี้หากถึงเวลาต้องแก้ไขก็จะลำบาก นโยบายลุงตู่ 8 – 9 ปีที่ทำมา ม.44 ที่เราพยายามจะยกเลิก ใช้เวลาหลายปีมาก เพราะฉะนั้นผมขอร้องว่าวันนี้ถ้าจะต้องตัดสินใจจริง ๆ ขอให้เห็นถึงความชอบธรรม ครั้งหน้าถ้าท่านเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือเป็นนายกฯ อีกครั้ง ค่อยมาผลักดันโครงการที่ท่านต้องการ”
สุนทร คมคาย
ย้ำ ภาคใต้-ตะวันออก ตกอยู่ชะตากรรมเดียวกัน
รัฐบาลต้องทบทวน หยุดเดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ขณะที่ สมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) บอกกับ The Active ด้วยว่า ก่อนนี้มีการพูดต่อสาธารณะทั้งตัว นายกฯ เอง และแกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศว่าจะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ เรามีข้อสังเกตว่า โครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่ตกทอดมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ในข้อเท็จจริงมีปัญหาเยอะมาก ทั้งเรื่องความเห็นที่แตกต่าง ขั้นตอนกระบวนการรับฟังความเห็น และมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในพื้นที่ และเมื่อเห็นว่า นายกฯ อนุทิน เข้ามาบริหารประเทศภายในระยะเวลาที่จำกัด ไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นนโยบายหลัก แต่ควรจะไปเดินหน้าสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ และเลือกทำเฉพาะที่จำเป็นตาม MOA อย่างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปัญหาปากท้อง แม้กระทั่งปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทยกัมพูชา

“ผมคิดว่า 4 เดือน คุณทำเรื่องเหล่านี้ให้ได้แล้วกัน ถ้าจะขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเราหนีไม่พ้นที่จะพูดถึงเรื่องกฎหมายที่จะมาขับเคลื่อนโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.EEC ที่จะเพิ่ม จ.ปราจีนบุรี เข้าไป รวมถึง ร่าง พ.ร.บ.SEC ที่จะเอา 4 จังหวัดภาคใต้ มาขับเคลื่อนเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ผมคิดว่านี่คือเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลที่จะมาบริหารประเทศเพียงชั่วเวลาหนึ่งไม่ควรจะผลักดันเรื่องนี้เราจึงมาส่งเสียง เพราะทั้งภาคตะวันออก และภาคใต้เวลานี้ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน”
สมบูรณ์ คำแหง
สมบูรณ์ ยังชี้ว่า จากนี้เตรียมจับตาการแถลงนโยบายของรัฐบาล หากมีการขับเคลื่อนประเด็นเหล่านี้ทางเครือข่ายภาคประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ส่วนในเรื่องการเมืองที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งปลายปี หรือต้นปีหน้า ประเด็นนี้จะเป็นประเด็นใหญ่ของคนภาคใต้ การตั้งคำถามกับพรรคภูมิใจไทยที่กล้าเดินหน้าโครงการเหล่านี้ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจจะต้องมาวัดใจกัน
“ในช่วงเวลานี้ที่ยังเป็นรัฐบาล คิดว่าคงไม่ใช่แค่ 4 เดือนแน่ ๆ น่าจะอยู่เกือบ ๆ 8-10 เดือน ผมคิดว่าถ้าโครงการเหล่านี้ยังอยู่ในนโยบายคุณจะขับเคลื่อนผมคิดว่าอาจจะมีปฏิบัติการของพวกเราแน่ ๆ หรืออาจจะมีภาคอื่นที่เราพยายามให้ข้อมูลอยู่เพราะเรื่องกฎหมายพิเศษ ก็มีแผนที่จะขยายไปภาคเหนือและภาคอีสานด้วย”
สมบูรณ์ คำแหง
ขณะที่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการจัดเวทีเสวนา จาก EEC ถึง SEC ความล้มเหลวจากตะวันออกที่กำลังส่งต่อให้ภาคใต้ โดยมีนักวิชาการ นักกฏหมายสิ่งแวดล้อม และภาคประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม ซึ่ง สมบูรณ์ บอกว่า จากเวทีมีข้อสังเกตถึงกฎหมาย EEC ที่ออกมาในยุค คสช. รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประชาชนไม่สามารถส่งเสียงทางการเมืองได้ ก็เป็นข้อคำถามกฎหมายเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร ซึ่งต้องกลับไปดูรายละเอียดว่า กฎหมายเหล่านี้ไปเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนขนาดขนาดไหน และเป็นคำถามใหญ่ว่าปัจจุบันเมื่อเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย แต่ยังขับเคลื่อนกฎหมายนี้อยู่อีกหรือ ? และเชื่อว่าหากทุกคนได้เข้าใจรายละเอียดในกฎหมาย คนภาคใต้ก็คงจะตั้งคำถามกับพรรคภูมิใจไทย ถ้ายังกล้าที่จะดันนโยบายแบบนี้อยู่
รับปากข้อเรียกร้องประชาชน ถึงมือนายกฯ อนุทิน
ด้าน อารี ไกรนรา อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทยที่มารับหนังสือจากเครือข่ายฯ บอกว่า ตามสโลแกนของพรรคภูมิใจไทย คือ “พูดแล้วทำ” และพรรคภูมิใจไทยเอาพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำงาน รับฟังข้อคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วน โดยรับปากจะนำหนังสือไปส่งยัง นายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อจะได้ร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป

อารี ยังเปิดเผยกับ The Active ถึงกรณีการคัดค้านแลนด์บริดจ์ โดยเชื่อว่าผู้ใหญ่ต้องนำไปคิดต่อ เพราะมีหนังสือมาจากประชาชนที่บอกว่าไม่ต้องการ จึงต้องดูว่าทั่วถึงหรือไม่ มีคนไม่ต้องการมากน้อยแค่ไหน ต้องการอย่างไร ก็ต้องรับฟัง
เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ว่าทางพรรคจะขับเคลื่อนกฎหมายเศรษฐกิจพิเศษ อารี บอกว่า ช่วงเวลานี้อาจจะทำอะไรได้ไม่เยอะ ต้องมาคิด ตอนนี้ยังไม่โปรดเกล้า ครม. ส่วนปัญหาอื่นที่ต้องแก้ก็ยังมีอีกหลายปัญหา ส่วนกลางจะเดินหน้าหรือไม่ต้องรอคำตอบที่ชัดเจนจากนายกฯ อนุทิน เป็นคนตัดสิน
“พวกเรามายื่นหนังสือวันนี้แล้ว เอกสารต่าง ๆ นายกฯ ก็คงจะเอามาพิจารณา”
อารี ไกรนรา